ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 821

ผีขี้ขลาดแย่งโซฟาแถวหน้าได้!

เขานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าซู่เป่า ข้อศอกของมือข้างหนึ่งยันเข่า ส่วนหลังมือเท้าคางเอาไว้ ดวงตาทั้งสองมองซู่เป่าด้วยความอ่อนโยน

ผีหลายใจเองก็แย่งไปนั่งแถวหน้าเช่นกัน เธอพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นว่า “ในที่สุดก็มีเรื่องผีให้ฟังแล้ว!”

ขั้นตอนนี้พวกเขาชอบมากๆ

แม้พวกเขาจะเค้นถามผีใหม่ที่เพิ่งจับเข้ามาในน้ำเต้าวิญญาณ แล้วรอฟังเรื่องผีเองได้ แต่พวกเขาไม่ทำ พวกเขาชอบรอให้ซู่เป่าย้ายเก้าอี้ตัวน้อยมานั่งฟังเรื่องเล่าด้วยกัน

ผีรองรับอารมณ์ไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน ในสมองผุดเครื่องหมายคำถามขึ้นมาอย่างช้าๆ

มู่กุยฝานเพิ่งไปเอาน้ำที่ห้องครัวมาแก้วหนึ่ง กลับมาห้องนั่งเล่นก็พบว่าโซฟาไม่มีที่ของเขาแล้ว

เขาจึงทำได้เพียงลากเก้าอี้มาตัวหนึ่ง จากนั้นนั่งลงแล้วยกขาขึ้นมานั่งไขว้ห้าง มือข้างหนึ่งห้อยอยู่บนพนักเก้าอี้ นั่งอย่างใจลอยแฝงไปด้วยความขี้เกียจ

ผีสาวชุดแต่งงานค่อยๆ เอ่ยขึ้นว่า “เอ่อ...จู่ๆ ข้าก็ไม่อยากนั่งโซฟาแล้ว”

มู่กุยฝาน “...” แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

สองมือของซู่เป่าเท้าคางเอาไว้ เอียงศีรษะแล้วพูดขึ้นว่า “ผีรองรับอารมณ์ใช่ไหมคะ ว่ามาสิคะ พี่ชื่ออะไร เป็นคนที่ไหน ทำไมถึงตาย บอกมาซะดีๆ”

ทีแรกผีรองรับอารมณ์กะว่าจะอยู่อย่างเงียบๆ ไปสักพัก ไม่อยากพูดอะไร

แต่เมื่อมองซู่เป่า ก็รู้สึกว่าเด็กคนนี้มีท่าทางที่ห้ามสงสัยอย่างหนึ่ง

เธอพูดขึ้นด้วยความฉงน “ฉันชื่อฝูซือหลิง...อายุ 29...เป็นคนอำเภอหง อยู่พื้นที่อาศัยxxx...”

ซู่เป่าทำเสียงเอ๋เสียงหนึ่ง “คนอำเภอหงเหรอคะ!”

มู่กุยฝานชำเลืองมองผีสาวทีหนึ่ง

ผีรองรับอารมณ์พยักหน้า ไม่รู้เป็นเพราะว่าก่อนตายรองรับอารมณ์จนชินไปแล้วหรือเปล่า จึงไร้อารมณ์โกรธ ยอมรับความลำบากอย่างไม่ขัดขืน

ซู่เป่าถามขึ้นอีกว่า “ในเมื่อพี่อยู่อำเภอหง แล้วทำไมถึงไม่กลับบ้านล่ะคะ คนในครอบครัวของพี่ไม่ได้ตั้งป้ายวิญญาณให้พี่เหรอคะ”

หากตั้งป้ายวิญญาณตั้งป้ายชื่อ ตามปกติก็ควรลงไปเกิดใหม่ได้แล้ว!

ผีรองรับอารมณ์ส่ายหน้า “พ่อแม่ฉันก็ไม่อยู่แล้ว”

เดิมทีผีรองรับอารมณ์เป็นหมอในโรงพยาบาลที่หนึ่งที่อำเภอหง

“คนอื่นต่างบอกว่าเราเป็นหมออาชีพมั่นคง ได้รับความเคารพจากคนอื่น สถานะทางสังคมสูง...”

“อันที่จริงพวกเราเหยียบอยู่บน ‘ทางไม่หวนคืน’ ตั้งแต่เริ่มเรียนหมอแล้ว”

ปกติการเรียนหมอนั้นต้องเรียนปริญญาตรีห้าปี หลังเรียนจบ หากจะต่อโทก็ต้องเรียนอีกสามปี

หลังเรียนจบเข้าไปทำงานในโรงพยาบาล มากที่สุดต้องอยู่หนึ่งปี (หมุนเวียน) จากนั้นต้องทำตามระบบ ฝึกให้ได้มาตรฐานในฐานะแพทย์ประจำบ้าน การฝึกใช้เวลาสามปี ในช่วงเวลานี้เรียกว่าแพทย์ฝึกหัด

ต้องเป็นผู้ที่ฝึกเสร็จและผ่านกระบวนการประเมินและการประเมินสำเร็จการศึกษา ถึงจะได้รับใบรับรองแพทย์ประจำบ้านที่ผ่านการอบรมเหมือนกันทั่วประเทศ เรียกว่าแพทย์ประจำบ้าน

แพทย์ประจำบ้านถึงจะถือว่าเป็นการเริ่มต้นอาชีพหมออย่างเป็นทางการ

“หากเกินลิมิต หมอประจำแผนกก็ต้องจ่ายแทน”

นี่เป็นสาเหตุว่าทำไมโรงพยาบาลบางแห่ง และหมอบางคนไม่ยอมจ่ายยาที่เบิกได้ให้คนไข้ ทำไมนับวันมาหาหมอก็ยิ่งแพง

“มีปีหนึ่งเราเบิกเกินลิมิตแล้ว ลิมิตของแผนกเหลือแค่ห้าแสน คนไข้เยอะแยะขนาดนั้น ทั้งหมดต้องเบิกห้าแสนห้าหมื่น”

“เนื่องจากฉันจ่ายยาที่อยู่ในประกันทั้งหมดให้กับผู้ป่วยที่ยากลำบาก...สุดท้ายเลยต้องเฉลี่ยมากที่สุด”

เงินเดือนสองพันหยวน เมื่อเกินประกันแล้ว หนึ่งคนต้องสำรองจ่ายหนึ่งพันแปดร้อย รวมกับหักโน่นหักนี่ บวกลบไปบวกลบมา เงินเดือนเดือนนั้นเหลือหนึ่งร้อยแปดสิบหยวน...

“พูดออกมาคนอื่นก็ไม่เชื่อ หมอคนหนึ่ง ดูสถานะทางสังคมสูงแค่ไหน เงินเดือนหนึ่งร้อยแปดสิบ”

ผีรองรับอารมณ์ส่ายหน้า การรองรับอารมณ์เหล่านี้ล้วนเป็นเรื่องปกติ เพียงแต่อยู่ในสภาพแวดล้อมแบบนี้ ไม่อดทนไม่ได้ ไม่เรียนรู้ที่จะบาลานซ์การเบิกไม่ได้

ยาที่ไม่ต้องเบิกได้ไม่ต้องจ่าย พยายามเก็บเอาไว้ให้คนไข้ที่ไม่มีเงินจริงๆ... กลอุบายที่ไม่คาดคิดต่างๆ เป็นต้น ยิ่งเป็นโรงพยาบาลเล็กๆ ที่บริหารก็ยิ่งไม่อยู่ในกฎ กลอุบายที่ไม่คาดคิดก็ยิ่งเยอะ

ซู่เป่ายังเด็กเกินไป ฟังแล้วใบหน้าเต็มไปด้วยความงุนงง “หา...ทำไมล่ะคะ”

มู่กุยฝานพูดขึ้นอย่างราบเรียบ “อย่าถามเรื่องนี้เลย มาฟังหัวข้อถัดไปกันเถอะ! เธอตายได้ยังไง”

ซู่เป่า “อืมๆๆ! ข้อต่อไป พี่ตายยังไงเหรอคะ”

ผีรองรับอารมณ์ได้สติกลับมา หยุดความอาฆาตที่เต็มไปด้วยพลังงานด้านลบของตัวเองเอาไว้

“มีวันหนึ่ง ผู้ชายคนหนึ่งพาภรรยาของเขามาส่งที่โรงพยาบาล...”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน