ไม่นานซูอวิ๋นเจาเขาก็รู้ว่าทำไมซู่เป่าถึงพูดแบบนี้
เมื่อกินข้าวเสร็จ ซูอวิ๋นเจาวางถ้วยลง แล้วพูดขึ้นอย่างพอใจว่า “ผมกินอิ่มแล้ว”
นายหญิงซูยกมือขึ้นมาคีบคากิคั่วพริกเกลือให้เขาชิ้นหนึ่ง “วันนี้คากิคั่วพริกเกลือทำได้อร่อยมากๆ แกลองกินดูสักคำสิ”
ซูอวิ๋นเจาคิด กินอีกชิ้นคงไม่เป็นอะไรหรอกมั้ง
แม้จะอิ่มอยู่หน่อยๆ แต่คากิคั่วพริกเกลือก็อร่อยจริงๆ!
หลังกินคากิคั่วพริกเกลือหมดไปหนึ่งชิ้น
นายหญิงซูดันบะหมี่หน้าหอยเป๋าฮื้อที่มีอยู่ครึ่งชามมา “ทีแรกถ้วยนี้ทำให้ซู่เป่า แต่เธอกินกินอย่างอื่นเลยกินไม่หมด แกกินสิ!”
ซูอวิ๋นเจาลูบท้อง...ไม่มีปัญหา บะหมี่หน้าหอยเป๋าฮื้อหอมจัง!
ในที่สุดก็กินบะหมี่ครึ่งถ้วยจนหมด เขาอิ่มแปล้แล้วจริงๆ
นายหญิงซูตักซุปมาวางไว้หน้าเขาถ้วยหนึ่ง “กินไปเยอะขนาดนั้น กินซุปซะหน่อยสิ! ซุปไก่และเห็ดเจ็ดสีนี้ หวานน้อยตัดเลี่ยน”
ซูอวิ๋นเจาคิดว่าก็จริง เมื่ออิ่มมากๆ แล้ว แต่เมื่อกี้กินไปเยอะขนาดนั้นก็อยากดื่มซุปให้หมดเพื่อตัดเลี่ยน
ดื่มซุปจนหมด
นายหญิงซู “กินผลไม้หน่อยสิ สดๆ เลย ปกติงานยุ่งไม่ได้กินข้าวดีๆ ใช่ไหม ดูสิแกผอมไปหมดแล้ว!”
ซูอวิ๋นเจาเจ็บจี๊ดที่ใจ ทำให้แม่เป็นห่วงแล้ว กิน!
กินผลไม้เสร็จ
นายหญิงซู “นี่เป็นนมเปรี้ยวของซู่เป่า ซื้อมาไว้เยอะมาก เป็นของหวานหลังอาหารช่วยย่อย”
ซูอวิ๋นเจา...
ของซู่เป่าเหรอ...สงสัยอยู่นิดหน่อยจริงๆ ลองชิมรสชาติดูดีกว่า
หลังดื่มนมเปรี้ยวเสร็จ
นายหญิงซู “เกือบจะสามทุ่มแล้ว...กินมื้อดีกสักหน่อยสิ ป้าอู๋ย่างหอยนางรมเอาไว้น่ะ”
ซูอวิ๋นเจา “...”
กินหอยนางรมเสร็จ
“ของปิ้งย่างมันมีฤทธิ์ร้อน มา ดื่มน้ำบ๊วยสักแก้วสิ”
ซูอวิ๋นเจา “...”
เอาละ เขารู้แล้วว่าทำไมเวลากินข้าวพวกพี่ชายของเขาถึงหนีเร็วเสียยิ่งกว่าผี
จนซูอวิ๋นเจาทอดตัวนอนลง เขาอิ่มแปล้จนพลิกตัวไม่ไหว กางแขนกางขาแล้วนอนจ้องเพดานไปทั้งอย่างนี้
นึกว่าวันนี้กินไปเท่าไร พลางนึกไปด้วยว่าพรุ่งนี้มู่กุยฝานจะพาซู่เป่าไปข้างนอก เขาหยุดงาน จะตามไปด้วยหรือเปล่า
ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับบ้านทีหนึ่ง ราวกับอยู่เป็นเพื่อนนายหญิงจะสำคัญกว่า คุณพ่อคุณแม่แก่แล้ว แถมเขายังไม่ค่อยมีเวลาอยู่บ้านอีก...
วันต่อมา
หลังกินข้าวเช้าเสร็จ ซูอวิ๋นเจาก็เปลี่ยนความคิดแล้ว
ไปข้างนอกกับซู่เป่าดีกว่า
‘ความทุกข์ใจ’ ของความรักของแม่ ท้องของเขารับไม่ไหวแล้วจริงๆ
คุณแม่มีคุณพ่ออยู่เป็นเพื่อน ปกติเหล่าพี่น้องก็อยู่บ้าน ขาดเขาไปก็ไม่เป็นไรหรอก!
ดังนั้นซูอวิ๋นเจาจึงออกเดินทางตามซู่เป่ากับมู่กุยฝานไปราวกับหนีเอาตัวรอด
“ไปเฉียนโจว?” ซูอวิ๋นเจาที่ผันตัวมาเป็นคนขับรถขับรถไปพลางถามขึ้น “ทำไมจู่ๆ ถึงไปที่นั่นล่ะ”
มู่กุยฝานพิงอยู่บนเบาะที่นั่ง มือข้างหนึ่งพาดอยู่บนพนักพิง เขาพูดขึ้นอย่างขี้เกียจว่า “คุณไม่อยากรู้หรอก”
ซูอวิ๋นเจาคัดค้าน มีเรื่องอะไรที่เขาไม่เคยเจอ ผีก็เห็นมาแล้ว ยังมีอะไรที่รับไม่ได้อยู่อีก
ซู่เป่าพูดขึ้น “ลุงเจ็ด พวกเราจะไปจับผิงเติ่งหวังกันค่ะ!”
ซูอวิ๋นเจาแอบคิดในใจ แค่นี้น่ะเหรอ
เขารู้จักผิงเติ่งหวัง ซู่เป่ากับพี่ใหญ่ของเขาเคยบอกกับเขาแล้ว
ซูอวิ๋นเจารู้ว่าตัวเองช่วยอะไรไม่ได้ แต่สำหรับเขาที่เห็นผีมาเดือนกว่าแล้วนั้น อยากจะเห็นผิงเติ่งหวังอีกสักครั้ง
ออกเดินทางครั้งนี้ นักวิเคราะห์กำลังต่อสู้ซูเหอเวิ่นและซูจื่อซีไม่ได้มา เพื่อความปลอดภัย พวกเขายังจึงยังอยู่ที่บ้านตระกูลซู
ตราบใดที่ผิงเติ่งหวังยังไม่ถูกกำจัด พวกเขาก็ต้องอยู่ที่บ้านตระกูลซูนานเท่านั้น หนึ่งก็เพื่อความปลอดภัย สองกังวลว่าหากไปโรงเรียนแล้วคุณครูกับเพื่อนๆ คนอื่นๆ ติดร่างแหไปด้วยจะทำยังไง
มู่กุยฝาน ซูอวิ๋นเจาและซู่เป่าขับรถมาถึงสนามบิน จอดรถแล้วนั่งเครื่องบินไปเฉียนโจว
ไม่นานเขาก็กลายเป็นหนุ่มน้อยธรรมดาๆ คนหนึ่ง ดูแล้วอายุแค่ยี่สิบต้นๆ ร่าเริงแจ่มใส นิสัยเองก็เปลี่ยนไปตามบุคลิกเช่นกัน
ซู่เป่าถึงขั้นคิดว่าโทนเสียงการพูดการจาของเขาเหมือนกับพี่พันอยู่เล็กน้อย
มืออาชีพอย่างที่คิดเอาไว้จริงๆ งั้นเธอเองก็ต้องเลียนแบบท่าทางของเด็กผู้ชาย!
ใช่แล้ว ซู่เป่าสวมชุดของเด็กผู้ชาย ใส่หมวกแก๊ปสีดำเท่ๆ ใบหนึ่ง
กระทั่งน้ำเสียง...ถึงยังไงเสียงของเด็กก็ต่างกันไม่มากอยู่แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องใส่ใจ
แต่เลียนแบบใครดีล่ะ
ซู่เป่ากลอกตาไปมา ทันใดนั้นก็นึกถึงพี่ชายที่เมื่อเจอหน้ากันเป็นต้องให้ลูกอมกับตน นั่นก็คือซืออี้หรัน
“ไปกันเถอะ” เธอเอาสองมือซุกกระเป๋ากางเกง น้ำเสียงชืดๆ ถึงขั้นแฝงไปด้วยความโหดเย็นชาอยู่สองสามส่วน
ซูอวิ๋นเจาประหลาดใจ มู่กุยฝานเองก็อดไม่ได้ที่จะเงยหน้าไปมอง
ซู่เป่าขมวดคิ้ว “ทำไมเหรอคะ ทำไมยังไม่ไปกันอีก”
สองผู้เล่นมืออาชีพ “...”
มู่กุยฝานรู้สึกว่าซู่เป่าที่เป็นแบบนี้ดูคุ้นๆ เล็กน้อย คิดดีๆ อีกที เยี่ยมไปเลย นี่มันลูกหมาป่าคนนั้น...ซืออี้หรันไม่ใช่เหรอ
ไม่นึกเลยว่าซู่เป่าจะเลียนแบบซืออี้หรัน!
ควรพูดไม่พูด บุคลิกเปลี่ยนไปมากจริงๆ เพียงแค่พริบตาเดียวหนูน้อยแสนน่ารักก็กลายเป็นเด็กหนุ่มกวนประสาทไปแล้ว
กำลังคิดก็เห็นซู่เป่าเงยหน้าขึ้นมาพลางเผยรอยยิ้มใหญ่ๆ ออกมา “เป็นยังไงบ้างคะๆ พ่อ หนูเลียนแบบเหมือนไหม!”
หนึ่งวินาที ‘ซืออี้หรัน’ ก็กลับมาเป็นซู่เป่าอีกแล้ว
ซูอวิ๋นเจารู้สึกว่าการฝึกฝนในหลายปีมานี้ของตัวเองเสียเปล่าแล้ว
มู่กุยฝานรู้สึกราวกับเด็กดีของตัวเองจะถูกลูกหมาป่าหลอกไป
บนรถตั้งแต่ออกจากบ้าน นั่งไปเมืองเซียวหลาน มู่กุยฝานยังคิดอยู่เสมอ
มีพี่ชายสามคนอยู่ในบ้าน ทำไมเธอไม่เลียนแบบ
ทำไมจู่ๆ ถึงเลียนแบบซืออี้หรัน?
เธอสนิทกับลูกหมาป่าน้อยนั่นขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...