วันที่ลูกสาวของแม่สื่อผีแต่งงานนั้นจัดตอนช่วงกลางดึกและมีลมมืดครึ้ม
พอผ่านไปครึ่งทางก็ไม่รู้ว่าได้ยังเสียงร้องไห้งือๆ มาจากไหน และมีเสียงแมวป่าคำราม
แม่สื่อผีก็เริ่มรู้สึกกลัวเล็กน้อย แต่หลังจากนั้นลูกสาวคนโตของเธอก็ไปที่บ้านของฝ่ายชายได้อย่างราบรื่น เพื่อไปรับใช้พ่อแม่ฝ่ายชาย
เธอก็ไม่สนใจอะไรลูกสาวเธอเลย พอออกเรือนไปแล้วก็ไม่เกี่ยวกัน ลูกสาวจะใช้ชีวิตอยู่ที่บ้านฝ่ายชายยังไงก็เป็นชะตาของเธอแล้ว
แม่สื่อผีหอบหิ้วเงินสินสอดแปดหมื่นเก้าสิบเก้าแล้วหนีไปที่ตัวอำเภอที่อยู่ห่างไกลออกไป คราวนี้ก็ใช้ชีวิตราบรื่นดีแถมยังหาแฟนได้อีกด้วย
แต่เพราะผู้ชายก็ต้องใช้เงินเหมือนกัน เธอก็เลยขยายตลาดแล้วเป็นแม่สื่อให้ผีไม่หยุดไม่หย่อน
สังคมข้างนอกนั้นแตกต่างกับประเพณีของทางบ้านเธออย่างมาก ทุกคนเคารพกฎหมาย ถึงแม้จะเป็นลูกสาว พ่อแม่ก็ไม่มีทางขายลูกตัวเองให้ไปแต่งงานกับคนตาย
“ถึงแม้ธุรกิจจะลำบากหน่อย แต่พอทำสำเร็จเคสเดียวก็ยังได้เงินเยอะกว่าอยู่ดี” แม่สื่อผีเอ่ย “ที่พวกเธอไม่รู้ก็คือพวกคนมีเงินน่ะบางทีก็งมงายมากเลยนะ”
ครั้งสุดท้าย เธอได้รับเคสใหญ่มาเคสนึง
ขอแค่เธอทำสำเร็จ สินสอดก็คิดต่างหาก แต่ตัวเธอเองจะได้นับเงินเป็นหลักแสนเลยล่ะ
ในตอนนั้นลูกค้ามีเงื่อนไขที่ค่อนข้างเข้มงวด ไม่เพียงแต่ต้องไม่เคยแต่งงานและบริสุทธิ์แล้ว อายุก็ต้องตรงกัน แถมการศึกษาก็ต้องมีวุฒิมหาลัยขึ้นไปเท่านั้น
พอเธอสอบถามอยู่นานก็หาเจอ แต่เมื่อเอ่ยถึงเรื่องนี้ให้พ่อแม่ฝ่ายหญิงฟังก็โดนพ่อแม่ฝ่ายหญิงใช้ไม้เหล็กมาไล่ตีเธอให้ออกไป
เงินเป็นแสนวางอยู่ตรงหน้า แน่นอนว่าเธอก็ต้องไม่ยอมอยู่แล้ว ด้วยความที่ตัวเองตอนนั้นก็อายุค่อนข้างมากแล้ว ก็คิดว่าทำเคสนี้เป็นเคสสุดท้ายก็จะวางมือแล้ว
ดังนั้น…เธอก็เลยแอบไปขุดเถ้ากระดูกของหญิงสาวออกมา
“ที่จริงแล้วในวงการนี้ก็มีคนทำแบบนี้อยู่หลายคนเหมือนกัน จะไปมีผู้หญิงที่เหมาะสมเยอะขนาดนั้นได้ยังไงกัน เมื่อยุคสมัยก้าวหน้าแล้วก็ไม่มีครอบครัวฝ่ายหญิงไหนที่ยินยอมให้ทำเรื่องแบบนี้
เพราะฉะนั้นการขโมยศพคนตายก็มีอยู่ค่อนข้างเยอะเหมือนกัน บางบ้านพอรู้ว่าโดนขโมย ขณะที่กำลังร้องโวยวายพวกเขาก็หนีไปเสียแล้ว จับไม่ได้แล้วจะทำยังไงได้
ผีขี้ขลาดกอดอกแล้วพูดอย่างเย็นชาว่า “พวกเธอนี่ไร้สามัญสำนึกจริงๆ!”
แม่สื่อผีเอ่ย “มาบอกว่าฉันไร้สามัญสำนึกได้ยังไงกัน พอไปถึงโลกหลังความตายแล้วมีเพื่อนไว้ก็ดีไม่ใช่หรือไง”
“ตายไปแล้วก็สร้างมูลค่าอะไรไม่ได้ สู้ขายไปซะดีกว่าจะได้ไม่เปลือง”
ผีทั้งหลาย “…”
ซู่เป่า “โอ้ย โมโหจนเจ็บใจไปหมด!”
เธอหยิบผ้าห่มขึ้นมาแล้วกัดไปคำหนึ่ง
จี้ฉางตบที่หลังเขาเบาๆ แล้วถามต่อว่า “เจ้าโดนคนฆ่าตายหรือ?”
แม่สื่อผีหยักหน้า “อื้ม โดนครอบครัวฝ่ายหญิงฆ่าตาย ถูกฆ่าตายในป่าช้ากลางดึแล้วแขวนไว้ที่ราวไม้ไผ่และเสียบไว้หน้าหลุมศพของลูกสาวเขาเพื่อเป็นไถ่โทษ”
แฟนคนใหม่ของเธอก็สนใจแต่เงิน พอเธอหายตัวไปก็ไม่เคยมาตามหาเธออีกเลย
ส่วนครอบครัวสามีเก่าของเธอ ลูกสาวคนโตและครอบครัวตัวเองยิ่งไม่มีทางมาตามหาเธอ
เธอก็เลยโดนแขวนอยู่บนราวไม้ไผ่อยู่อย่างนั้น ทั้งแดดร้อนระอุ ทั้งฝนตกลมพัด รวมถึงสัตว์ป่าที่มากัดแทะศพเธอจนเหลือแต่กระดูก แถมพอเหลือแต่กระดูกก็ยังโดนสัตว์ป่าคาบไปโน่นไปนี่
ส่วนวิญญาณของเธอก็ถูกตรึงอยู่ที่ไม้ไผ่หน้าหลุมศพอย่างถาวร ผ่านไปเป็นสิบปีเจอแต่เรื่องเดิมๆ ทั้งถูกแดดเผาและทรมาน โดนน้ำฝนชะล้างแล้วก็ถูกฆ่าตายซ้ำๆ โดยการที่โดนพวกสัตว์ป่ามากัดกิน…
จนกลายเป็นผีร้าย
ผีทั้งหลาย “สมน้ำหน้า!”
ไม่รู้ว่า ‘คนนอก’ อย่างผีปลิ้นปล้อนฟังเรื่องนี้จนหยุดฟังไม่ได้ไปเมื่อไหร่จู่ๆ ก็เอ่ยขึ้นมาว่า “น่าเวทนาจริงๆ น่าสังเวชยิ่งกว่าฉันอีก!”
ผีทั้งหลายยังอยากจะถามผีปลิ้นปล้อนกับผีละโมบต่อว่าพวกเขาตายได้ยังไง แต่พอเห็นสีหน้าของซู่เป่าดูหดหู่มาก ก็เลยไม่ถามต่อแล้ว
“ซู่เป่า เกิดอะไรขึ้น?” ผีขี้ขลาดมองตาเธอ
ซู่เป่าเม้มปากแล้วส่ายหัว
ผีขี้ขลาดเห็นแล้วปวดใจ
พอเห็นสภาพชีวิตของมนุษย์แต่ละครั้งแล้ว จิตใจของซู่เป่าก็จะหนักอึ้งทุกครั้ง พอเป็นแบบนี้ซ้ำๆ พูดในอีกแง่หนึ่งก็คงเหมือนกับกระบวนการตายวนลูปซ้ำๆ ของผีร้ายนั่นแหละ
ในขณะเดียวกันผีขี้ขลาดก็รู้สึกว่าจี้ฉางโหดเกินไป ทำไมต้องให้มามีประสบการณ์อะไรแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆ ให้เริ่มตอนอายุ 18 ปีก็ยังทันเลย
ไม่รู้ว่าจี้ฉางกำลังนึกถึงเรื่องอะไรอยู่ แต่กลับรู้สึกเหมือนเจ็บจี๊ดที่หัวใจจนไอกะทันหันขึ้นมาอย่างรุนแรง
หลายวันมานี้บางครั้งเขาก็มีไปฝึกฝนปรานหยินในน้ำเต้าวิญญาณบ้างเป็นบางครั้ง แต่ร่องรอยการบาดเจ็บที่ตูซื่อหวังทิ้งไว้ให้เขาระดับปรานหยินก็ไม่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บของเขาให้หายได้
ยังไม่มีใครสังเกตเห็นว่าที่ผมช่วงหลังคอของจี้ฉางที่เดิมที่เป็นสีดำนั้นตอนนี้ได้กลายเป็นผมขาวไปแล้ว
จี้ฉางหัวเราะอย่างขมขื่น เขาก็ไม่อยากจะใจร้ายหรอก
ของบางอย่างต้องผ่านคุณปู่เต่าเท่านั้นถึงจะทำนายได้
คุณปู่เต่าโผล่หัวออกมา แล้วก็ไปแตะที่นิ้วของซู่เป่าเบาๆ เหมือนกำลังปลอบใจเธออยู่
ซู่เป่ากัดฟันแล้วพลิกเต่า นิ้วกลางและนิ้วชี้ของเธอยกขึ้น พอยกมือขึ้นไฟสีเหลืองก็โผล่ออกมา
เปลวไฟลุกไหม้หลังของเต่า คุณปู่เต่าดูเหมือนจะเจ็บปวดเล็กน้อย แต่ก็ยังหลับตาไว้ไม่ขยับเขยื้อนไปไหน
แคร๊ก…
มีเสียงดังขึ้นเบาๆ กระดองเต่าแตก
ผีหลายใจพึมพำเบาๆ ว่า “นี่สินะกระดองเต่าทำนายที่แท้จริง…”
พอซู่เป่าเห็นรอยแตกบนหลังเต่า ใบหน้าของเธอก็ซีดขึ้นมาทันที
ผีขี้ขลาดถาม “เกิดอะไรขึ้น?”
ซู่เป่าเม้มปาก ไม่ค่อยมีให้เห็นนะที่เธอไม่พูดอะไร
ร่างกายเล็กๆ ของเธอสั่นไปทั้งตัว ถ้าเกิดเป็นเมื่อก่อนละก็ เธอก็คงร้องไห้งอแงไปแล้ว แต่ตอนนี้เธอกลับไม่พูดอะไรเลยสักแอะ
“หนูไม่เป็นไร” ซู่เป่าเอ่ยเบาๆ “หนูจะนอนแล้ว พี่ชายพัน พี่สาวหลายใจ”
เธออุ้มคุณปู่เต่าขึ้นมาแล้วก็มานอนห่มผ้าห่มอย่างเชื่อฟังแล้วหลับตาลง
คุณปู่เต่าขยับตัว แล้วก็ยื่นขาทั้งสี่ข้างออกมาด้วยความสบายใจ ส่วนหัวก็นอนพิงอยู่ที่ฝ่ามือของซู่เป่าแล้วก็นอนหลับอย่างสบายใจ
ผีหลายใจกับผีขี้ขลาดมองหน้ากันไม่พูดอะไร และก่อนจะกลับเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณ ผีขี้ขลาดก็กระซิบเบาๆว่า “ไม่ต้องกลัวนะซู่เป่า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นพวกเราจะอยู่ข้างเธอเอง”
พูดจบก็ไปลูบที่หน้าผากของซู่เป่าแล้วก็ช่วยเธอปัดผมหน้าม้าที่กระเซอะกระเซิงไปอีกฝั่งนึง แล้วก็จุ๊บเบาๆ ที่หน้าผากของเธอ
แล้วค่อยกลับเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณ
ในคืนที่เงียบสงบนี้จู่ๆ น้ำตาของซู่เป่าก็ไหลพรากลงมาเงียบๆ จะกลั้นยังไงก็กลั้นไม่ไหว
ท่านอาจารย์โกหก!
คนโกหก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...