ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 648

มู่กุยฝานคิด: หน้าร้อนแล้ว จากใส่เสื้อหนาวก็เปลี่ยนมาใส่เสื้อกล้าม!

แถมยังเป็นเสื้อกล้ามตาข่ายด้วย!

เงินหนึ่งหมื่นสำคัญกว่าพ่ออีกเหรอ?

ที่โต๊ะอาหาร ซูจื่อซีสีหน้าไร้อารมณ์ “เขาวิ่งหนี ยายไล่ตาม ยังไงเขาติดปีกก็หนีไม่รอด”

ซู่เป่างง “ทำไมพ่อต้องวิ่ง? แล้วทำไมยายต้องไล่ตามด้วย?”

หานหานกินไข่ดาวและพูดแบบฟังไม่ชัดไปด้วยว่า “ไม่รู้สิ! ช่างเขา~รีบกินกันเถอะ!”

ซู่เป่ากินไปคำหนึ่ง

เจ้าตัวเล็กไม่มีมโนสำนึกอะไรเลย พ่อก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งอย่างบ้าคลั่งส่วนเธอกำลังกินข้าวสบายใจ

ผ่านไปสักพักในที่สุดเธอก็นึกได้และทำหน้าเฉื่อยชา

“ซวยแล้วไง! พ่อบอกว่าไม่ให้พูดเรื่องที่ไปบาร์ แต่เมื่อกี้หนูเพิ่งพูดไป!”

ฮือๆ ขอโทษนะพ่อ!

กินมูมมามไปสองคำ ซู่เป่าก็รีบหยิบกระเป๋าสัตว์เลี้ยงแล้ววิ่งออกไป

เสี่ยวอู่ที่กำลังกินข้าวฟ่างอยู่ “เอ๊ะ?”

“รอฉันด้วยๆ!ฉันยังไม่ได้เข้าไปในกระเป๋าเลยนะ!”

มันรีบกางขา สะบัดตูดแล้วรีบบินไปหาอย่างเร็ว…

ซูเหอเวิ่น ซูจื่อซีและหานหานรีบตามมา แต่ละคนในมือถือเนื้อเอย ไข่เอย แซนวิชเอย

วิวยามเช้านี่ช่างสวยงามจริงๆ…

นักพรตมู่วิ่งอยู่ข้างหน้าอย่างบ้าคลั่ง โดยมีนายหญิงถือกระทะวิ่งไล่ตามอยู่ข้างหลัง ซู่เป่าก็ตามอยู่ข้างหลังอย่างใกล้ชิด ส่วนข้างหลังเธอก็มีเสี่ยวอู่ ข้างหลังอู่ก็มีนักสู้ตัวจิ๋วสามคนวิ่งตามอยู่ข้างหลัง…

สุดท้ายซู่เป่าก็ได้เงินหนึ่งหมื่นของตัวเองคืนมา

อวี่ฉิงที่อยู่ในคุกก็ต้องทำงานเย็บผ้าทั้งวันจนจักรเย็บผ้าควันออกเหมือนติดหนี้สวรรค์อย่างงั้นแหละ…

**

ในตัวเมือง

ซู่เป่าได้เงินหนึ่งหมื่นคืนมาก็ถอนหายใจ “ขาดทุนนี่!”

ซูเหอเวิ่นถาม “เงินก็ได้คืนมาแล้วไม่ใช่เหรอ? จะขาดทุนได้ยังไง”

ซู่เป่านับนิ้วคำนวณ “ดอกเบี้ยของหนึ่งหมื่นต่อเดือนก็คือ 14.5 หยวน สามเดือนก็ต้อง143.5 หยวนสิ…ตั้งหนึ่งร้อยเลยนะ!หายไปแล้ว”

ซูเหอเวิ่นงงว่าคำนวณแบบนี้หรอกเหรอ?

หานหานพยักหน้าเห็นด้วย “เงินร้อยนึงจริงด้วย เฮ้อ คราวหน้าก็จำไว้เป็นบทเรียนนะ!”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างแรง “อื้ม!”

นักพรตมู่ที่อยู่ข้างๆคิด: นี่ๆ…มันใช่เหรอ?

“กลับบ้านกันเถอะ”มู่กุยฝานเอ่ย “ถ้ากลับช้ากว่านี้เดี๋ยวยายของหนูจะมาสับคนอีกแล้ว”

กลับหันไปเห็นซู่เป่ายกอมยิ้มขึ้นมา “พ่อ หนูให้!”

มู่กุยฝานบีบแก้มเธอไปทีหนึ่งแล้วพูดโดยไม่สบอารมณ์ว่า “หนูถึงกับยอมหักหลังพ่อเพื่อเงินหนึ่งหมื่น ตอนนี้จะมาง้อพ่อเหรอ? สายไปแล้วล่ะ”

ซู่เป่าถามอย่างน่าสงสารว่า “แล้วจะให้ทำยังไงพ่อถึงจะหายโกรธซู่เป่าล่ะ”

เธอไม่ได้ตั้งใจจริงๆนะ!

มู่กุยฝานชี้ไปที่ร้านไอติมข้างทางที่ดูคุ้นเคย “อย่างน้อยก็ขอไอติมสักอัน”

ซู่เป่าพยักหน้าดีใจ “โอเค!”

ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่มายืนออกันอยู่ที่หน้าร้านไอติม

ซู่เป่าควักเงินหนึ่งร้อยออกมาจากกระเป๋าตังค์เล็กๆ ของตัวเอง

“พ่อค้า ขอไอติมห้าอันค่ะ!”

ร้านไอติมเจ้านี้คลาสสิกมาก ไอติมธรรมดา อันละ 20

ซู่เป่าคิดมาเรียบร้อย ห้าคนก็หนึ่งร้อยบาท พอดีเลย!

ใครจะไปรู้ว่ามู่กุยฝานดันไปชี้ๆ ที่ตู้ไอติมว่า “อันนี้ อันนั้น แล้วก็อันโน้นด้วย แล้วก็เอารสวานิลลาเพิ่มอีกสอง เอาสตรอเบอร์รี่อบแห้งเพิ่มด้วย”

ในกระเป๋าสัตว์เลี้ยงเสี่ยวอู่ถึงกับเบิกตากว้าง: ว้าว…แบบนี้ก็ได้เหรอ

ทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่นั่งกินไอติมอยู่ข้างแปลงดอกไม้ มู่กุยฝานกวาดสายตามองโดยไม่ได้ตั้งใจ รู้สึกอบอุ่นหัวใจจริงๆ

เมื่อก่อนมีแค่เขาตัวคนเดียว พอเสร็จภารกิจก็มานั่งกินไอติมเงียบๆ ที่นี่คนเดียว ทั้งเงียบเชียบและโดดเดี่ยว

แต่ตอนนี้กลับได้พานักสู้ตัวจิ๋วสี่คนมาด้วย เด็กๆคุยกันเสียงดังและเติมเต็มช่องว่างที่อยู่ในจิตใจของเขาในทันที

“ไม่ได้มาที่นี่นานมาก”มู่กุยฝานเอ่ยเบาๆ

ซู่เป่าพยักหน้า “ครั้งก่อนพวกเราเห็นป้าซินจื่อเหมิงตรงนั้นด้วยค่ะ”

เธอกับพ่อยังกินเผือกรอดูดราม่าอยู่เลย และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่ทำให้เธอรู้จักศัพท์ที่ว่ากินเผือกคืออะไร

มู่กุยฝานยกมุมปาก และมองไปยังร้านกาแฟร้านเดิมที่อยู่ตรงนั้น

พอมองไป กลับพบว่าไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับร้านกาแฟร้านนี้ จู่ๆ ก็กลายเป็นเงียบเหงา ไม่มีลูกค้าสักคนแต่หน้าร้านกลับดูค่อนข้างคึกคักทีเดียว

มีคนจูงหมามาเดินและหลายคนก็ยกมือถือขึ้นมา

“ทุกคนดูสิ! ร้านกาแฟนี้แปลกมาก…ไม่ว่าจะเป็นสุนัขตัวไหนถ้าก้าวเข้าประตูร้านนี้ละก็ จะต้องเห่าเสียงดังขึ้นมาทันทีทุกตัวเลย และให้ตายก็ไม่ยอมจะเข้าไปในร้าน!”

มีคนหนึ่งที่จูงสุนัขมาแล้วพยายามจะดึงเชือกสุนัขให้เข้าไปข้างในในร้านกาแฟ

แต่หมากลับขัดขืนและร้องเอ๋งๆ

ซู่เป่าส่งเสียงเอ๊ะ “พวกเขาทำอะไรกันอยู่?”

ซูเหอเวิ่นหยิบกล้องขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น “มีผี ไปกันเถอะ!”

ซู่เป่ายังงงอยู่แต่ถูกหานหานลากไปด้วย

ซูเหอเวิ่น ซูจื่อซีและหานหานทั้งสามคนสามารถตั้งทีม ‘กากแต่ก็ชอบเล่น’ ได้เลยนะเนี่ย เห็นอะไรก็รีบวิ่งไปก่อนทันที พอนึกได้ว่ากลัวก็ค่อยวิ่งกลับมาอยู่ข้างๆซู่เป่า

แต่ละคนกอดแขนซู่เป่าคนละข้าง…เหมือนกับซู่เป่า ‘ลอย’ ไปแบบนั้นโดยเท้าไม่แตะพื้นเลย

ขณะเดียวกันคนที่จูงสุนัขมาก็ดึงสุนัขมาที่หน้าประตูร้านกาแฟแล้ว เป็นไปตามคาด หมาเพิ่งจะก้าวเข้าประตูร้านก็ร้องเอ๋งๆ และพยายามขัดขืนดิ้นรนจะหนีสุดชีวิต

ซูเหอเวิ่นหยิบกล้องขึ้นมา “อยู่ที่ไหนๆ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน