ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 784

ซืออี้หรันไม่เคยนึกถึงเรื่องนี้เลย มีความรักเหรอ?

น่าเบื่อ!

เขาชอบซู่เป่า ก็เหมือนกับที่พี่ชายทุกคนชอบเธอ

เด็กๆทุกคนต่างมีมิตรภาพที่บริสุทธิ์กับเพื่อนๆ

ซืออี้หรันมองซูเหอเหวินด้วยสายตาที่ดูถูก เหมือนกำลังเห็นเขาเป็นคนสติไม่ดี หัวสมองมีแต่เรื่องสกปรกรกรุงรัง!

เขาหันหลังไปพร้อมกับเอามือล้วงกระเป๋า และพูดอย่างเย็นชาว่า “ถ้ารู้สึกเบื่อก็ไปฝึกแก้โจทย์ปัญหาสิ!”

ซูเหอเหวินทำเสียงไม่พอใจ “ไม่คิดอะไรดีที่สุด”

พูดจบก็เดินมุ่งไปที่โรงเรียนอนุบาล

ซืออี้หรันเหลือบตามองไปแวบหนึ่ง...โรงเรียนอนุบาล

คนขับรถถามขึ้นมา “คุณชายน้อย ขึ้นรถไหมครับ?”

ซืออี้หรันโบกมือปฏิเสธ จากนั้นก็โยนกระเป๋าเข้าไปในรถ “คุณกลับไปก่อน”

คนขับรถ “???”

ฮะ เขาแค่มารับกระเป๋ากลับบ้านเหรอ แน่ใจนะว่าจะไม่ถูกนายหญิงฆ่าตายด้วยมือเปล่า?

ซืออี้หรันเดินห่างไปไกลแล้ว

คนขับรถได้แต่เดินตามอยู่ข้างหลัง เฝ้ารอคอยอย่างอดทน

ซู่เป่าสะพายกระเป๋า และเห็นพ่อแม่ของเพื่อนๆมารับพวกเขากลับบ้าน

พ่อแม่บางคนขับรถไฟฟ้ามินิสี่ล้อ บ้างก็ขับรถยนต์ไฟฟ้า บ้างก็ขับรถจักรยาน ด้านหลังของรถจักรยานมีเก้าอี้หวายผูกติดมาด้วย

ยังมีคุณตาคุณยายที่ลากรถเข็นเด็กและสกู๊ตเตอร์ เด็กขับสกู๊ตเตอร์ส่วนคุณตาคุณยายเดินไล่ตามอยู่ข้างหลัง พูดแต่คำเดียวว่า‘ช้าหน่อยๆ’…

ส่วนรถเข็นเด็ก ผู้ใหญ่คงเป็นห่วงว่าเด็กๆจะเดินจนเหนื่อย และอาจจะกังวลว่าจะขับสกู๊ตเตอร์เร็วจนเกินไป ฉะนั้นจึงยอมที่จะเข็นเจ้าตัวน้อยจะสบายใจมากกว่า

ซู่เป่านั่งอยู่บนม้านั่งหินที่ข้างประตูป้อมยาม มองดูผู้ปกครองแต่ละคนที่ขับยานพาหนะประเภทต่างๆ เพื่อมารับลูกๆของตัวเองกลับบ้านอย่างสนุกโดยไม่รู้สึกเหนื่อยล้า

สำหรับเธอแล้ว นี่ก็คือโลกอันกว้างใหญ่ของเธอที่ไม่เหมือนกับคนอื่น

เมื่อก่อนตอนอยู่ที่โรงเรียนอนุบาลอินเตอร์ ประตูทางเข้ามีแค่รถสองประเภทเท่านั้นคือรถโรงเรียนกับรถพี่เลี้ยง(รถยนต์เล็ก)ไม่มีบรรยากาศความเป็นกันเองเหมือนกับที่นี่

“ซู่เป่า” ซูเหอเหวินวิ่งเข้ามาใกล้มากขึ้นจึงค่อยๆชะลอฝีเท้าลง จากนั้นก็ว่างมาดเท่ห์เหมือนเช่นเคย ยืนอยู่นอกประตูใหญ่ด้วยสีหน้าที่ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ

ซู่เป่าสังเกตเห็นแล้วจึงเอ่ยปากเรียก “พี่เหอเหวิน!”

เธอกระโดดขึ้นมาจากม้านั่งหิน คล้ายกับนกน้อยตัวหนึ่งที่โบยบินเข้าหาตัวเขาอย่างดีใจ

ซูเหอเหวินเผยรอยยิ้มออกมาเล็กน้อย แอบกระตุกมุมปากเบาๆอย่างดูไม่ออก

คุณครูที่ยืนอยู่หน้าประตูก็พูดทักทายอย่างเป็นกันเองว่า “ว้าว ผู้ปกครองตัวน้อยพี่ชายของซู่เป่ามารับน้องสาวแล้ว!”

“พี่ชายที่มีความรับผิดชอบคือพี่ชายที่ดี”

ซูเหอเหวินรู้สึกภูมิใจอย่างพูดไม่ถูก

“เอ๊ะ?วันนี้มีพี่ชายมาสองคนเหรอ?” มีคุณครูท่านหนึ่งถามขึ้นมา

รอยยิ้มบนใบหน้าของซูเหอเหวินหยุดลง จากนั้นก็หันมองไปข้างหลังอย่างสงสัย

ซืออี้หรันไอ้หมอนี่สะกดรอยเดินตามมาตั้งแต่เมื่อไหร่!

ช่างไม่รู้จักละอาย!

“นาย…” ซูเหอเหวินรู้สึกอยากจะทุบเขาให้แบนด้วยความโมโห

เขาจะเลิกเป็นเพื่อนกับซืออี้หรัน!

ซื้ออี้หรันไม่มองหน้าเขาแม้แต่นิดเดียวพร้อมกับพูดขึ้นว่า “ผมมาเดินเล่นเพื่อดูสิ่งแวดล้อมใหม่ๆ บังเอิญผ่านมาพอดี”

ซูเหอเหวิน “…”

ซู่เป่าก็รู้สึกอึ้งไปชั่วครู่ และอุทานด้วยความสงสัย “พี่อี้หรัน?พี่มาที่นี่ได้ยังไง”

ซืออี้หรันขานรับอย่างแผ่วเบา และยื่นแขนออกมาอย่างเช่นเคยพร้อมกับมอบลูกอมให้เธอ “พี่ก็ย้ายมาเรียนแถวนี้เหมือนกัน”

ซืออี้หรันแสดงแววตาดั่งนกกระโดดอย่างดีใจ

ที่แท้ซู่เป่าก็เรียนอยู่ที่นี่!

ช่วงสองสามวันนี้มีธุระพิเศษ เขาจึงไม่ได้อยู่บ้าน

ซู่เป่าย้ายมาที่อำเภอหงอย่างเงียบๆ ซูเหอเวิ่นก็ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องนี้ในโรงเรียน...

ฉะนั้นเขาจึงไม่รู้เรื่องจริงๆ

แต่ถ้าจะพูดว่าไม่รู้สักนิดก็คงไม่เป็นเช่นนั้น...

ตอนที่พ่อแม่มีปากเสียงกัน คุณพ่อได้พูดขึ้นว่าลุงมู่จะไปฝึกฝนที่อำเภอหงระยะยาว เขาก็พอจะเดาออกบ้างแล้ว

ลุงมู่ยอมละทิ้งตำแหน่งนี้ให้พ่อของเขา ก็เพื่อต้องการที่จะได้อยู่ข้างกายซู่เป่า

น่าโมโหจริงๆ!

ผู้ปกครองตัวน้อยซูเหอเหวินหยุดชะงักงัน และจ้องเขม็งไปที่ซืออี้หรัน อีกใจหนึ่งก็เป็นกังวลว่าหากเดินเร็วเกินไปลูกอมอาจจะติดคอซู่เป่าได้ จึงตัดสินใจหยุดเดิน

“พี่เหอเหวิน หนูอยากไปเล่นตรงนั้นสักพัก!” ซู่เป่าชี้ไปที่สนามเด็กเล่นด้วยแววตาเป็นประกาย

สนามเด็กเล่นในบ้านไม่เหมือนกับสนามเด็กเล่นนอกบ้าน ที่ข้างนอกมีเด็กเยอะจึงรู้สึกมีความแปลกใหม่

ซูเหอเหวินพยักหน้าและพูดว่า “ไปสิ!”

ซู่เป่าวิ่งออกไป ซูเหอเหวินช่วยเธอถือกระเป๋าไว้และยืนอยู่ข้างๆพร้อมกับซืออี้หรัน สองตาจดจ่ออยู่ที่ซู่เป่า เพราะกังวลว่าเธอจะหกล้มหรือไม่

“ฉันขอเตือนนายเอาไว้ อยู่ห่างๆน้องสาวฉันหน่อย!” ซูเหอเหวินจ้องมองซู่เป่า และพูดอย่างไม่หันหน้า

ซืออี้หรันก็ไม่หันหน้าเช่นกัน และพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “ความคิดสกปรก”

ซูเหอเหวิน “…”

ซืออี้หรันหันหน้ามองเขาจากนั้นก็ยิ้มอย่างเยาะเย้ยว่า “ไม่ใช่เหรอ?มีเด็กนักเรียนคนไหนจะคิดเรื่องแบบนี้”

ซูเหอเหวิน “…”

เขาหันหน้ามองซืออี้หรันด้วยสีหน้าเฉยเมย...ถึงแม้จะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย แต่คงเป็นเพราะว่าตัวเองจะคิดมากเกินไปแล้ว

ซืออี้หรันไม่มีเจตนาแบบนั้น

แต่เป็นตัวเขาเองที่ตั้งใจจะพูดแบบนั้น จึงมีความรู้สึกเช่นนั้น...

“ฮึ” ซูเหอเวิ่นทำเสียงไม่พอใจ และไม่สนใจซืออี้หรันอีก

เด็กผู้ชายทั้งสองมองดูซู่เป่ากำลังเล่นอย่างใจจดใจจ่อ ทุกครั้งที่เธอวิ่งต่างก็พากันขยับเท้าอย่างอัตโนมัติพร้อมกัน และเดินตามเธออยู่ข้างหลัง

ด้านบนของสนามเด็กเล่นมีเก้าอี้หินอ่อนสำหรับนั่งพักผ่อน มีคนชรานั่งอยู่ตรงนั้นไม่กี่คน กำลังมองดูเหตุการณ์ฉากนี้กันอย่างสนุกสนาน

“เป็นพี่ชายที่มีความรับผิดชอบทั้งสองคน”

“จริงด้วยๆ ดูพี่ชายของครอบครัวพวกเราสิ ไม่ทะเลาะตบตีกับน้องสาวก็ดีมากแล้ว วันๆก็ได้แต่แย่งของกับน้องสาว…”

“ครอบครัวฉันก็เป็นเหมือนกัน แค่ลำพังตัวเขาไม่วิ่งก็ดีแล้ว เป็นไปไม่ได้ที่จะมาคอยเป็นห่วงน้องสาว”

พวกยายเฒ่าต่างพากันกระซิบกระซาบ

มียัยแม่เฒ่าคนหนึ่งยืนอยู่ข้างหลัง ได้หัวเราะเยาะพร้อมกับพูดว่า “อ้าว นี่คือลูกของครอบครัวที่อาศัยอยู่ชั้นสิบเจ็ดตึกที่สิบสองนี่นา ได้ยินว่าล้มละลายแล้ว”

“ลูกของบ้านคนเบี้ยวหนี้!”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน