มู่กุยฝานรู้สึกว่าครั้งนี้ขาดใครไปคนหนึ่ง
เขาถามขึ้นว่า “ซู่เป่า อาจารย์ของหนูล่ะ”
ซู่เป่าพูดตามความจริง “อาจารย์บอกว่าจะไปหายมบาลท่านอื่นที่โลกใต้พิภพ เพื่อมาจับผิงเติ่งหวังกลับไป”
มู่กุยฝานสงสัย “พวกเขาจะมาเหรอ”
ตั้งนานขนาดนี้แล้ว เขานึกว่าคนข้างล่างพวกนั้นจะไม่สนใจแล้ว!
ซู่เป่าพูด “เพราะงั้นอาจารย์ถึงลงไปไงคะ!”
เพียงแต่ประโยคนี้มู่กุยฝานกลับฟังสถานการณ์ที่ยากลำบากของซู่เป่าออก
ความหมายโดยนัยของประโยคนี้คือเพราะพวกเขาไม่มาฉะนั้นจี้ฉางก็เลยต้องลงไป
เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย ตำแหน่งของซู่เป่าในโลกใต้พิภพก่อนหน้านี้เป็นยังไงกันแน่ คนพวกนั้นเคารพยำเกรงต่อเธอจริงหรือเปล่า
ทำไมเธอต้องมาสั่งสมประสบการณ์บนโลกมนุษย์ด้วย ยังมีเหตุผลอื่นอีกใช่ไหม
ไม่อย่างนั้นเมื่อรู้ว่าผิงเติ่งหวังก่อกบฏ ทำไมยังต้องให้จี้ฉางลงไปขอร้องด้วยตนเองอีก
มู่กุยฝานขมวดคิ้ว เขารู้ว่าคนที่คอยจัดการเรื่องในโลกใต้พิภพก็คือสิบยมบาลนี้ ในเทพนิยายผู้ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดหลังจากที่มนุษย์ตายไปก็คือยมบาลหัววัวหน้าม้า ยมทูตขาวดำและผู้พิพากษา
ผู้ที่ทำบทบาทเหล่านี้ ล้วนเป็นผู้ที่อยู่ใต้อาณัติของเหยียนหลัวหวัง
ซึ่งก็หมายความว่าน้อยครั้งที่ยมบาลตนอื่นจะปรากฏตัว ไม่รู้ว่าจัดการเรื่องหรือไม่ หรือทำอะไร
จักรพรรดิเฟิงตู ราชาผีเบญจทิศที่มีอยู่ในตำนานเหล่านี้ยิ่งปรากฏตัวน้อยเข้าไปใหญ่ มีเพียงแค่เขียนนิยายถึงจะไปค้นหาข้อมูลของพวกเขา ในนิทานพื้นบ้านแทบจะไม่พูดถึงพวกเขาเลย
“โลกใต้พิภพในตอนนี้ ตกลงเกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่” มู่กุยฝานยังคงสงสัย
ซู่เป่าส่ายหน้า “ไม่รู้สิคะ”
อาจารย์บอกว่า เธอสนใจแค่เรื่องเติบโตก็พอแล้ว
ที่ควรมาก็ต้องมา ที่ไม่ควรมาก็จะไม่มา
มู่กุยฝานไม่ได้ถามอะไรอีก ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน
พึ่งพาภูเขาภูเขาย่อมถล่ม พึ่งพาคนคนย่อมวิ่งหนี
“ตอนนี้เราต้องไปตามหาผิงเติ่งหวังเหรอ” มู่กุยฝานถาม
แต่เขายังไม่ลืมที่เมื่อครู่ซู่เป่าหาที่ซ่อนตัวของผิงเติ่งหวังเจอแล้ว
ซู่เป่าส่ายหน้า “เขาหนีไปแล้วค่ะ”
มู่กุยฝาน “หนีไปแล้วเหรอ”
ซู่เป่าพยักหน้า “หนู ‘เห็น’ เขาผ่านร่างแยกของเขา เขาเองก็มองเห็นหนูได้เช่นกัน พ่อคะ พอพ่อรู้ว่าตัวเองถูกศัตรูค้นพบแล้ว พ่อจะหนีไหมคะ”
มู่กุยฝานพูดขึ้นอย่างเงียบๆ ว่า “มันก็จริง”
งั้นก็เสียแรงเปล่าน่ะสิ
ซู่เป่าพูดขึ้นพอดี “แต่ว่าไม่เสียแรงเปล่าหรอกค่ะ อย่างน้อยหนูก็ทำให้เขากลัวจนต้องหนีไป!”
มู่กุยฝาน “...”
ซู่เป่าพูดขึ้นอีกว่า “ต้องหาเขาเจอแน่”
ก็เหมือนกับมดย้ายรัง ย่อมต้องทิ้งรอยประทับไว้บนพื้น
ผิงเติ่งหวังเป็นผู้ยิ่งใหญ่ขนาดนั้น ต้องทิ้งไอพิฆาตไว้เป็นแน่
เมื่อรถขับมาถึงสนามบิน เครื่องบินส่วนตัวของตระกูลซูก็กำลังรออยู่แล้ว
รถของซูอีเฉินขับขึ้นบนท้ายเครื่องบินไป คนอื่นออกเดินทางไม่นั่งรถก็นั่งเครื่องบิน แต่ตระกูลซูเอารถขึ้นเครื่องบินไปด้วย เมื่อลงสู่พื้นดินก็ค่อยขับรถ
โลกของคนมีเงินคุณไม่เข้าใจหรอก
กลับถึงบ้านตระกูลซูก็เป็นเวลาสามทุ่มกว่าแล้ว
ซู่เป่าโทรไปรายงานคุณยายที่อยู่โรงพยาบาลว่าปลอดภัยดี หลังจากล้างหน้าหวีผมเสร็จก็เตรียมจะไปอยู่เป็นเพื่อนคุณยายที่โรงพยาบาล
ทันใดนั้นเธอก็แหงนหหน้ามองท้องฟ้า
เอ๊ะ ทำไมบนท้องฟ้าบริเวณบ้านตระกูลซูถึงราวกับถูกครอบเอาไว้ในถ้วยแก้วเลยล่ะ
ตอนนี้ความรู้สึกของซู่เป่าไวเป็นอย่างมาก
โลกมนุษย์มีไอหยินและไอหยางที่เคลื่อนไหวอย่างช้าๆ
ทว่าตอนนี้คฤหาสน์ตระกูลซูกลับตลบอบอวลไปด้วย ‘อากาศที่หยุดนิ่ง’ แม้จะยังมีไอหยินและไอหยาง แต่ก็ไม่สามารถไหลเวียนได้
ที่เรียกว่าสุดยอดทำเลทอง เป็นเพราะฮวงจุ้ยของสถานที่บางแห่งส่วนใหญ่จะรักษาความมั่นคง อย่างน้อยก็จะมีคนรู้สึกถึงการเคลื่อนย้ายของฮวงจุ้ย ฉะนั้นจึงมีอีกประโยคที่ว่า ฮวงจุ้ยหมุนเวียนสับเปลี่ยน
หากเปลี่ยนเป็นคนอื่น กระทั่งซู่เป่าในเมื่อก่อน ก็คงไม่รู้สึกถึงความแตกต่างอันเล็กน้อยนี้
แต่ตอนนี้ซู่เป่ารู้สึกได้อย่างชัดเจน กระทั่งเมื่อเงยหน้าขึ้นก็มองออกว่าเบื้องบนบ้านตระกูลซูราวกับมีพลาสติกถนอมอาหารคลุมอยู่แผ่นหนึ่ง
ซูอีเฉินถามขึ้นว่า “ซู่เป่า มีอะไรเหรอ”
ซู่เป่าส่ายหน้า “ลุงใหญ่ ลุงไม่เข้าใจหรอก”
เธอถามมู่กุยฝาน “พ่อคะ พ่อรู้สึกว่ามีอะไรไม่ชอบมาพากลไหมคะ”
มู่กุยฝานลองสัมผัสดีๆ อีกที “เมื่อกี้ก็ไม่หรอก แต่พอหนูพูดแบบนี้ ก็รู้สึกว่ามันมีตรงไหนที่ไม่ถูกต้องอยู่”
แต่เขาบอกไม่ได้ว่ามันไม่ถูกต้องตรงไหน
เขาไม่รู้สึกถึงไอหยินและไม่รู้สึกถึงสิ่งที่ทำให้คนรู้สึกถึงอันตราย
เธอพยักหน้าพลางพูดขึ้นว่า “อืม ยายคิดถึงซู่เป่า ซู่เป่าไปไกลขนาดนั้น ยายไม่รู้ว่าซู่เป่าได้กินดีกินอิ่มหรือเปล่า...”
ซู่เป่าเงยหน้ายิ้มตาหยี “กินอิ่มค่ะ กินอย่างอร่อยสุดๆ ไปเลย!”
นายหญิงซูกำลังจะพยักหน้า ทันใดนั้นดวงตาของเธอก็ประกายความสงสัยออกมา “เดี๋ยวก่อน ริมฝีปากของหนูเป็นอะไรน่ะ”
รอยยิ้มของซู่เป่าดูแข็งทื่อไปชั่วขณะ
ลุงใหญ่ซูอีเฉิน เสียวสันหลังวาบ
ซู่เป่ารีบเอามือปิดริมฝีปากเอาไว้
แย่แล้ว ลืมเรื่องนี้ไปซะสนิทเลย!
แต่ผ่านไปตั้งวันหนึ่งแล้ว เธอไม่เจ็บที่ริมฝีปากแล้ว เมื่อครู่ส่องกระจกตอนอาบน้ำ ตัวเธอเองก็ไม่ได้สนใจ
แต่นายหญิงซูตาคมกริบ แม้จะแค่นิดหน่อยเธอก็ดูออก
ริมฝีปากของซู่เป่าเหมือนกับโดนของฤทธิ์ร้อน อาการบวมยังไม่หายดี
สายตาอันคมกริบราวกับมีดของนายหญิงซูจ้องไปที่ซูอีเฉิน
ซูอีเฉิน “...”
เข้ากระแอมเสียงหนึ่ง สีหน้ายังคงเดิม “มู่กุยฝานให้ซู่เป่ากินหม้อไฟ อาจจะเพราะมีฤทธิ์ร้อนเกินไป”
ประธานซูไม่กล้าบอกเรื่องที่ซู่เป่ายัดกระเพาะวัวคลุกน้ำจิ้มใส่พริกป่นแล้วใส่ปากไปในคำเดียว
นายหญิงซูโกรธเป็นอย่างมาก เด็กดีของเธออ่อนช้อยน่ารักขนาดนี้ ถูกทำให้กลายเป็นอะไรไปแล้ว!
เหมือนที่คนอื่นพูดเอาไว้ไม่มีผิด ให้พ่อเลี้ยงลูกสาว มีชีวิตรอดได้ก็บุญเท่าไรแล้ว!
ตอนที่ไม่มีอันตราย พ่อก็คือคนที่อันตรายที่สุด!
“มู่กุยฝานล่ะ” น้ำเสียงของนายหญิงซูดู ‘อ่อนโยน’ “กลัวฉันด่าเขาใช่ไหม ก็เลยไม่มา อันที่จริงไม่จำเป็นเลยสักนิด”
ซู่เป่ากระพริบตา รู้สึกว่าทำไมจู่ๆ คุณยายก็ดูน่ากลัวขึ้นมาล่ะ เกิดอะไรขึ้นเหรอ
เธอกำลังคิด ก็เห็นคุณยายมองตัวเอง “ซู่เป่า หนูทำผิดหรือเปล่า”
ซู่เป่างุนงง แต่ถูกบังคับด้วยความกดดันทางสายเลือด เธอพูดขึ้นอย่างงุนงงว่า “ผิด ผิดไปแล้วค่ะ!”
นายหญิงซู “ผิดตรงไหน”
ซู่เป่า “ผิด...หมดเลยค่ะ”
ซูอีเฉิน “...”
คุณท่านซู “...” เอ๊ะ ทำไมคำพูดนี้ฟังดูคุ้นหูนิดหน่อยนะ...
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...