ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 729

เมื่อซู่เป่าฟื้นขึ้นมาก็เห็นอาจารย์หลับตาอิงอยู่บนหัวเตียง

เหล่าผีแทบจะไม่นอน หากหลับก็แปลว่าเกิดปัญหารุนแรง

ผีขี้ขลาดปกป้องซู่เป่าอยู่ทั้งคืน ทีแรกคิดไว้ว่าหากเธอไม่ฟื้น เขาก็จะสลายกลายเป็นยาบำรุงยื้อชีวิตเธอไปอีกสักพัก...

ตอนนี้เพียงแค่ลูบศีรษะของซู่เป่าด้วยความอ่อนโยน แล้วกระซิบพูดว่า “ไปขอโทษอาจารย์ของเจ้าดีๆ เถอะ!”

เขายังอยากพูดอะไร แต่ก็ต้องชะงักไป แล้วพูดแค่ว่า “ฉันไปหาพวกผีหลายใจเขาก่อนนะ”

พูดจบเขาก็ลอยออกไป

น้ำตาหยดติ๋งติ๋งออกมาจากดวงตาทั้งสองของซู่เป่า เธอผิดไปแล้วจริงๆ...

เธอคิดว่าตัวเองเก่งกาจมาก และยังเก่งกาจได้มากกว่านี้

เพียงแค่เธอโตเร็วหน่อย เร็วอีกหน่อยก็จะสามารถคุ้มกันคนในครอบครัวของตัวเองได้ ไม่ต้องให้ลุงใหญ่ลำบาก ไม่ต้องให้พ่อวิ่งเต้นคอยไปเป็นเพื่อน และไม่ต้องให้ทุกคนเป็นกังวลขนาดนี้

ถึงเวลานั้นพวกเขากก็แค่รออยู่ที่บ้าน รู้สึกอุดอู้ก็ไปเที่ยวที่ต่างๆ ทั่วประเทศ เหนื่อยก็ไปอาบแดดในสวนดอกไม้

เธอจับคนเลวทั้งหมดเสร็จ ไล่คนขายชาติทั้งหมดออกไป ลุงเจ็ดก็ไม่ต้องเร่ร่อนไปอยู่ตามแนวชายแดนที่อันตราย ไม่ได้กลับบ้านนานแรมปี

ทำให้โลกใบนี้มั่นคง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของลุงหกจะได้รับผลลัพธ์ที่น่าอัศจรรย์ ลุงแปดและบุคลากรทางการแพทย์ จะได้ไม่ต้องรีบร้อนไปผ่าตัดตอนกลางคืน และไม่ได้กินข้าวตลอดทั้งวันในตอนที่ยุ่งที่สุด...

จากนั้นบนโลกใบนี้ก็จะไม่มีใครทะเลาะกันเพราะเรื่องเงินอีก ไม่มีคุณยายที่เคาะประตูหลานสาวอยู่นานสองนานแล้วก็ยังไม่เปิด ไม่มีคนรักที่รักแต่ไม่เคยมีโอกาสได้พบกัน...

จี้ฉางลืมตา ไม่กระดุกกระดิกใดๆ เพียงแต่ก้มหน้ามองเธอทีหนึ่ง น้ำเสียงมีความแหบพร่าอยู่เล็กน้อยเพราะอ่อนแรง เขาถามขึ้นว่า “กำลังคิดอะไรอยู่หรือ”

ซู่เป่าบอกสิ่งที่ตัวเองคิดกับเขารอบหนึ่ง

จี้ฉางหัวเราะเยาะ แล้วพูดขึ้นว่า “ถ้าเป็นแบบนี้ละก็ ชีวิตยังจะมีความหมายอะไร”

“ทุกคนต่างนั่งกินนอนกินรอความตาย วันสองวันคิดว่าสบายใจ แต่เมื่อนานวันเข้าก็จะรู้สึกว่างเปล่าในหัวใจ”

ส่วนความทุกข์ยากแห่งโลกมนุษย์ ก็จะยิ่งไม่มีวันหายไป

“ความทุกข์ยากแห่งโลกมนุษย์มีนับพันนับร้อยอย่าง ทุกสิ่งที่เจ้าเห็นยังไม่ถึงสองส่วน เพียงแค่คนยังมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ ความทุกข์ยากก็จะไม่มีวันสูญสิ้นป”

“เพราะตัวความทุกข์ยากนั้น คือ ‘อารยะ’ ที่มนุษย์สร้างมันออกมาเอง”

จี้ฉางยกมือขึ้นประคองหน้าของซู่เป่าเอาไว้ นิ้วโป้งลูบแก้มอันนุ่มนิ่มของเธอเบาๆ แล้วพูดขึ้นว่า “ต่อไปอย่าบุ่มบ่ามอีกนะ เชือกแดงไม่ใช่เชือกสารพัดประโยชน์ อาจารย์ก็ไม่ได้สารพัดประโยชน์เช่นกัน”

“เชือกแดงถูกเผาทำลาย อาจารย์เองก็จะตายตกไปจริงๆ ไม่มีผู้ใดอยู่เป็นเพื่อนเจ้าจนถึงท้ายที่สุดได้ตลอด...”

“เจ้าต้องเรียนรู้ที่จะใจเย็นสุขุม จะหยิ่งทะนงตนไม่ได้”

ดวงตาของซู่เป่าพร่าเลือนไปด้วยน้ำตา ส่ายหัวอย่างแรงแล้วพูดขึ้นว่า “ท่านอาจารย์จะไม่มีวันตาย เชือกแดงก็จะไม่มีวันถูกเผาทำลาย!”

จี้ฉางหลับตาแล้วพูดขึ้นอย่างไร้อารมณ์ “มี”

“หากเจ้ายังยับยั้งชั่งใจไม่เป็นอีก ต่อไปจะตายยังไงก็ไม่รู้ หากเจ้าไม่เชื่อฟังก็ไม่ต้องให้อาจารย์สอนเจ้าอีก ถึงยังไง...เจ้าเองก็ไม่ต้องมีอาจารย์ก็ได้ไม่ใช่หรือ”

ซู่เป่าพูดตะคอกขึ้น “ไม่ใช่นะคะ!”

จี้ฉางเหนื่อยเป็นอย่างมาก เขาหลับตาไม่ได้ลืมตาและไม่ตอบกลับ

ไม่นึกเลยว่าจู่ๆ ซู่เป่าจะลุกขึ้นมานั่งคุกเข่าบนเตียง น้ำตาไหลพราก พยายามคำนับไปทางจี้ฉาง “ท่านอาจารย์ ซู่เป่าผิดไปแล้ว!”

“ท่านอาจารย์อย่าทิ้งซู่เป่านะ อย่าเมินซู่เป่าเลยนะ!”

“ต่อไปซู่เป่าจะเชื่อฟัง ไม่บุ่มบ่ามอีก”

จี้ฉางลืมตา ตกใจจนรีบคุกเข่าให้เธอเช่นกัน

ตลกสิ้นดี ศิษย์คุกเข่าให้อาจารย์ มันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว

แต่ศิษย์คนนี้เป็นถึงพญายมเชียวนะ ใครจะกล้าให้พญายมคุกเข่าให้เขากันล่ะ!

จี้ฉางเอื้อมมือไปขวางซู่เป่า “ไม่ต้องๆๆ เจ้าไม่ต้องคำนับแล้ว”

จี้ฉางพูดขึ้น “ไม่วาดไปเรื่อยก็พอ”

เขานึกถึงเมื่อสองสามวันก่อนหน้า ตอนที่เจ้าเด็กน้อยพูดว่าไม่อย่างต่อต้านสุดกำลัง ตอนนั้นดื้อดึงราวกับวัวน้อยตัวหนึ่งจริงๆ

หลังจากผ่านครั้งนี้ไป ก็ดูจะเชื่อฟังขึ้นมาหน่อย

ซู่เป่าร้อนตัว แต่ก็ยังพูดขึ้นอย่างยอมรับตรงไปตรงมา “เมื่อคืนกลับมาหนูฝากข้อความให้พวกพี่ถังซินเขาอีกรอบ เพราะซู่เป่าโกรธ อยากจะจับคนเลวนั่นให้ได้”

จี้ฉางพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง แล้วส่ายหน้าพลางพูดว่า “รอเจ้าหายดีแล้วค่อยว่ากันเถิด อาจารย์จะหาเวลาไปถามอีกที”

นอกสามภพหกวิถีคืออะไร เขาเองก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร

“แต่ครานี้พู่กันชี้ชะตาของเจ้านับว่าถูกเปิดเผยแล้ว นักพรตซานชิงผู้นั้นมีใจคิดจะแย่งชิง เขาไม่มีทางยอมง่ายๆ แน่”

“เก็บพู่กันชี้ชะตาให้ดี ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ระมัดระวังเอาไว้หน่อย”

เมื่อคืนเขาอยากเร่งโจมตีจับซานชิงนั่นแล้วค่อยว่ากัน แต่ไม่นึกเลยว่าเขาจะหนีไปเร็วขนาดนั้น

หากไม่จับคนคนนี้ ก็จะเป็นภัยแฝงอยู่ตลอดเวลา

“เดี๋ยวค่อยไปหาเฉียนไป่ว่านอีกที”

ซู่เป่าพยักหน้าอย่างซื่อสัตย์

มู่กุยฝานพูด “กินอะไรก่อนเถอะ!”

ฟ้าสว่างแล้ว นายหญิงซูต้องรู้เรื่องที่ซู่เป่าไม่อยู่บ้านแล้วแน่ๆ

นี่กลับไปก็เรียบร้อยแล้ว...ยังดีที่ซู่เป่าฟื้นตัวแล้ว ไม่อย่างนั้นกลับไปขาได้มีหักจริงๆ แน่

[โอเลเล โอลาลา โอเลเล โอลาลา...]

จู่ๆ โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน