ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 406

มู่กุยฝานจับตัวเฉินชางอวี๋เดินทางกลับประเทศทันทีในตอนกลางคืน

เฉินชางอวี๋กลุ้มใจจนใกล้จะเป็นบ้าอยู่แล้ว เดิมทีคิดจะหลบหนีเพื่อต้องการหลีกเลี่ยงคนฝีมือสูงส่งที่ลึกลับ

ระหว่างทางก็เคยคิดอยู่บ้างว่าถ้าโดนจับแล้วจะทำยังไงดี ที่จริงก็ไม่มีความผิดข้อหาอะไร และอีกอย่างเส้นสายของคนที่เขารู้จัก ถ้าคิดจะกักขังตัวเขาไว้ก็คงเป็นไปได้ยาก

แต่ตอนนี้หม่าหลินคามิลลี่คิดจะฟ้องเขาในข้อหาวิ่งราวทรัพย์ เขากลายเป็นพวกมิจฉาชีพ...อยากจะขอให้คนรู้จักช่วยเหลือก็ลำบากมาก!

เฉินชางอวี๋กระอักเลือด เขาอุตส่าห์ใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังมาสิบกว่าปี จะไม่ยอมให้โดนจับในสภาพแบบนี้เด็ดขาด

จากประเทศสหรัฐอเมริกาจนถึงประเทศตัวเอง ใช้เวลานั่งเครื่องบินสิบสองชั่วโมง

ทันทีที่มาถึงสนามบิน มีคนกลุ่มหนึ่งบังเอิญพบเจอกับลูกเรือที่เตรียมพร้อมจะขึ้นเครื่อง

ซูเยว่เฟยดูสง่าผ่าเผยในชุดเครื่องแบบ แข้งขาที่ยาวอยู่แล้วก็ยิ่งดูเรียวยาวมากขึ้น ขากางเกงเรียบจนไม่เห็นรอยยับ ดึงดูดสายตานักท่องเที่ยวจนได้พูดคุยกันอย่างหนาหู

มีคนลุกขึ้นมาเพราะทนไม่ไหว บางคนก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างรีบร้อน และบางคนก็หันมามองหลายรอบจนชนเข้ากับคนข้างหน้า

มู่กุยฝานและพวกพ้องก็ได้จับกุมเฉินชางอวี๋เดินออกไปอีกเส้นทางหนึ่ง ซูเยว่เฟยได้ดึงดูดสายตาผู้คนจำนวนมากมายอยู่ในห้องโถง

เดิมทีเขาก็เป็นคนรูปร่างสูงอยู่แล้ว และมักจะเป็นที่ดึงดูดตาผู้คน ท่าทางเยือกเย็นสุขุม ทำให้คนทั่วไปมักไม่กล้าเข้าใกล้ จุดนี้ก็ถือได้ว่ายังเหนือกว่าซูเยว่เฟยอีก

“อะแฮ่ม?ช่างบัญเอิญจังเลยนะกัปตันซู!” มู่กุยฝานกล่าวทักทายไปอย่างขี้เกียจ

ซูเยว่เฟยชะลอฝีเท้าลง และพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเบาๆ

คนถ่ายรูปก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้น และบางคนก็ส่งเสียงกรี๊ดออกมา

แต่สิ่งที่ยิ่งบังเอิญมากกว่านั้นก็คือ วันนี้ซูลั่วก็จะเดินทางกลับมาที่สนามบินแห่งนี้เช่นกัน ตั้งแต่เช้าก็มีแฟนคลับรอต้อนรับอยู่ด้านนอก

เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ด ก็นึกว่าซูลั่วแอบเปลี่ยนเวลาเดินทางอย่างลับๆ จึงมาถึงก่อนเวลา

เหล่าแฟนคลับต่างพากันทยอยเบียดเข้าไปใกล้!

บรรยากาศก็วุ่นวายขึ้นมากะทันหัน เมื่อคนของมู่กุยฝานเห็นถึงเหตุการณ์เฉพาะหน้า ต่างรู้สึกตระหนกตกใจ

มู่กุยฝานมองดูเฉินชางอวี๋

เฉินชางอวี๋คิดจะหาโอกาสหลบหนีมาตั้งแต่แรก

ตอนนี้ก็ได้เวลาที่เหมาะสม เหมือนสวรรค์จะเปิดทางให้เขาแล้ว!

เฉินชางอวี๋ไม่ทันได้ไตร่ตรองอย่างรอบคอบ ก็วิ่งพุ่งเข้าไปหาซูเยว่เฟยที่อยู่ห่างเพียงระยะสองก้าว!

คนๆนี้รู้จักกับมู่กุยฝาน ถ้าจับเขาเป็นตัวประกัน อัตราความสำเร็จมีค่อยข้างสูง!

ถึงแม้เฉินชางอวี๋จะถูกมัดมือไขว้หลังไว้ แต่ในระหว่างการเดินทางเขาได้หาช่องทางอยู่ตลอด มีหรือที่ในมือของเขาจะไม่มีการเตรียมการเอาไว้?

มียันต์เหลืองบินว่อนออกไปเป็นแถว!

และในเวลาเดียวกันเขาเองก็ไปถึงตรงด้านหน้าของซูเยว่เฟย จากนั้นก็อ้าปากกัดซูเยว่เฟย——เพื่อหลบหนีเอาชีวิตรอด เดิมทีที่กำลังวางมาดดั่งผู้สูงส่งก็ไม่คิดจะสนใจอะไรอีกแล้ว

เฉินชางอวี๋จ้องไปที่ซูเยว่เฟย และแสดงรอยยิ้มที่พิลึกชอบกลออกมา

“ถ้ายังไม่อยากสิ้นชีวิต…”

ประโยคที่ยังพูดไม่ทันชัดเจน จู่ๆก็มีลำแสงสีทองส่องประกาย จากนั้นก็เกิดเสียงดังอึกทึกจนทำให้เฉินชางอวี๋กระเด็นออกไป!

บนตัวของซูเยว่เฟยมีแสงระยิบระยับ จนบริเวณรอบๆก็สว่างเจิดจ้าขึ้นมา ยันต์ที่เฉินชางอวี๋ได้แปะไปที่ตัวของซูเยว่เฟย ก็ได้ลุกไหม้จนกลายเป็นขี้เถ้า

ซูเยว่เฟยกระตุกยิ้มที่มุมปาก

ทำไมแต่ละวันถึงมีแต่คนอยากมาติดเขา??

มู่กุยฝานจ้องมองอย่างตกตะลึง และได้เลิกคิ้วขึ้นมาอย่างกะทันหัน จากนั้นก็หัวเราะออกมาด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ

เขาตบไปที่หัวไหล่ของซูเยว่เฟยเบาๆ กดเสียงให้ต่ำลง “พี่สาม เกราะระฆังทองไม่เลวนี่ !ต้องสวมไว้ทุกวันเลยนะ”

ซู่เป่ามองว่านปาสืออย่างจนปัญญา “พ่อ พ่อให้อาปาสือติดตามหนูอย่างไม่เว้นระยะห่างแบบนี้ อาเค้าก็ไม่เว้นระยะห่างเลยจริงๆ !”

เธอเข้าห้องน้ำเขาก็ยืนอยู่หน้าประตูห้องน้ำ เธอนอนหลับเขาก็ยืนอยู่บนหัวเตียง เธอไปเรียนเขาก็ยืนอยู่ข้างหลัง

เพื่อนนักเรียนคนอื่นไม่มีใครตามแบบนี้ ผู้อำนวนการโรงเรียนอนุบาลก็ลำบากใจมาก และได้พูดทางอ้อมว่าไม่ต้องพาบอดี้การ์ดมาที่โรงเรียน...

“แต่ว่าอาปาสือก็ไม่ฟัง!เขาบอกว่ามีแต่คำสั่งของพ่อเท่านั้นที่ใช้ได้ผล”

ซู่เป่าทำสีหน้าเหมือนถูกรังแก และกำลังฟ้องให้พ่อรับรู้

“เปิดเรียนวันแรก พิธีฉลองวันเปิดเรียน อาปาสือยืนอยู่ข้างๆหนูตลอด เพื่อนๆทุกคนก็พากันสงสัย ได้แต่ถามหนูว่าอาคนนี้เป็นใคร!”

“ตอนนั่งเรียนอยู่ในห้อง อาปาสือก็มายืนอยู่ข้างหลังหนูตลอด จนคุณครูเองก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว!”

“เรื่องพวกนี้ยังสามารถให้อภัยได้ แต่ว่าตอนที่หนูเข้าห้องน้ำ อาปาสือก็ยังเดินตามเข้าไปในประตูห้องน้ำ ทำให้เพื่อนๆต่างพากันวิ่งหนีอย่างตกใจ!”

ภาพเหตุการณ์เหล่านั้น เปรียบเสมือนไก่บินสุนัขกระโดด

มีเพื่อนคนหนึ่งได้ไปฟ้องคุณครูว่า มีคุณอาแปลกประหลาดยืนอยู่ที่ประตูห้องน้ำ จนพวกเธอไม่กล้าไปเข้าห้องน้ำ

และยังมีเพื่อนอีกสองคน เพราะปวดฉี่มากจนกลั้นไม่ไหว เลยได้ฉี่ใส่กางเกงอีกด้วย จากนั้นก็ร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดังในที่เกิดเหตุ

คุณครูไม่รู้จะทำยังไง จึงได้บอกให้ว่านปาสือไปรอที่ประตูทางเข้าโรงเรียนได้ไหม ว่านปาสือกลับตอบว่า ไม่ได้!

ผู้อำนวยการก็ได้ออกมาช่วยเจรจาว่าให้กลับบ้านไปก่อน เด็กอยู่ที่นี่ปลอดภัยมาก...ว่านปาสือกลับพูดว่า ไม่กลับ!

ผู้อำนวนการและคุณครูต่างก็ต้องตะลึงอย่างตาค้างไปพร้อมๆกัน

“คุณยายเกือบจะตีอาปาสือด้วยมือเปล่าแล้ว แต่อาปาสือก็ไม่ยอม ทำให้คุณยายโมโหจนสลบไปอีก”

สุดท้ายไม่รู้จะทำยังไงต่อไป ซู่เป่าจึงต้องลาเรียนสองวัน เปิดเรียนวันแรกได้เรียนแค่ครึ่งวันก็ต้องกลับบ้านไปก่อนอย่างอารมณ์เสีย

มู่กุยฝาน “…”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน