ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 852

ในถ้ำ เดิมซู่เป่าก็นึกว่าเข้ามาแล้วจะมีอันตรายอะไรหรือเปล่า แต่ที่นี่นอกจากมีของดีแล้ว ก็ไม่ได้มีอันตรายอะไรเลย

ซู่เป่าได้ละทิ้งความไม่สบายใจที่รู้สึกตอนอยู่นอกน้ำตกไว้เบื้องหลังมานานแล้ว

หักหินย้อยเสร็จแล้ว ถ้ำก็เดินจนทั่วแล้วแต่ก็ยังหาซืออี้หรันไม่เจอ

“กลับไปก่อนเถอะ!” ผีขี้ขลาดมองไปรอบๆ แล้วเอ่ย “ฉันเดาว่าโป่งน้ำคงอยู่ด้านบน”

เขาชี้ไปที่ด้านบนของถ้ำ “หินย้อยมีน้ำหยดมากมายขนาดนี้ ยังไงโป่งน้ำก็ต้องอยู่ด้านบนแน่ๆ”

ซู่เป่าเอ่ย “ให้ทุบเหรอ?”

ผีขี้ขลาดส่ายหัว “ไม่ได้ ตอนนี้พวกเรายังไม่ได้มีความสามารถขนาดนั้น ถ้าเกิดทุบแล้วมันถล่มลงมาล่ะ…แล้วพวกเราจะไปหลบกันที่ไหน? ถ้าเกิดว่าต้องติดอยู่ที่นี่ละก็…”

ถ้าเกิดว่าต้องติดอยู่ที่นี่ละก็ ไม่แน่ว่าพวกเราอาจจะอยู่ในสภาพแบบซืออี้หรันก็ได้

“อีกอย่างถ้าเราทุบแล้ว รอบๆ โป่งน้ำจะมีอันตรายอื่นๆ ซ่อนอยู่หรือเปล่าพวกเราก็ไม่รู้”

โดนรวมก็คือยังไม่สามารถทุบถ้ำนี้ได้จนกว่าเราจะมีความสามารถหรือแข็งแกร่งมากพอ

“โอเค!” ซู่เป่าเบะปากถอนหายใจ

งั้นก็กลับไปก่อนดีกว่า หวังว่าคราวหน้าถ้ามาแล้วมันจะยังอยู่ที่นี่

ผีขี้ขลาดบีบจมูกของเธอด้วยความเอ็นดูและจนใจ “เด็กเห็นแก่เงิน!”

ขณะเดียวกันตอนนี้ในน้ำเต้าวิญญาณก็เต็มไปด้วยน้ำแร่จิตวิญญาณ มีเยอะกว่าน้ำในบึงเหมันต์เสียอีก!

จู่ๆ น้ำในบึงเหมันต์ก็ไม่คุ้มค่าแล้ว

ซู่เป่าพาเสี่ยวอู่ค่อยๆ เดินออกไปข้างนอกอย่างช้าๆ

เสี่ยวอู่หดไหล่และหัวแล้วบ่นพึมพำว่า “ออกไปได้เสียที หนาวจะตายอยู่แล้ว”

นกแก้วเดิมก็เป็นนกเขตร้อนอยู่แล้วก็เลยค่อนข้างกลัวหนาว

ถึงแม้เสี่ยวอู่จะพิเศษกว่านกตัวอื่น แต่ก็ไม่ได้บำเพ็ญฝึกฝนเป็นพิเศษก็เลยไม่สามารถต้านทานความหนาวเย็นในถ้ำนี้ได้ เพราะฉะนั้นก็เลยเงียบขนาดนั้น

“ ‘ลิฟต์’ ตัวต่อไปยังไม่ขึ้นมาเลย” ผีขี้ขลาดคำนวณว่า “พวกเราอยู่ที่นี่ไปสี่สิบนาที อีกสิบนาทีถึงจะมาถึง”

ซู่เป่าชะโงกตัวออกไปข้างนอกอย่างระมัดระวัง

แปลกมาก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดื่มน้ำแร่จิตวิญญาณไปเยอะเกินหรือเปล่า ความรู้สึกไร้พลังและลืมตาไม่ขึ้นเมื่อกี้ดันหายไปหมดแล้ว!

พลังในตอนนี้เหมือนพลังตอนที่อยู่ในโลกมนุษย์ไม่มีผิดเลย

ถ้าเป็นแบบนี้ละก็หมายความว่าสามารถนั่งตำหนักพญายมของเธอขึ้นไปได้ใช่ไหม แล้วใช้ตำหนักพญายมเป็นลิฟต์…ไม่ต้องรออีกต่อไป?

พอซู่เป่าคิดออกก็รีบทดลองดู รีบเอาตำหนักพญายมออกมา。

เป็นแบบนั้นจริงด้วย!

ดวงตาของซู่เป่าเปล่งประกายและกลั้นความดีใจไว้ไม่อยู่ก็เลยพูดออกมาว่า “พี่พัน พี่ฮวาซิน! หนูรู้สึกว่าหนูเก่งจริงๆ!”

ตำหนักพญายมขยายใหญ่ พอให้แค่ซู่เป่าเข้าไปได้เท่านั้น แถมก็ไม่ได้โยกเยกเหมือนตอนแรกแล้ว!

“สุดยอดไปเลย!” ผีขี้ขลาดชื่นชม “แสดงว่าซู่เป่าของพวกเราอัพเกรดไปอีกขั้นแล้ว!”

ไม่น่าเชื่อว่าแค่ดื่มน้ำแร่จิตวิญญาณไปไม่กี่อึกจะทำให้มีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนขนาดนี้

“สามารถควบคุมให้ตำหนักพญายมไปรอบๆ ได้ไหม?” ผีขี้ขลาดเอ่ย “หรือจะลองดูล่ะว่ามันสามารถลงไปได้อีกไกลแค่ไหน…จะได้ลองหาซืออี้หรันแถวนั้นดูด้วย”

ในขณะที่กำลังเอาชีวิตมาการันตีก็ต้องพยายามให้ถึงที่สุด

ไม่ใช่ว่าเขาไม่ห่วงซืออี้หรัน แต่เขาแค่ห่วงซู่เป่ามากกว่า

ซู่เป่าพยักหน้าแล้วควบคุมตำหนักพญายม จากนั้นมันก็ค่อยๆ ดิ่งลงไปเล็กน้อย

ลงไปแค่ไม่ถึงครึ่งเมตรด้วยซ้ำ เธอก็รู้สึกว่าลำบากแล้ว

“ไม่น่าได้! ตรงนี้ดูเหมือนจะเหนียวกว่าที่คิด”

รู้สึกว่าตำหนักพญายมกำลังจะถูกดึงลงไป แรงกระชากนั้นชัดเจนขึ้นอีกครั้ง

“งั้นก็ขึ้นไปที่ความสูงของน้ำตกที่เพิ่งผ่านมาเมื่อกี้ แล้วลองตามหาซืออี้หรันภายในระดับความสูงนี้ดู”

ทุกคนเห็นด้วย จากนั้นซู่เป่าก็ควบคุมตำหนักพญายมและวนไปรอบๆ หุบเหว

ลมพัดกระหน่ำ

ด้านนอกตำหนักพญายมมีผีโห่ร้องครวญคราง

พวกซู่เป่าวนรอบหน้าผาไปรอบหนึ่ง หลุมลึกนี้ใหญ่มาก วนไปแค่ครึ่งรอบก็ใช้เวลาไปตั้งหนึ่งชั่วโมงแล้ว

“ซู่เป่า ตรงด้านโน้นไม่มีภูเขาสูงหรือทางขึ้นเลย ซืออี้หรันไม่น่าจะไปทางนั้น”

“พวกเราถอยกลับไปก่อนเถอะ ไปหาด้านอื่นก่อน”

ซู่เป่ากรีดร้องด้วยความตกใจ

ผีขี้ขลาดและผีตัวอื่นๆ รุดไปข้างหน้าจนหัวทิ่มและไม่หวนกลับมาในหุบเหว

ระหว่างที่จกลงมา ซู่เป่ารู้สึกว่าตัวเองเริ่มชาไปทั้งตัวและขยับตัวไม่ได้

ลมที่เหมือนมีดคมซัดเข้ามาที่ตัวเธอจนกรีดใบหน้าของเธอเป็นรอย และใบหน้าของซู่เป่าก็เต็มไปด้วยเลือดในไม่ช้า

สายตาพร่ามัวของซู่เป่ามองเห็นพวกพี่พันกำลังจะโดนหมอกลึกลับในหุบเหวกระชากกลืนกิน ตำหนักพญายมค่อนข้างหนักตอนดิ่งลงมาอย่างรวดเร็วก็เลยไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลย

“พี่พัน…”

ซู่เป่ากัดฟันและพยายามสู้สุดฤทธิ์เพื่อขยับนิ้วและยัดผีทั้งหมดเข้าไปในน้ำเต้าวิญญาณ!

แต่เธอไม่ได้โชคดีขนาดนั้น เพราะตกลงมาอย่างรวดเร็วและยิ่งลงไปข้างล่างก็ยิ่งรู้สึกว่าเหมือนแขนขากำลังถูกดึงทั้งสี่ทิศทางจนเหมือนกําลังถูกแยกชิ้นส่วนแล้ว

ตำหนักพญายมไม่ได้อยู่ข้างๆ ก็เลยไม่สามารถปกป้องอะไรเธอได้ พู่กันพิพากษาอยู่ที่นี่ก็ถูกผูกมัดไปด้วย เธอคิดหาวิธียังไงก็ไม่สามารถเอาพู่กันชี้ชะตาออกมาได้

ทำยังไงดี…

กำลังจะตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นเหรอ…ไม่นะ…

สายตาของซู่เป่าถูกบดบังไปด้วยเลือดจนมองอะไรไม่เห็น เธอพยายามกระพริบอย่างหนักเพื่อที่จะมองสถานการณ์รอบๆ อย่างชัดเจน

ในภวังค์เห็นเพียงแค่แสงที่แสบตาและระเบิดแสงออกมาอย่างทันทีทันใด

เงาของท่านอาจารย์ปรากฏอยู่ในแสงสว่างนั้น เขาสวมชุดผาวสีขาว และผมที่เคยเป็นสีขาวหิมะตอนนี้ได้กลายเป็นสีดำเข้ม และดวงตาของเขาที่เฉียบคมและเย็นชา

“ซู่เป่า!”

จี้ฉางยื่นมือออกไปอุ้มซู่เป่าเข้ามาไว้ในอ้อมแขน!

ซู่เป่าถึงกับช็อคและถามด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อว่า “ท่านอาจารย์เหรอ?”

ลมที่พัดกระหน่ำรอบๆ ทำให้ชุดผาวสีขาวและผมดำของจี้ฉางพลิ้วไหวอย่างบ้าคลั่ง ชุดผาวที่เมื่อกี้ยังขาวสะอาด ตอนนี้ได้ถูกกระชากจนฉีกขาดเป็นรอยๆ

“อาจารย์ขึ้นไปไม่ได้!” จี้ฉางกดศีรษะของซู่เป่าไว้และกอดเธอไว้ในอ้อมแขน

“เด็กดี ไม่ต้องกลัวไป…ตั้งสติให้ดี เราจะลงไปข้างล่างกัน!”

ในหุบเหว เงาสีขาวกอดร่างเล็กๆ เอาไว้และตกลงไปอย่างรวดเร็ว…

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน