ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 507

ซู่เป่าเขย่าน้ำเต้าวิญญาณ

ปกติน้ำเต้าวิญญาณจะถูกปิดเอาไว้ น้ำเต้าวิญญาณจะถูกเปิดออกก็ต่อเมื่อเธออยากเปิดหรือลืมปิดเป็นบางครั้งเท่านั้น

ซู่เป่าเขย่าน้ำเต้าวิญญาณ พวกผีหลายใจเขาก็มุดหัวออกมากันทั้งหมด

พวกผีหลายใจเขาไม่รู้ว่าเมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น พอออกมาก็งงเป็นไก่ตาแตก

รอบข้างมี ‘คน’ มากมาย

ผีดวงซวยพูดขึ้นอย่างงุนงงว่า “ครึก...ครึกครื้นดีจัง!”

ผีหลายใจตบศีรษะเขาทีหนึ่ง “เงียบสงัดขนาดนี้ ครึกครื้นกับผีน่ะสิ!”

ทันใดนั้นผีขี้แยก็พูดขึ้นว่า “ก็ครึกครื้นกับผีไม่ใช่เหรอ...”

รอบๆ มี ‘คน’ ยืนตระหง่านอยู่เรียงราย หากแขวนไฟแฟลชของบาร์ไว้สักดวง แล้วเปิดเพลงดีเจสุดฮอตอีก เธอก็อาจจะจินตนาการถึงฉากผีดิสโก้ออก

ผีขี้ขลาดไปดูซู่เป่าเป็นคนแรก เห็นเพียงแต่เธอเปียกปอนไปทั้งตัว หนาวจนสั่นอยู่ตลอด ทันใดนั้นก็เจ็บใจจนไม่ไหว

เขากอดซู่เป่าเข้าไปในอ้อมอกตามสัญชาตญาณ ไม่นึกเลยว่าเขาจะทำแบบนี้ได้ในที่แห่งนี้

ผีขี้ขลาดพยายามให้ความอบอุ่นซู่เป่าสักเล็กน้อย แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้ตัวเขาไม่มีอุณหภูมิเลย

ดวงตาของซู่เป่าเริ่มแดง เธอซบไปที่ไหล่ของผีขี้ขลาดแล้วพูดขึ้นพลางสะอื้นไปด้วย “พี่พัน อาจารย์ของหนูหายไป ป้าสะใภ้ใหญ่ก็หายไป พ่อ ลุงใหญ่ พี่เหอเวิ่นก็ไม่รู้อยู่ที่ไหน...”

เมื่อครู่เธอไม่ได้นึกถึงพ่อ ลุงใหญ่และพี่เหอเวิ่น เป็นเพราะว่าตอนที่อยู่ในหลุมหลบภัยมีเพียงแค่เธอ ป้าสะใภ้ใหญ่และอาจารย์

แต่ตอนนี้นึกขึ้นได้แล้ว เธอก็รู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาอีก

จะไม่เกิดเรื่องอะไรกับพ่อ ลุงใหญ่และพี่เหอเวิ่นใช่ไหม

“พ่อ...”

ซู่เป่าร้องไห้โฮขึ้นมาเสียงหนึ่ง

พวกผีหลายใจเขาล้อมเข้ามา ยังไม่ทราบสถานการณ์อย่างแน่ชัด แต่เห็นซู่เป่าร้องไห้อย่างปวดใจ พวกเขาก็ร้อนใจจนไม่ไหวเช่นกัน

ผีขี้ขลาดตบหลังซู่เป่า แล้วปลอบด้วยน้ำเสียงอบอุ่นว่า “เชื่อฟังนะ ไม่ร้องไห้นะ พี่พันก็อยู่นี่ไง”

เขามองไปรอบๆ แล้วพูดพึมพำอย่างอ่อนโยนด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำน่าฟัง “เชื่อฟังนะๆ ไม่ร้องไห้นะ ซู่เป่าอดทนอีกหน่อยนะ ถอดเสื้อโค้ทที่เปียกออกก่อนโอเคไหม”

ผีหลายใจพูดขึ้น “ใช่ๆ ถอดเสื้อโค้ทที่เปียกออกก่อน”

ผีขี้แยรู้สึกเพียงว่าเจ็บปวดใจ เธอร้องไห้ตามขึ้นมาด้วย “แต่ว่าที่นี่เหมือนจะหนาวมากๆ เลย ถอดเสื้อโค้ทออกก็จะหนาวมากๆ...ฮือๆๆ ทำยังไงดี!”

ผีดวงซวยมองไปรอบๆ อย่างกระวนกระวายใจ จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “เลิกร้องไห้ได้แล้ว! หนึ่งวันร้องเป็นสิบรอบ รำคาญจะตายอยู่แล้ว”

เพิ่งจะสิ้นเสียง ก็ได้ยินเสียงแกกๆๆๆ ดังขึ้น

เสียงกระดูกเสียดสีที่คุ้นเคย

ซู่เป่าอึ้ง มองไปทางที่เสียงแว่วมา มืดสนิทไปหมด มองอะไรไม่เห็นเลย

ไฟจิตดวงเล็กของเธอใช้ได้เพียงครั้งเดียว เธอโยนลูกไฟออกไปอีกครั้ง ครั้งนี้เธอออกแรงแล้วโยนออกไปไกลๆ

เห็นเพียงแต่ทางที่เปลวเพลิงพาดผ่าน ทั้งหมดล้วนเป็น ‘ศพ’ ที่อยู่กันอย่างเงียบๆ !

ที่พูดว่าเป็นศพ เป็นเพราะว่าพวกเขาไม่เหมือนผี ผีจะมีลักษณะจำเพาะของผี

สิ่งเหล่านี้เหมือนคนตาย...แต่ไม่ได้ผิดแผกไปจากตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ นอกจากสีผิวขาวซีดและตาเหลือกขาว

ซู่เป่าหดตัวตามสัญชาตญาณ

ผีขี้ขลาดปลอบ “ไม่ต้องกลัวนะ ต่อให้พวกเขากระโจนเข้ามา พี่ก็จะไม่มีทางให้พวกเขามาแตะต้องเธอแม้แต่ปลายเล็บ”

ซู่เป่าส่ายหน้า “อืม ซู่เป่าไม่กลัว...”

ผีหลายใจพูด “ถอดเสื้อโค้ทออกก่อนเถอะ ถึงจะหนาว แต่เสื้อโค้ทมันเปียก เดี๋ยวกลายเป็นน้ำแข็งแล้วจะยิ่งหนาว”

ขณะนี้เองซู่เป่าถึงสังเกตว่า เสื้อโค้ทเริ่มแข็งแล้ว

เมื่อครู่เธอตกลงไปในบ่อน้ำ จึงเปียกปอนไปทั้งตัว

ผีขี้ขลาดพูดขึ้น “ถอดออกเถอะ พี่ไม่ดูหรอก...”

เขาลุกขึ้น ลากผีดวงซวยกับผีทึ่มไปด้านข้าง “แยกกันหา ที่นี่มีคนตายเยอะขนาดนี้ ต้องมีเศษเสื้อผ้าบ้างแหละ...”

มีนิดหน่อยก็ถือว่ามีนิดหน่อย

ผีทึ่มขมวดคิ้วพลางพูดว่า “ต่อให้มี ที่นี่ก็ทั้งเปียกทั้งหนาว เดาว่าคงยากที่จะไปไหน”

ซู่เป่าที่หนาวจนสั่นอยู่ตลอดรู้สึกถึงความอบอุ่น ราวกับความอบอุ่นที่ลุงแปดคลุมเสื้อผ้าให้เธอ ในตอนที่เธอใกล้จะตายอยู่ในกองหิมะ

“ขอบคุณค่ะป้าสะใภ้ใหญ่...” ซู่เป่าทำจมูกฟุดฟิดๆ แล้วกอดเธอเอาไว้

เหยาหลิงเยว่ที่มีอุณหภูมิเพียงแค่สิบห้าองศา ในตอนนี้กลับอบอุ่นขึ้นมาอย่างผิดปกติอย่างเห็นได้ชัด

เธอออกแรงกอดซู่เป่าเอาไว้ แล้วใช้เสื้อโค้ทห่อตัวซู่เป่าเอาไว้แน่นๆ อย่างเงอะๆ งะๆ

เหยาหลิงเยว่เม้มปาก นัยน์ตาเผยการตำหนิตนเองออกมา “บาง...”

เธอไม่รู้สึกถึงอุณหภูมิ ฉะนั้นเสื้อโค้ทที่สวมจึงไม่ได้หนามาก เป็นแค่เสื้อคลุมแคชเมียร์ตัวหนึ่ง

ไม่ทำให้ร่างกายอบอุ่นเท่าเสื้อขนเป็ด

เหยาหลิงเยว่ทำท่าจะถอดเสื้อผ้าบนตัวอีก หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่เธอเดินฝ่าน้ำมาจนขากางเกงเปียก เธอยังอยากเอากางเกงให้ซู่เป่าด้วย

ซู่เป่ารีบขวางเธอเอาไว้

“ไม่ต้องแล้วค่ะป้าสะใภ้ใหญ่!”

ป้าสะใภ้ใหญ่สวมแค่เลกกิ้งตัวเดียว หากถอดออกมา...

ผีหลายใจนั่งยองๆ ดึงเข็มขัดบนเสื้อแคชเมียร์ออก แล้วช่วยซู่เป่าจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อย จากนั้นก็ใช้เข็มขัดรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา

ราวกับเด็กหญิงตัวน้อยที่สวมชุดโบราณคนหนึ่ง

แขนเสื้อก็ยังยาวมากๆ มือของซู่เป่าซุกอยู่ข้างใน ผีหลายใจกดเสื้อผ้าที่หลวมเอาไว้ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเสื้อผ้าแปะอยู่บนตัวซู่เป่า...แบบนี้ก็จะอุ่นขึ้นหน่อย

“เมื่อกี้ป้าสะใภ้ใหญ่ตกไปตรงไหนเหรอคะ หนูหาป้าไม่เจอเลย” มีคนอยู่เป็นเพื่อน ซู่เป่าจึงค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง

เหยาหลิงเยว่ชี้ไปอีกด้าน มุมปากขมุบขมิบ พูดขึ้นอย่างใช้แรงว่า “โพรง...ต้นไม้”

“โพรงต้นไม้?” ผีหลายใจพูดขึ้นอย่างประหลาดใจ “มันคืออะไร”

ผีขี้แยพูด “ไปดูด้วยกันสิ”

ซู่เป่าจ้องมองอีกด้าน ใจเต้นระรัว

ไม่รู้ทำไม ราวกับเธอได้ยินเสียงคนเรียกเธออย่างนั้น...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน