ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 586

ซู่เป่ามองไปรอบๆ ห้อง

ตอนที่คุณป้าอยู่ข้างนอกจะไม่อารมณ์เสียง่ายอย่างนี้ แต่พออยู่ในบ้านนี้จะใจร้อนได้ง่าย

เธอกำจัดไอหยินจนหมดสิ้นแล้ว แต่ยังต้องใช้เวลาปรับตัวสักหน่อย

“คุณป้าคะ คุณไม่ถามอะไรเลยก็ด่าว่าพี่เฉิงโจวแล้ว แบบนี้ไม่ดีเลยนะคะ” ซู่เป่าพูด

แม่ของเขอเข่อตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นถอนใจและพูดว่า “หนูไม่เข้าใจเฉิงโจว เขาก็เป็นแบบนี้ ชอบรำคาญน้อง เมื่อก่อนเขายังแย่งของของน้อง”

“เขาอายุสิบสองสิบสามแล้ว แต่น้องเพิ่งจะอายุแค่นี้ หนูคิดว่าเขาแย่งของของเด็กทารกมีประโยชน์ไหม”

ซู่เป่าคิดทบทวนแล้วพูดว่า “คุณยายชอบพูดบ่อยๆ ว่า ถ้ารักลูกต้องยุติธรรม เด็กทุกคนล้วนต้องการความสนใจ พอไม่ได้รับความสนใจก็จะเกิดปัญหาได้ค่ะ”

“ที่บ้านของหนูก็มีพี่ชายคนหนึ่งที่เป็นแบบนี้คะ แม่ของเขารักแต่น้องสาวไม่รักเขา ถึงแม้พี่จื่อซีจะไม่แย่งของ แต่เขาก็ไม่รับของที่คนอื่นให้เขาเลย... ซู่เป่ารู้สึกว่าพี่เฉิงโจวกับพี่จื่อซีเหมือนกันค่ะ...”

โดยเฉพาะเมื่อสักครู่ตอนเขานั่งบนโซฟาและใส่หูฟังแล้วเปิดเสียงเกมดังที่สุด ซู่เป่ารู้สึกว่าเขาโดดเดี่ยวมาก

ถึงซู่เป่าจะเป็นเด็ก แต่ก็วิเคราะห์อย่างมีเหตุผลราวกับผู้ใหญ่

แม่ของเขอเข่อที่กำลังอุ้มเขอเข่อ เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็เงียบไป

เธอยิ้มเฝื่อนๆ “หนูพูดถูก... เอาล่ะ ไม่พูดเรื่องนี้แล้ว ไปล้างมือเตรียมกินข้าวดีกว่าจ้ะ”

เธอวางเขอเข่อลงแล้วซู่เป่าก็จูงเขอเข่อไปล้างมือ “งั้นหนูกับเขอเข่อจะไปเรียกพี่เฉิงโจวนะคะ”

แม่ของเขอเข่อบ่นว่า “ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ถ้าเขาหิวก็จะออกมากินเอง เขาจะหิวตายเหรอ หนูไปเรียกก็ไม่มีประโยชน์ เขาก็เป็นของเขาแบบนี้ พอโกรธก็ขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง พ่อเขายังทำอะไรเขาไม่ได้เลย”

ซู่เป่าพูด “ไม่ลองแล้วจะรู้ได้ยังไงล่ะคะ”

เมื่อแม่ของเขอเข่อเห็นเธอไปเคาะประตูห้องจริงๆ จึงส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้ เฉิงโจวไม่มีทางออกมา เธอเข้าใจเขาที่สุด

ซู่เป่าพาเขอเข่อไปเคาะประตู

ก๊อกๆๆ

ซู่เป่า “พี่เฉิงโจว เปิดประตูค่ะ”

เขอเข่อ “พี่... เปิดประตูค่ะ”

ซู่เป่า “เปิดประตู... หนูคือซู่เป่า”

เขอเข่อ “เปิดประตู... หนูคือเขอเข่อ”

ซู่เป่าเกาะประตูพลางหัวเราะฮ่าๆ “พี่เฉิงโจว ออกมากินข้าวได้แล้ว หนูได้ยินเสียงท้องพี่ร้องจ๊อกๆ แล้ว”

เขอเข่อก็เกาะประตูเช่นกันและตะโกนอย่างดีอกดีใจว่า “พี่จ๊อกๆ แล้ว”

จากนั้นก็มีเสียงเปิดประตูดังเอี๊ยด

เฉิงโจวยืนอยู่หน้าประตูพร้อมกับจ้องพวกเธอสองคน “เสียงดังน่ารำคาญ ฉันไม่อยากกิน อย่ามารบกวนฉันอีก ถ้าเคาะประตูอีกฉันเคาะหัวพวกเธอให้แตก”

เขาพูดจบและจะปิดประตูอีกครั้ง

แต่ซู่เป่ายืนมือข้างหนึ่งไปดันประตูเสียงดังปังและมืออีกข้างเท้าสะเอวโดยไม่คาดคิด “พี่ หนูแนะนำว่าอย่าดื้อ อย่าบีบให้หนูต้องคุกเข่าขอร้องพี่”

เขอเข่อ “อย่าดื้อ คุกเข่าขอร้องพี่”

เฉิงโจว “...”

เขามองดูนักสู้ตัวจิ๋วสองคนที่อยู่ตรงหน้าก็โกรธไม่ลง

แม้แต่อารมณ์ที่ถึงจุดต่ำสุดเมื่อสักครู่ก็ดีขึ้นอย่างน่าอัศจรรย์

“ไม่กิน อย่ามาอีกนะ” เขาพูดพลางอยากจะปิดประตู แต่กลับพบว่าขยับไม่ได้

เฉิงโจวพยายามออกแรง แต่ประตูยังคงไม่ขยับ ในขณะที่เขากำลังแปลกใจมากว่าซู่เป่าแข็งแรงขนาดนี้เลยเหรอ

ก็เห็นเงาหนึ่งทอดลงมาตรงหน้าและไม่รู้ว่ามู่กุยฝานยืนอยู่หน้าประตูตั้งแต่ตอนไหน

โอ้ ที่แท้เป็นคนคนนี้ดันไว้นี่เอง...

มู่กุยฝานลดสายตาลง มองเขาจากบนลงล่างและพูดอย่างใจเย็นว่า “ออกมากินข้าว อย่าบีบให้ฉันต้องบังคับเธอคุกเข่าขอร้องฉัน”

เฉิงโจว “...”

เชี่ย...

เฉิงโจวส่งเสียงเชอะแล้วออกไปทานข้าวอย่างไม่เต็มใจ

เขายังคงเรื่อยเฉื่อยตอนตักข้าวแล้วทำถ้วยและตะเกียบกระทบกันเสียงดังเพล้งพล้าง

สีหน้าของพ่อเขอเข่อดูไม่ดี “จะกินก็กินดีดี ไม่กินก็กลับเข้าห้องของแกไป”

บางทีเขาอาจไม่เคยสนใจเลยด้วยซ้ำว่าแม่ของเขาตั้งใจทำอาหารพวกนี้ให้เขาโดยเฉพาะหรือบางทีเขาอาจจะรู้ แต่เคยชินแล้วอย่างนั้นเหรอ

ในขณะที่เฉิงโจวกำลังก้มหน้าก้มตาทานข้าวอยู่ ทันใดนั้นก็มีตะเกียบคู่หนึ่งยื่นเข้ามาแล้วแย่งหน่อไม้ที่เขากำลังจะคีบไป

เขาตกตะลึงครู่หนึ่ง

ตลอดเวลาที่ทานข้าวในบ้านไม่เคยมีใครคีบอาหารจากจานที่อยู่ตรงหน้าเขาเลย

เฉิงโจวเงยหน้าขึ้นและพบว่าเป็นซู่เป่า

เธอคีบหน่อไม้รสเผ็ดเข้าปากพลางทำเสียงซูดซาดและพูดว่า “อาหย่อยมาก ฝีมือคุณน้าเก่งมากค่ะ”

แม่ของเขอเข่อรีบพูดว่า “ซู่เป่า ตรงนี้มีที่ไม่เผ็ดจ้ะ หนู...”

ซู่เป่ายิ้มตาหยี “ไม่เป็นไรค่ะ ซู่เป่าก็ชอบกินเผ็ด”

เธอพูดไปพลางคีบหน่อไม้อีกรอบ

เฉิงโจวขมวดคิ้วและแกล้งทำเป็นมองอีกฟากของโต๊ะอาหารอย่างไม่ตั้งใจ ทันใดนั้นเขาก็พบว่าอาหารฝั่งนั้นล้วนเป็นอาหารที่ไม่เผ็ดและที่อยู่ตรงหน้าเขาล้วนเป็นอาหารจานโปรดของเขา

เขาเม้มปากและยื่นตะเกียบออกไปคีบเนื้อปลารสเผ็ดอย่างเงียบๆ

แต่นึกไม่ถึงว่าซู่เป่าก็ยื่นตะเกียบออกมาเช่นกันแล้วแย่งเนื้อปลาที่อยู่ตรงหน้าเขาไปทันที

“ว้าว เนื้อปลานี้ก็อาหย่อย ไม่มีก้างเลย”

กะนั้นเฉิงโจวถึงพบว่าเนื้อปลาที่ทำแยกต่างหากที่อยู่ตรงหน้าเขาไม่มีก้าง

เมื่อก่อนเขาเคยคิดว่าแม่ของเขามักจะเลือกเนื้อปลาให้น้องสาวทาน จากนั้นค่อยเอาส่วนที่เหลือวางใส่จานของเขา อย่างมากสุดก็แค่โรยพริกให้เขาอย่างลวกๆ

เฉิงโจวยิ่งเงียบและไม่พูดอะไรสักคำ

แม่ของเขอเข่อพูดว่า “ครั้งนี้ขอบคุณพวกคุณมากจริงๆ ถ้าไม่ได้พวกคุณ ครั้งนี้เขอเข่ออาจจะไม่รอด”

พ่อของเขอเข่อพูดว่า “ใช่ครับ อาการของเธอกำเริบครั้งนี้ทำพวกเราตกใจมากจริงๆ เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้ เมื่อวานผมก็ทำใจไว้แล้ว...”

สองสามีภรรยาตกใจกลัวมากและกอดเขอเข่อไว้แน่นจากจิตใต้สำนึก

ตะเกียบในมือของเฉิงโจวหยุดลงในทันที

เมื่อวานอาการของเขอเข่อกำเริบอีกแล้วเหรอ...

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน