ที่บ้านตะกูลซือ
ในขณะที่ซือเย่กำลังเก็บข้าวของ เวินหรูอวิ๋นที่ยืนกอดอกอยู่ข้างๆ ก็พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “จำเป็นต้องไปจริงๆ เหรอ”
กว่าจะได้ย้ายกลับมาเมืองจิงไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พออยู่ตัวแล้วและไม่ต้องไปอยู่แนวหน้าในสนามรบแล้ว
แต่ตอนนี้กลับต้องไปอำเภอหง เมืองเหมยอีก
ทั้งยังบอกว่าต้องประจำการอยู่ที่นั่นเป็นเวลานานเพื่อฝึกซ้อม
ซือเย่เงยหน้าขึ้นและพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนอย่างไม่เคยมีมาก่อนว่า “ไม่อยากให้ผมไปเหรอ”
เวินหรูอวิ๋นนิ่งไปชั่วครู่ แล้วพูดเยาะเย้ยว่า “อย่าหลงตัวเอง”
แววตาของซือเย่ปรากฏความจำใจ แต่สุดท้ายก็ไม่พูดอะไร
เวินหรูอวิ๋นโกรธที่ซือเย่เป็นแบบนี้
ในสายตาของเขามีเพียงประเทศชาติ มีเพียงความปลอดภัยของประชาชน มีเพียงสนามรบแนวหน้า สหายร่วมรบ เพื่อนร่วมทีมและการประชุม...
เวลาของเขาเป็นของคนอื่นมาโดยตลอด แต่ไม่เคยเป็นของเธอและเสี่ยวหรันเลย
เสี่ยวหรันโตจนป่านนี้แล้ว แต่เขาไม่เคยส่งเสี่ยวหรันไปโรงเรียนเลย ตอนลูกเป็นไข้สูงเขาก็ไม่เคยกลับมาดู
มีเพียงครั้งเดียวคือตอนที่เสี่ยวหรันโดนลักพาตัวและหายตัวไปหลายวันถึงทำให้เขา ‘ตื่นตระหนก’
และมีเพียงตอนนั้นที่อยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวหรันไม่กี่วัน
เวินหรูอวิ๋นรู้สึกผิดหวัง
ใครๆ ก็พูดว่าพวกเธอเป็นที่น่าเคารพนับถือมากแค่ไหน
แต่ในฐานะคนในครอบครัว มีเพียงเธอเท่านั้นที่รู้ว่าน่าเศร้าใจแค่ไหน
เดิมทีก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรและเธอก็ไม่ใช่คนใจแคบ
เพียงแต่เธอได้ยินมาว่าในหน่วยมีเจ้าหน้าที่หญิงคนหนึ่งทำงานร่วมกันกับเขาและไปไหนด้วยกันบ่อยๆ เวินหรูอวิ๋นจึงรู้สึกรำคาญใจมาก
เธอเคยพูดถึงเรื่องนี้กับซือเย่ แต่เขากลับพูดเพียงว่าไม่มีอะไรกับผู้หญิงคนนั้น
และไม่มีคำอธิบายอย่างอื่น
พองานยุ่ง เรื่องก็ผ่านไปอีกปี
ภรรยาคนไหนจะไม่โกรธ
เวินหรูอวิ๋นหมุนตัวแล้วเดินจากไปด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์
ซือเย่หยุดเก็บข้าวของทันทีพร้อมกับขมวดคิ้ว
เขาพูดผิดอีกแล้วเหรอ
หรือว่าเธอต้องการตามไปด้วยเหรอ
แต่พอนึกถึงมู่กุยฝานก็พาซู่เป่าไปอำเภอหงด้วย
ดูเหมือนว่า... การแยกกันอยู่กับเธอเป็นเวลานานก็ไม่ดีจริงๆ
ซือเย่รู้สึกว่าตัวเองพอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมเวินหรูอวิ๋นถึงโกรธจึงพูดว่า “เดี๋ยวก่อน”
เวินหรูอวิ๋นหยุดเดิน คิดว่าเขาจะพูดอะไรสักหน่อย
แต่กลับได้ยินเขาพูดว่า “คุณกับเสี่ยวหรันไปเก็บกระเป๋าแล้วไปด้วยกันกับผม”
เวินหรูอวิ๋น “...”
ซือเย่ยังพูดอีกว่า “บ้านตระกูลซือไม่มีคนอื่น ไม่มีอะไรต้องดูแล ไปกันวันนี้เลย”
เวินหรูอวิ๋น “...”
ซือเย่คิดว่าการที่เธอเงียบคือตกลงโดยปริยายจึงพยักหน้าและพูดว่า “ผมจะจัดการเรื่องย้ายโรงเรียนของเสี่ยวหรัน เรียนชั้นเดียวกันกับเหอเหวินพอดี เมื่อไปถึงอำเภอหงแล้วก็จะมีคนจัดการเรื่องย้ายโรงเรียน”
ฟังจากที่มู่กุยฝานพูดแล้ว ครั้งนี้อาจจะได้อยู่ที่นั่นปีสองปี ไม่แน่อาจจะสามถึงห้าปี
ย้ายไปเรียนที่นั่นก็ดีเหมือนกัน เพียงแค่ตอนย้ายกลับมาจะยุ่งยากนิดหน่อย
เวินหรูอวิ๋นพูดด้วยความโกรธว่า “เสี่ยวหรันเคยชินกับการอยู่ที่นี่แล้ว คุณบอกย้ายก็ย้ายเลยเหรอ ถามความเห็นลูกหรือยัง”
ซืออี้หรันที่สะพายกระเป๋ากำลังจะออกจากบ้านพอดีพูดด้วยสีหน้าเย็นชาว่า “ผมตกลง”
ถึงเขาจะไม่ได้ติดพ่อแม่เท่าไหร่
แต่ความจริงแล้วซืออี้หรันไม่อยากเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเลยสักนิด
พอพ่อไม่อยู่บ้าน แม่ก็มักอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ ไม่สู้ตามไปอยู่กับเขาดีกว่า
ซืออี้หรันพูดจบก็กลับเข้าห้องอีกครั้ง ว่าแล้วเขาก็เริ่มเก็บกระเป๋า
เวินหรูอวิ๋น “...”
เฮ้อ ลูกชายคนอื่นเป็นผู้ชายอบอุ่น แต่ลูกชายของเธอล่ะ
ท้ายที่สุดครอบครัวของซืออี้หรันก็ออกเดินทางสู่อำเภอหง
บนเครื่องบิน ซือเย่ที่กำลังหลับตาเพื่อพักผ่อนพลันลืมตาขึ้นแล้วถามว่า “ใช่สิเสี่ยวหรัน เกิดอะไรขึ้นในระหว่างตอนที่ลูกลักโดนพาตัวไป ลูกนึกอะไรออกบ้างไหม”
ซืออี้หรัน “อืม”
เขาเพียงตอบอืมคำหนึ่งและไม่คิดจะพูดต่อ
พ่อลูกคู่นี้สนทนากันได้น่าสนใจจริงๆ เมื่อซือเย่เห็นเขาไม่พูดอะไรก็เข้าใจว่าเขาไม่อยากพูด
วันนี้เขาเลิกเรียนเวลาเดียวกันกับน้องสาว เขาไม่อยากให้น้องรอนาน
แต่ในขณะนั้นเองก็มีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขวางทางเขาไว้
“สวัสดี... ซูเหอเหวิน นี่เป็นจดหมายของเธอ”
เด็กผู้หญิงหน้าแดงระเรื่อ
แค่เด็กประถมสี่ แต่คลุกคลีสังคมค่อนข้างเร็ว ปกติเล่นโทรศัพท์ อ่านนิยายหรือดูละครน้ำเน่าอะไรพวกนี้ จึงไปกระตุ้นวุฒิภาวะทางจิตใจ
เด็กในวัยนี้มีสองประเภทที่ทำให้กับครูปวดหัวเป็นพิเศษ
ประเภทที่หนึ่งคือมีความรักตั้งแต่อายุยังน้อย เห็นชัดๆ ว่าไม่รู้อะไรเลย แต่เริ่มมีความรักที่คลุมเครือ เขียนจดหมายรักก็เขียนได้ปัญญาอ่อนมาก แต่พวกเขากลับแน่วแน่ใน ‘ความเชื่อ’ ของเขาเอง
‘รักในวัยเด็ก’ ของพวกเขาไม่ใช่ความรักในวัยเด็กอย่างแท้จริง มากสุดก็เหมือนความรู้สึกเล่นพ่อแม่ลูก มีเพื่อนสนิทของตัวเองและเพื่อนสนิทต้องภักดีต่อกัน การเป็น ‘แฟน’ ก็เช่นเดียวกัน
ประเภทที่สองคือขั้นสุดของประเภทที่หนึ่ง ยังไม่เริ่มมีความรู้สึกอะไร พวกเขาแอบรวมตัวกันที่สนามและคุยกันซุบซิบ ครูก็คิดว่าพวกเขากำลังปรึกษาเรื่องใหญ่อะไรกัน... แต่ปรากฏว่าพอเข้าไปใกล้กลับเห็นพวกเขารุมดูหอยทากหนึ่งตัว
ตอนซูเหอเหวินอยู่เมืองจิงไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน จึงรับเอามาจากจิตใต้สำนึกและเปิดดูแวบหนึ่ง
ตรงกลางหัวกระดาษของจดหมายเขียนว่าจดหมายรัก
แล้วยังมีเครื่องหมายทวิภาคหลังคำว่าจดหมายรักด้วย
ซูเหอเหวินขมวดคิ้วและปฏิกิริยาแรกของเขาคือแค่ดูก็รู้ว่ารูปแบบนี้ผิด หมดคำพูด
ประโยคต่อมายิ่งทำให้เขาหมดคำพูด
(สวัสดีซูเหอเหวิน ฉันเป็นเพี้ยนข้างห้องของเธอชื่อปิงจือหลี❤ ฉันขอบเธอมาก อยากเป็นแฟนกับเธอจะได้ไหม ถ้าได้...)
ซูเหอเหวินยังอ่านไม่จบก็โยนจดหมายทิ้งลงในถังขยะด้วยสีหน้าเย็นชา จากนั้นเหวี่ยงกระเป๋าหนังสือแล้วเดินจากไป
อักษรยังรู้จักไม่หมดก็คิดจะมีแฟน
อยู่ชั้นไหนแล้ว แต่ได้คำศัพท์แค่เนี้ย กลับไปเรียนก่อนเถอะ
ซูเหอเหวินรีบไปรับน้องสาว จึงไม่แม้แต่มองสีหน้าตกตะลึงของเด็กหญิงตัวเล็กที่อยู่ด้านหลังเขา
รอบๆ มีเสียงหัวเราะดังไปทั่ว แล้วเด็กหญิงตัวเล็กก็วิ่งหนีไปด้วยความโกรธ
ตอนซูเหอเหวินเพิ่งเดินออกจากประตูโรงเรียนก็เห็นซืออี้หรันเดินออกมาจากในโรงเรียนเช่นกัน
เขาหยุดเดินและหรี่ตามอง เมื่อนึกถึงจดหมายรักฉบับนั้นเมื่อครู่ ทันใดนั้นก็มีสัญญาณอันตรายหน่อยๆ ในแววตาของเขา
“ซืออี้หรัน นายมาทำอะไรที่นี่ ตามน้องสาวฉันมาเหรอ” ซูเหอเหวินถามอย่างเย็นชา
“นายชอบน้องสาวฉันเหรอ เด็กนักเรียนไม่อนุญาตให้มีความรัก” ซูเหอเหวินพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ
ซืออี้หรันที่กำลังทำเรื่องย้ายโรงเรียนเสร็จ “???”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน
1819 ตอนสุดท้าย จบแล้วหรือคะ...
ไม่ลงต่อแล้วหรอคะ 🥹...
รอทุกวันเลยค่ะ...
กระโดดข้ามหายไปหลายตอนเลยค่ะ...
1293 1297 1298 หายค่ะ 🥲🥲...
ตอนที่ 1288 หายไปค่ะ...
เย้...กลับมาแล้ว รอทุกวันเลยค่ะ...
หายไปนานจังเลยนะจ๊ะรอลงตอนใหม่อยู่นะคะ...
รอค่ะ...
ทำไมรอบนี้หลายไปนานคะ หรือไปบงที่อื่นคะ...