เขอเข่อยื่นช้อนเด็กไปทางพี่ชายของเธออย่างไร้เดียงสา “เผ็ด ๆ จะเอาเผ็ด ๆ!”
เฉิงโจวใช้ตะเกียบดันช้อนเธอไปอยู่อีกด้าน ก่อนจะพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “จะเอาอะไรนักหนา เธอกินเผ็ดได้เหรอไง นี่มันเผ็ดมากนะ”
เขอเข่องับช้อนด้วยท่าทีหงุดหงิด
นี่เป็นมื้อที่กินข้าวกันอย่างรักใคร่กลมเกลียวกันมาก ๆ เฉิงโจวจำไม่ได้เลยว่านานแค่ไหนแล้วที่ไม่โดนด่าตอนกินข้าว
แม่เขอเข่อรู้สึกเจ็บปวดใจเล็กน้อย เมื่อจำไม่ได้ว่านานแค่ไหนแล้วที่ลูกชายคนโตไม่แกว่งถ้วยตะเกียบเล่นตอนกินข้าว
หลังจากกินข้าวเสร็จพวกผู้ใหญ่ก็นั่งพูดคุยเล่นกันบนโซฟา ส่วนใหญ่ก็คุยเรื่องครอบครัวเรื่องทั่ว ๆ ไป พ่อเขอเข่อก็เล่าว่ากว่าจะซื้อบ้านที่นี่ได้ไม่ง่ายเลย ชุนเฉิงมีโรงเรียนมัธยมต้นดี ๆ ไม่ค่อยเยอะ และคะแนนจบชั้นประถมของเฉิงโจวก็ไม่ได้ดีมากนัก ถึงจะไม่ได้แย่ แต่ถ้าว่ากันตามตรงแล้วก็คงเข้าได้แค่โรงเรียนมัธยมต้นที่ไม่ค่อยดีพวกนั้น
เพื่อให้เฉิงโจวได้เข้าเรียนโรงเรียนที่ดีขึ้นมาหน่อย สองสามีภรรยาก็เลยกัดฟันซื้อบ้านในเขตการศึกษา ถึงโรงเรียนประถมแถวนี้จะไม่ได้ดีมากนัก พอเขอเข่อขึ้นชั้นประถมก็ให้เรียน ๆ ไปก่อน...
“พวกเราเป็นพ่อแม่ อะไรที่พอจะทำเพื่อลูกได้ก็ทำหมดไปแล้ว เด็กคนนี้กลับไม่รู้จักทะนุถนอมมันไว้เลยสักนิด วัน ๆ กลับมาก็จ้องจะเล่นแต่เกม ไม่เคยเห็นเขาอ่านหนังสือเลย!” พ่อเขอเข่อพูด
แม่เขอเข่อถอนหายใจ “เขอเข่อร่างกายไม่แข็งแรง เป็นไข้บ่อย ๆ ฉันก็เลยไม่ได้ใส่ใจเขามากขนาดนั้น...จะว่าละเลยก็ละเลยนั่นแหละ แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ...”
เธอเหนื่อยมากจริง ๆ ทุก ๆ วันก็หมกมุ่นอยู่กับความกลัวและความร้อนใจที่เขอเข่อป่วย
ซูอวิ๋นเจาพยักหน้าพร้อมกับทอดถอนใจ “ไม่ง่ายเลยจริง ๆ”
แม่เขอเข่อพูด “ก็ใช่น่ะสิ...”
เฉิงโจวไม่ได้ปิดประตูห้อง ก็เลยได้ยินคำพูดพวกนั้น
สีหน้าเขาเริ่มไม่ค่อยดี เขาขอร้องให้พวกเขาซื้อบ้านหรือไง
พวกเขาคิดเองเออเองมาซื้อบ้านที่นี่ ลำบากไปกู้เงินมาซื้อบ้านแล้วก็มาโทษเขา
คิดว่าเขาเต็มใจงั้นเหรอ
สุดท้ายก็มาโทษว่าเป็นความผิดของเขา มาโทษว่าเขาเป็นตัวถ่วงงั้นเหรอ
เฉิงโจวโยนหนังสือไว้บนเตียง แล้วเดินลงจากเตียงด้วยเท้าเปล่า ก่อนจะเดินไปปิดประตู
กลับเห็นสองนักสู้ตัวจิ๋วยืนอยู่หน้าประตู
ซู่เป่าจับประตูด้วยมือเดียว
เธอชะโงกหน้าเข้าไปถาม “พี่เฉิงโจว ขอเข้าไปได้ไหม”
เขอเข่อก็ถามเช่นกัน “พี่ชาย เขอเข่อเข้าไปได้ไหม”
เฉิงโจวส่งเสียงฮึดฮัด แล้วหันหลังกลับไปโดยไม่ได้สนใจเธอ
ซู่เป่ากับเขอเข่อก็ตามเข้าไป เฉิงโจวพูดโดยไม่หันไปมอง “ปิดประตูด้วย!”
ซู่เป่า “พี่ไม่บอกหนูก็ปิดอยู่แล้วล่ะ!”
เธอไม่เพียงแค่ปิดประตู แต่กลับล็อคประตูด้วย
เฉิงโจว “?”
ทำไมรู้สึกเหมือนลุงโรคจิตที่ล็อคประตูเตรียมจะทำอะไรไม่ดีเลย!
“ว่ามา เธอคิดจะทำอะไร” เฉิงโจวถาม “ไม่ใช่ว่าจะมารักษาน้องสาวฉันหรอกเหรอ ทำไมเอาแต่จ้องฉันอยู่ได้”
ซู่เป่าตอบ “โรคของน้องเขอเข่อมีเพียงพี่เท่านั้นที่สามารถรักษาได้”
เฉิงโจว “…”
อ๋อ เข้าใจแล้ว จะมาเกลี้ยกล่อมอีกคนสินะ
“ถ้าเธอจะมาที่นี่เพื่อเกลี้ยกล่อมฉันให้ทำดีกับน้องสาว หรือเกลี้ยกล่อมให้ฉันออกไปขอโทษพ่อแม่ฉันล่ะก็ เธอไสหัวออกไปได้เลย”
เฉิงโจวไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย เดินไปนั่งลงที่หน้าโต๊ะหนังสือ แล้วเอาขาข้างหนึ่งพาดบนโต๊ะ หยิบหนังสือที่อยู่ในห้องมาเปิดอ่านอย่างเอ้อระเหย
ซู่เป่ามองไปยังหนังสือฟิสิกส์ในมือของเขา
พี่เฉิงโจวนี่ขยันมากเลยนะ
เพียงแต่เขาไม่อยากให้พ่อแม่ของเขารู้ความจริงเลยสักนิด
มันเป็นเพราะอะไรกันแน่
แต่ไหนแต่ไรมาความสัมพันธ์ของซู่เป่ากับคนในครอบครัวดีมาก เธอจึงไม่เข้าใจความคิดของเฉิงโจวและพ่อแม่ของเขา
เห็นได้ชัดเจนเลยว่าเขารักพ่อแม่เขามาก และก็รักน้องสาวมากเช่นกัน แต่กลับปฏิเสธความเป็นห่วง แถมยังชอบทะเลาะโยนข้าวของ
ทั้งผ่าท้องทั้งควักลูกตา นี่มันอะไรกันเนี่ยน่ากลัวเกินไปแล้ว
เฉิงโจว “…”
แล้วทีเธอบังคับให้กินอึ นี่มันยังมีความเป็นมนุษย์อยู่ไหม
เขอเข่อเงยหน้าขึ้น ทันใดนั้นก็คึกคักขึ้นมา “กินอึกินอึ!”
จี้ฉางที่อยู่ด้านข้างในหัวตอนนี้เต็มไปด้วยคำว่า ‘กดหัวกินอึ’ ไม่ใช่สิ เขามาจะจับผีไม่ใช่เหรอ
ทำไมถึงมาคุยเรื่องกดหัวกินอึได้ล่ะ
ซู่เป่าก็พูดขึ้นมาอีก “แต่ว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของพี่นะ จะกดหัวกินอึไม่ได้...พี่เฉิงโจว คุณป้าตักเตือนพี่แน่นอนว่าเป็นเพราะอยากให้พี่ดีขึ้นกว่าเดิม แล้วพี่ก็สามารถพิสูจน์ให้เห็นได้”
เฉิงโจวยกขาทั้งสองข้างพาดไว้บนโต๊ะ สองมือประสานบริเวณท้ายทอย ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา “พวกเขายุ่งอะไรด้วย ฉันชอบทำอะไร แล้วมันจะทำไม”
เขามีชีวิตเป็นของตัวเองไม่ใช่เครื่องมือในการเลี้ยงดูของพวกเขา
วัน ๆ เอาแต่บอกว่ากว่าจะซื้อบ้านเขตการศึกษาได้ต้องลำบากแค่ไหน อยากจะให้เขาตอบแทนบุญคุณ แล้วตั้งใจเรียนเพื่อเติมเต็มความฝันของพวกเขา
เขามีความคิดเป็นของเขาเอง ไม่ใช่หุ่นเชิดที่จะให้ทำอะไรก็ทำ!
จี้ฉางยิ้มอยู่ด้านข้าง “ที่แท้ก็เป็นเด็กที่อยู่ในช่วงวัยต่อต้าน”
เมื่อพ่อแม่เข้าใจผิดและไม่ยอมอธิบาย เอาแต่ปากแข็ง
พูดให้ถูกก็คือดื้อรั้น รู้สึกว่าคนอื่นไม่เข้าใจเขา
ในอีกด้านหนึ่งก็คือ มีหลายคนที่ชอบเก็บความรู้สึกไว้ในใจ ต่อให้มีอะไรที่อยากจะพูด ก็ไม่ยอมพูดออกมา รู้สึกไร้สาระ สุดท้ายก็ใช้คำพูดและวิธีการต่าง ๆ มาปกปิดตัวเอง
ซู่เป่าส่ายหน้า “พี่เฉิงโจว พี่นี่ดื้อเกินไปแล้ว!”
เฉิงโจวยิ้ม “ใช่ไง ฉันมันดื้อ!”
“ถ้ายมบาลต้องการให้ฉันตายยามสาม ฉันก็จะตายตั้งแต่ยามสอง! ฮึ ก็ดื้อนี่ไง! จะทำไมล่ะ”
จี้ฉาง “…”
พญายม·ซู่เป่า “…ว้าว ดื้ออย่างที่คิดไว้เลยจริง ๆ ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...