ซูอวิ๋นเจาพูดขึ้นว่า “แล้วไม่ใช่เหรอ ก่อนไป ซู่เป่าบอกผมว่าเลขนำโชคของผมคือ 2648”
“ตอนนั้นผมก็กด 2468 ไปตามสัญชาตญาณ สุดท้ายเสียงดังแป็ก ตู้เซฟเปิดออก!”
ซูอิ๋งเอ่อร์ “...”
แบบนี้ก็ได้เหรอ
เมื่อซูอวิ๋นเจาพูดถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะยกตัวซู่เป่าขึ้นมาแล้วโยนขึ้นทีหนึ่ง
สุดท้ายพอกวาดตามาก็เห็นนายหญิงกำลังจ้องตัวเองอยู่
“เมื่อกี้ก็บอกแล้ว สมองของเด็กยังพัฒนาไม่เต็มที่ หมุนไปหมุนมาเขย่าไปเขย่ามามันไม่ดีกับเด็ก! แล้วนี่แกยังจะโยนอีก!”
“ถ้ารับไม่ได้ ตกลงมาจะทำยังไง”
“ถ้ารับได้แต่ไปกระแทกโดนหัวจะทำยังไง”
“ต่อให้ไม่กระแทกหรือชน ถ้าไม่ระวังเขย่าสะเทือนไปถึงสมองจะทำยังไง”
ทุกคน “...”
ซูอวิ๋นเจาหน้าชาจนเหงื่อตก “ผมผิดไปแล้วครับ ผมผิดไปแล้ว”
ส่วนเรื่องจับคนสอดแนม รายละเอียดมากกว่านี้ซูอวิ๋นเจาพูดไม่ได้ หัวข้อสนทนานี้ก็ต้องหยุดไว้ตรงนี้เช่นกัน
แต่เขายังเหลืออีกหนึ่งหัวข้อสนทนา
นั่นก็คือผีทั้งสามที่ซู่เป่าให้เขา...
ผีทั้งสามตนช่วยซูอวิ๋นเจาได้เป็นอย่างมาก ที่เขาตามเป้าหมายไปจนเจอหลักฐานได้อย่างราบรื่นขนาดนี้ อันที่จริงก็เป็นเพราะพวกผีหลายใจเธอช่วย
คนเป็นสะกดรอยตามไปอาจไม่ระวังแล้วเจอกับอันตรายได้ แต่ถ้าเป็นผีสะกดรอยตามไปละก็จะไม่มีปัญหานี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ไหนจะหลักฐานที่ต้องการอีก สายลับเองก็ไม่ได้โง่ หลักฐานมากมายถูกจัดการไว้เป็นอย่างดี แถมยังติดตั้งกลไกที่เล็กกว่าเส้นผมเอาไว้อีก หากมีคนไปแตะต้องสุ่มสี่สุ่มห้าก็จะแจ้งเตือนในโทรศัพท์ของสายลับทันที
แต่ผีไม่ต้องกังวลเรื่องพวกนี้
ผีหลายใจเห็นว่าไม่น่าไว้วางใจ แต่ไม่นึกว่ากลับเป็นคนนั้นที่รู้ดีอยู่แล้ว...
เมื่อฟังมาถึงตรงนี้ ผีหลายใจประคองหน้า “ไอ้หยา พี่ชายชมขนาดนี้ เขินจะแย่อยู่แล้ว!”
ผีสาวชุดแต่งงาน “ได้รับใช้ท่านพี่ นับเป็นวาสนาที่ข้าบำเพ็ญมาสามชาติ!”
น้าสาวขี้เหร่ “...” รอบนี้เธออ้อมค้อมเกินไปหรือเปล่า
เมื่อลุงเจ็ดพูดมาถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะเกิดความกลัวในใจ “แต่จะว่าไปแล้ว ไม่รู้ว่าเพราะพาผี...อะแฮ่ม เพราะพาพี่สาวทั้งสามคนไปด้วยหรือเปล่า ฉันมักจะเจอผีตลอดเลย!”
วันนั้นซูอวิ๋นเจาทำงานกะกลางคืนอยู่ในร้านอินเทอร์เน็ตอย่างเคย
เห็นเพียงแต่เสียงลมพัดฟู่เสียงหนึ่ง จู่ๆ ในร้านอินเทอร์เน็ตที่ร้อนอบอ้าวก็มีลมเย็นพัดโชยเข้ามาตู้มหนึ่ง
ซูอวิ๋นเจานึกว่าใครเปิดแอร์ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นศีรษะหนึ่งวางอยู่บนเคาน์เตอร์
ลูกตาทั้งสองจ้องเขาเขม็ง
ตอนนั้นซูอวิ๋นเจากลัวจนน่องตึง อัตราการเต้นของหัวใจพุ่งสูงถึง 180
“สวัสดี ฉันทั้งคืน เติมเงิน” ศีรษะนั้นพูดขึ้นอย่างน่าสะพรึงกลัว
ซูอวิ๋นเจากลัวจนใจเต้นระรัว เปิดคอมพิวเตอร์ให้เขาเครื่องหนึ่ง เขาได้รับเงินกงเต๊กมาสองใบอย่างที่คิดเอาไว้
“ฉันนึกว่าเดินทางตอนกลางคืนมากๆ เจอผีเป็นเรื่องที่ยากจะหลีกเลี่ยง...แต่ฉันเพิ่งรับเงินกงเต๊กมาก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างเย้าแหย่อยู่บนหัวของฉัน”
ซูอวิ๋นเจาขมวดคิ้วพลางเงยหน้าขึ้น สุดท้ายก็เห็นผีสาวตนหนึ่งกำลังห้อยหัวและลอยตัวอยู่เหนือศีรษะของเขา
ผมที่ห้อยลงมาของเธอปลิวสะบัดไปตามลม กระทุ้งปลายผมของเขาครั้งแล้วครั้งเล่า
เห็นเขามองผีสาวก็ฉีกปากยิ้ม แล้วพูดขึ้นอย่างเสียงเบา “ฉันเหงาจัง...นายมาอยู่เป็นเพื่อนฉันหน่อยสิ...”
ซู่เป่าเบิกตาโพลง กินแตงโมคำหนึ่งพลางถามขึ้นว่า “จากนั้นล่ะคะ”
ผีหลายใจหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นเสียงหนึ่ง “จากนั้นฉันก็ถีบเธอลอยออกไป อยู่เป็นเพื่อนบ้าบออะไรกัน พี่ชายของฉันฉันยังไม่พอแบ่งเลย เธอคิดว่าเธอเป็นใคร”
ซู่เป่า “...”
ซูอวิ๋นเจา “...”
นอกจากซูอวิ๋นเจาที่ไม่อยู่บ้านนานๆ กับซู่เป่าที่ดีอกดีใจ และป้าสะใภ้ใหญ่ที่กินไม่ยั้งแล้ว...คนอื่นก็ไม่กระตือรือร้นอะไรเท่าไร
แม้แต่นายพลกับทหารยามต่างก็พาดตัวอยู่ในที่ไกลๆ เมื่อได้ยินเสียงนายหญิงซูก็ปีนขึ้นมาอย่างขี้เกียจ เดินได้สองก้าวก็กลับไปทอดตัวนอนอีก
ซูอิ๋งเอ่อร์ “ผมขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะครับ”
ซูอีเฉิน “ผมขอส่งเอกสารก่อน”
ซูอี้เซิน “เพิ่งกลับมาจากผ่าตัด...ไม่ค่อยอยากอาหารเท่าไรน่ะครับ”
ซูจื่อหลินเงียบ แต่แสดงท่าทีออกมาจนมองออกได้ว่า ‘ไม่อยากกินเท่าไร’
ซูเหอเหวินและซูเหอเวิ่นนั่งลง แต่คนหนึ่งแกะกุ้งให้น้องสาว อีกคนหนึ่งแกะปูให้น้องสาว ซูจื่อซีกัดตะเกียบพลางเหม่อ หานหานเท้าคางพลางพูดขึ้นว่า “ทำการบ้านก็ยาก กินข้าวก็ยากอีก...”
ซูอวิ๋นเจาประหลาดใจ “เป็นอะไรกันไปหมด ไม่กินข้าวเหรอ”
กินข้าวไม่กระตือรือร้น สมองจะมีปัญหาเอานะ
พวกพี่น้องของเขาเหล่านี้ ปกติใช้ชีวิตกันดีเกินไปจนไม่รู้จักหวงแหนเลยสักนิด!
ซูอวิ๋นเจามองอาหารเลิศรสที่วางอยู่เต็มโต๊ะ ล้ำลายสอ
เขาไปทำภารกิจอยู่ข้างนอกมานานหลายปี น้อยครั้งที่จะได้กินอาหารที่หลากหลายขนาดนี้
ปริมาณการกินข้าวของคนหนุ่มสาวยิ่งเยอะ ลองนับดีๆ แล้วซูอวิ๋นเจาเป็นลูกชายคนที่เจ็ด และอายุแค่ยี่สิบเจ็ด ยี่สิบแปดปี เขาคีบอาหารขึ้นมากินหมับๆๆๆ
“ซู่เป่าของเราเป็นเด็กดีจริงๆ!” ซูอวิ๋นเจากินไปด้วยพลางพูดไปด้วย “พวกลุงใหญ่ของเธอเขาอายุเท่าไรแล้ว กินข้าวก็ยังต้องให้คนเร่งเร้าสามสี่รอบ ไม่ประสีประสาเลยสักนิดใช่ไหม!”
ซู่เป่าเอียงศีรษะ ครุ่นคิด
เธออาศัยตอนที่คุณยายเอื้อมไปคีบอาหารข้างๆ รีบพูดกระซิบกับซูอวิ๋นเจาว่า “ลุงเจ็ดคะ ไม่นานลุงก็จะไม่พูดแบบนี้แล้ว!”
ซูอวิ๋นเจางุนงง
กินข้าวแล้วยังไง
หรือว่านี่ไม่ใช่เรื่องที่ควรดีใจเหรอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...