ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน นิยาย บท 857

จี้ฉางถึงกับเหงื่อตก แต่ไม่ได้เป็นเพราะรู้สึกว่า ‘คน’ ที่ล้อมรอบอย่างหนาแน่นนี้น่ากลัว

แต่เป็นเพราะ…

เมื่อก่อนตอนที่เหยียนหลัวหวังยังอยู่ ท่านหรือผู้พิพากษาที่อยู่ภายใต้อำนาจของท่านนั้นเคยบอกไว้ว่าหุบเหวผีร้องสามารถกัดกร่อนจิตใจของมนุษย์โดยที่มองไม่เห็นและทำให้คนค่อยๆ หลงทาง

เมื่อกี้เขาไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองกำลังหลงทาง แต่คิดว่าตัวเองโดนผีอำ!

เห็นได้ชัดว่าเลยว่าเมื่อกี้เขาก็หลงทางอยู่พักหนึ่งโดยไม่รู้ตัว!

“ดูเหมือนว่าจะต้องฝ่าออกไปแล้ว!” จี้ฉางกัดฟันและเอ่ยเบาๆ

ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่คนเดียวแล้ว ซู่เป่ายังอยู่ในอ้อมแขนของเขาและต้องการที่พึ่งพิงจากเขาอยู่

เขาจะหลงทางได้ยังไง?

ถ้าเขาหลงทางโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ แล้วซู่เป่าจะทำยังไงล่ะ?

พอจี้ฉางนึกถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะต้องกุมขมับ

เขาดึงชุดผาวสีขาวมาห่อตัวซู่เป่าไว้แน่นๆ แล้วก็ดูให้แน่ใจว่าเธอยังปลอดภัยดี

จากนั้นถึงได้เอ่ยออกมาเบาๆ ว่า “ซู่เป่า จับแน่นๆ!เรากำลังจะฝ่าออกไปแล้ว!”

พอพูดจบก็มีแสงมืดกระพริบผ่านไป!

ในมือจี้ฉางไม่รู้ว่ามีขวานศึกยาวปรากฏขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำลายชั้นหมอกลึกลับที่ปกคลุมอยู่เป็นชั้นๆ!

ขวานศึกเป็นอาวุธโบราณชนิดหนึ่ง รูปร่างของมันคล้ายขวานที่เน้นการตัดฟืนเป็นหลัก แต่ขวานศึกในมือของจี้ฉางนั้นมีรูปร่างที่คล้ายกับดาบขนาดใหญ่และมีพลังมากกว่า!

หลังจากฟันปุ๊บ ก็ทำให้ ‘กำแพงมนุษย์’ ที่หนาแน่นนั้นเกิดเป็นช่องว่างในทันที!

สายตาของจี้ฉางที่เย็นชาและเด็ดเดี่ยว ทุกครั้งที่ฟันขวานศึกยาวไปก็เหมือนหาทางออกได้ด้วยความยากลำบาก!

ลมพายุกระหน่ำที่พัดมาอย่างรุนแรงเสียงดังผ่านหูอีกครั้ง ทำให้จี้ฉางรู้ในทันทีว่าตัวเองฝ่าออกมาได้แล้ว

เขาอุ้มซู่เป่าไว้แล้ววิ่งออกไป แต่ทันใดนั้นก็ติดหมอกที่อยู่ตรงหน้าเขาอีกครั้ง

จี้ฉางที่กำลังจะฟันขวานศึกออกไป จู่ๆ ก็หยุดไปครู่หนึ่ง!

หมองลึกลับที่อยู่ทั่วหุบเหวนั้นไร้รูปร่างที่ชัดเจน ถึงแม้ว่าทั้งหมดจะประกอบขึ้นมาจากผีในยมโลกและผีอาฆาตก็ตาม แต่มันก็ไม่มีจมูกและดวงตา และยิ่งไปกว่านั้นมันไม่มีใบหน้าที่สมบูรณ์

แต่หมอกที่อยู่ต่อหน้าเขานั้นกลับมีใบหน้า ซึ่งก็คือใบหน้าของซืออี้หรัน?!

ถึงกับต้องชะงักขวานศึกยาวในมือของจี้ฉางไว้ มองดูใบหน้าของซืออี้หรันที่กำลังอ้าปากแล้วพุ่งมาที่เขากับซู่เป่าแต่จี้ฉางก็ไม่สามารถใช้ขวานฟันตรงๆ ได้

เขาได้แต่โน้มตัวลงไปบนพื้นแล้วบินผ่านไปแถมยังหยิบเอาเถ้ากระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาด้วย…

‘ฝุ่นควัน’ ระยะที่สี่

เงาของจี้ฉางวิ่งฝ่ากำแพงผีออกมาและหายไปในทันทีโดยที่ไม่รอให้ฝุ่นควันตกลงมา

ใบหน้าของซืออี้หรันเงียบและมองไปที่เงาที่ตอนนี้ไปไกลแล้วอย่างมึนงง…

ขณะนี้ซืออี้หรันได้สูญเสียความตระหนักของตัวเองไปแล้ว

เหมือนกับตอนที่จี้ฉางตกลงมา เขาใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ตัวเองตื่นตัวอยู่ตลอดและไม่หลงทางในหมอกลึกลับนี้

หลังจากมาที่ก้นเหว เขาก็ยังคงสติของตัวเองและเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าต้องมองหาทางขึ้นไป

แต่หลังจากนั้น ร่างกายของเขาก็ยังเดินค้นหาทางออกอยู่ใน หุบเหวอยู่

“ซู่เป่า…” จี้ฉางมองลงมาและตะโกนเรียกเบาๆ

เมื่อกี้เพิ่งเห็นซืออี้หรันไป เขาก็พอเดาออกว่าเกิดอะไรขึ้นกับซืออี้หรัน

เขาห่วงว่าซู่เป่าจะเป็นเหมือนซืออี้หรัน ถ้าวิญญาณออกจากร่างละก็…งั้นก็หมายความว่าเขากำลังอุ้มเปลือกที่ว่างเปล่าแล้ววิ่งน่ะสิ?

โชคยังดีที่หลังจากจี้ฉางสัมผัสดูอย่างระมัดระวังแล้วก็พบว่าวิญญาณของซู่เป่ายังอยู่ดี

จนเขาอดที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นไม่ได้และเอ่ยอย่างไม่มีทางเลือกว่า “อาจารย์เหนื่อยขนาดนี้ แต่เจ้ากลับนอนหลับสบายเลย…”

แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน

แม้ว่าตอนนี้เธอจะตื่นขึ้นมา ก็ช่วยอะไรไม่ได้อยู่ดี?

จี้ฉางเอาขวานศึกยาวออกมาอีกครั้งและทำลายกำแพงผีแล้ววิ่งออกไป…

ไม่นานนัก สิ่งนี้เกิดขึ้นซ้ำอีกครั้งโดยที่ไม่รู้ตัว

ถ้าคนเราตกอยู่ในสภาวะแบบนี้และวนลูปอย่างนี้อยู่ซ้ำๆ สามารถทำให้จิตใจพังทลายได้เลย

จี้ฉางมีจิตใจที่แข็งแกร่ง หลังจากทำลายกำแพงผีไปแล้ว 990 ชั้น เขาก็เริ่มจําไม่ได้ว่าเขาโดนผีอำและวนลูปซ้ำๆ ไปกี่ครั้งแล้ว

เขาเริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าและค่อยๆ เข้าสู่สภาวะการต่อสู้แบบนี้ ถึงแม้ว่าวิญญาณจะไม่ได้ออกจากร่าง แต่ก็เหมือนเป็นการสูญเสียอีกแบบหนึ่งเช่นกัน

จี้ฉางบินหนีไปอย่างเฉื่อยชา จากนั้นก็ฟันขวานศึกยาวอย่างเฉื่อยชา แล้วก็วิ่งหนีอีกครั้งอย่างเฉื่อยชา…

เขาลืมไปนานแล้วว่าเขายังกอดซู่เป่าไว้ในอ้อมแขน และสิ่งเดียวที่เขาจําได้ก็คืออย่าปล่อยมือซ้าย

และมือซ้ายของเขา ก็คือมือข้างที่กำลังกอดซู่เป่าอยู่นั่นเอง

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตใหม่ของเจ้าแก้มก้อน