ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 668

เมื่อซู่เป่าเห็นโลกนั้นแล้ว

เธอตกใจมากจึงตัดสินใจออกมา ตอนนี้ยังไม่เข้าใจว่ามันคืออะไร จึงคิดอยากจะดูอีกรอบ

แต่ว่าทำไมเธอถึงหาโลกที่เพิ่งดูไปนั้นไม่เจอซะแล้ว...

ซูจื่อซีถามขึ้นอย่างรีบร้อน “เป็นอะไรน้องสาว พู่กันชี้ชะตาว่ายังไงบ้าง?”

ซู่เป่ายังคงสงสัยพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “เมื่อกี้หนูเห็นมีคนกำลังตอกบัตร...มีคนจำนวนมากมายที่พากันไปตอกบัตร”

ซูจื่อซี “?”

ตอกบัตรอะไร

เธอเห็นคนจำนวนมาก คือมนุษย์เงินเดือนที่กำลังตอกบัตรเข้างานเหรอ?

เขาไม่เข้าใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ซู่เป่าถึงได้เงียบลงอย่างหน้าตาเศร้าหมอง

ซู่เป่าเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าคือเรื่องอะไร

เธอเห็นโลกนั้นอย่างไม่คาดคิด มันคล้ายกับเป็นภาพลวงตาที่ไม่สามารถจะสัมผัสแตะต้องได้

คราวนี้เธอทำให้จี้ฉางถึงกับเกิดความสับสนขึ้นมาและเอ่ยปากถามว่า “ซู่เป่า เป็นอะไรหรือ?”

ซู่เป่ายังคงส่ายหน้าเช่นเดิม

ไม่รู้ว่าเพราะอะไร เธอมีความรู้สึกบางอย่างที่พูดออกมาไม่ได้ ไม่สามารถพูดอะไรได้เลย

ซู่เป่าเก็บพู่กันชี้ชะตาไว้จากนั้นก็ลุกขึ้นพูดว่า “หนูหิวแล้ว...พี่จื่อซี พวกเราลงไปกินข้าวกันเถอะ!”

“อาจารย์ ไปแล้วนะ!”

ซูจื่อซี “?”

จี้ฉาง “?”

จนเมื่อซู่เป่าเดินออกจากประตู ซูจื่อซีถึงจะเอ่ยปากพูดขึ้นว่า “เออ ออ ก็ดี”

ซู่เป่าลงมาชั้นล่าง ก็เห็นลุงใหญ่กลับมาพอดี

ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร จู่ๆเธอก็นึกถึงเสียงเอะอะโวยวายที่เพิ่งได้ยินมาเมื่อกี้

พวกเขาพูดว่า ไม่ควรเอาเงินให้ลุงจาง...

ซู่เป่าเดินมาข้างหน้า จากนั้นก็กอดขาของซูอีเฉินเอาไว้

ซูอีเฉินกำลังจะอุ้มซู่เป่าขึ้นมา เหยาหลิงเยว่ก็เดินเข้ามาข้างหน้าพร้อมกับอุ้มซู่เป่าโยนขึ้น...และกอดไว้ในอ้อมอกของเธอ

“ซู่เป่า…ของฉัน!” เธอพูดอย่างดีอกดีใจ

ซูอีเฉินก็เดินตามเธอไป และสังเกตเห็นว่าซู่เป่ามีท่าทางแปลกๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนตอนที่เหยาหลิงเยว่อุ้มเธอขึ้นมาแบบนี้ เธอก็จะหัวเราะอย่างร่าเริงแจ่มใจ

เขาเอ่ยปากถาม “ซู่เป่า เป็นอะไรหรือเปล่า?”

ซู่เป่าคิดอยู่สักพักก่อนจะพูดว่า “ลุงใหญ่ มีคนด่าคุณพ่อว่าเป็นคนดีที่ซื่อบื้อ”

มู่กุยฝานกำลังยกขาหมูน้ำแดงมาให้นายหญิง และเมื่อได้ยินจึงถามขึ้นว่า “อะไรคือคนดีที่ซื่อบื้อ?”

ซู่เป่าเม้มปากก่อนจะพูดว่า “พูดถึงเรื่องที่คุณพ่อเอาเงินให้ลุงจาง”

มู่กุยฝานชะงักฝีเท้าพร้อมกับขมวดคิ้ว

เรื่องที่เขาให้ค่าตอบแทนจางหย่งเฉวียนนั้นถูกเก็บไว้เป็นความลับอย่างดี เงินหนึ่งล้านที่เบิกล่วงหน้าก็ยังไม่ได้โอนเข้าไปในบัญชีของจางหย่งเฉวียน

ตามความเป็นจริงแล้ว ไม่น่าจะมีคนรู้เรื่องนี้ได้

ซูอีเฉินถามขึ้นว่า “ใครเป็นคนพูด?”

ซู่เป่าตอบว่า “หนูสามารถมองเห็นโลกอีกใบ คนในโลกนั้นเป็นคนพูด”

“เขาบอกว่าไม่เห็นด้วยกับวิธีการแบบนี้ ถ้าครั้งนี้ให้ไปแล้ว ครั้งต่อไปก็ต้องให้อีกไหม?ทั้งโลกนี้ก็ต้องให้ด้วยหรือเปล่า?”

ซูอีเฉินกับมู่กุยฝานหันมาสบตากันอย่างสงสัย

คำพูดนี้ ใครเป็นคนพูดกันแน่?

ทำไมถึงรู้สึกแปลกๆชอบกลอยู่เล็กน้อย...

แต่ซูอีเฉินก็ตอบออกมาอย่างจริงจังว่า “ลุงใหญ่ไม่สามารถช่วยได้ทุกคน เพราะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ แต่ว่าเมื่อได้พบเจออย่างบังเอิญ ก็แค่ยื่นมือช่วยตามสถานการณ์”

“อย่างเช่นเมื่อพวกเราเดินอยู่ข้างถนน และบังเอิญเห็นฝาท่อระบายน้ำถูกฝนซัดจนเปิดออก พวกเราก็แค่ยื่นมือช่วยปิดฝาท่อนั้นเอาไว้ ในโลกนี้มีฝาท่อระบายน้ำแบบนี้อยู่มากมาย ถนนที่เราไม่ได้เดินผ่าน และมองไม่เห็นฝาท่อระบายน้ำ ก็ไม่สามารถช่วยปิดฝาท่อได้ทุกที่ และสิ่งนั้นก็ไม่ได้อยู่ในขอบเขตการตัดสินใจของพวกเรา”

“สิ่งที่พวกเราสามารถทำได้ ก็แค่ก้มลงปิดฝาท่อให้เรียบร้อย แค่นี้ก็พอแล้ว”

และคงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นทุกครั้งที่มีฝนตก ทุกครั้งที่ฝนตกก็อาจจะไม่ได้พบเจอกับฝาท่อที่ถูกซัดจนเปิดออกมา

ฝาท่อบางที่มีคนรับผิดชอบซ่อมแซมดูแลอยู่แล้ว ถ้าปิดฝาท่อที่ชำรุดเอาไว้แล้วต้องทำให้คนอื่นเข้าใจผิดเขาก็จะไม่ไปปิดฝาท่อนั้น

แต่ถ้าทุกคนเห็นฝาท่อเปิดไว้และไม่มีใครไปปิด หรือว่าทุกคนเห็นมีคนต้องการความช่วยเหลือแต่กลับมองอยู่ข้างๆอย่างเยือกเย็น และไม่ยอมช่วยแม้จะเป็นเรื่องที่ทำได้อย่างง่ายดาย…ซูอีเฉิน

ทำตามกำลังและหัวใจของตัวเองก็พอแล้ว

มีคนสามารถ...เห็นโลกของพวกเขาได้หรือ?

เกิดเรื่องอะไรขึ้น...

เป็นครั้งแรกที่จี้ฉางได้พบเจอดินแดนแห่งใหม่ ซึ่งตัวเองก็ไม่เข้าใจว่าคืออะไรเหมือนกัน

หรือว่าจะต้องไปถามจักรพรรดิเฟิงตูถึงจะเข้าใจได้...

เวลานี้ ซู่เป่าที่กำลังกัดกินขาหมูอยู่ก็ได้พูดขึ้นมาว่า “ฉะนั้น…มีเงินเยอะดีจริงๆ!”

ซูอีเฉินมู่กุยฝานและจี้ฉาง “…”

นายหญิงซูพูดบ่นขึ้นว่า“ได้กินขาหมูก็ถึงกับซาบซึ้งจนรู้สึกว่ามีเงินเยอะแล้วดีเลยหรือ?แม้ไม่มีเงินยายก็จะเย็บพื้นรองเท้าขายเพื่อหาเงินซื้อขาหมูให้หนูกิน...วางใจได้เลย!”

เธอนึกว่าซู่เป่ากำลังคิดมากเกี่ยวกับการดำรงชีวิต จึงรู้สึกว่าได้กินขาหมูนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย

เป็นถึงขั้นนี้เชียวหรือ ขาหมูมีไขมันเยอะและเลี่ยนแถมยังย่อยยาก เธอจึงไม่ได้ทำมาแล้วประมาณหนึ่งเดือน

ทำให้เด็กหิวจนคิดแบบนี้ได้เลยหรือ

นายหญิงซูตัดสินใจแล้วว่า พรุ่งนี้มะรืนนี้และวันถัดไปก็จะทำแต่ขาหมู ขาหมูน้ำแดง ขาหมูหมักพริกไทย ขาหมูหม่าล่า...

ซู่เป่าถามนายหญิงซูต่ออีกว่า “คุณยาย แล้วทำไมวันนี้ถึงได้กินขาหมูล่ะ”

เพราะไม่ได้กินมานานจึงรู้สึกว่าอร่อยเป็นพิเศษ มู่กุยฝานและซูอีเฉิน เหยาหลิงเยว่กับเด็กๆอีกหลายคนต่างก็ก้มหน้าก้มตากินกันอย่างหนำใจ

นายหญิงซูพูดขึ้นว่า “วันนี้อากาศเย็นสบายกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะอะไรอากาศในช่วงเดือนเจ็ดเดือนแปดนี้ จู่ๆอุณหภูมิก็ลดต่ำลง... ”

อากาศไม่ค่อยร้อนอบอ้าวมากนัก อยู่ดีๆก็อยากจะกินขาหมูขึ้นมา

มู่กุยฝานพูดขึ้นว่า “มีพายุไต่ฝุ่นใช่ไหม”

นายหญิงซูพยักหน้า “อืม...แต่ที่นี่ยังปลอดภัยดี เพราะไม่ใช่เมืองชายฝั่งทะเล อุณหภูมิจึงไม่แตกต่างกันมาก”

ตอนที่มีพายุไต้ฝุ่นพัดผ่านเมืองชายฝั่งทะเล ถึงขั้นที่มีอุณหภูมิแตกต่างกันประมาณสิบถึงยี่สิบองศา

ซู่เป่ากินไปด้วยและฟังไปด้วย ทันใดนั้นก็นึกถึงเวลาที่เธอถือพู่กันชี้ชะตาเอาไว้ และมองเห็นภาพของพายุไต้ฝุ่น

“คุณพ่อ พวกเราไปดูพายุไต้ฝุ่นกัน!” ซู่เป่าพูดขึ้นมากะทันหัน

เธออยากรู้ว่าสิ่งที่มองเห็นนั้นคืออะไรกันแน่

ทุกคนในตระกูลซู “?”

นายหญิงซู “…ไปไม่ได้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน