ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 21

หลายวันก่อนหน้านี้ ภายใต้การนำของเพื่อนร่วมชั้น เฉินจื่อคังได้ทำความรู้จักกับผู้อำนาจคนหนึ่ง

บอกว่า ขอเพียงมอบเงินจำนวนสิบพวงเงิน จะสามารถได้รับตำแหน่งซิ่วไฉของการสอบครั้งนี้อย่างแน่นอน แต่ไหนแต่ไรเขาอาศัยความรักที่คนในครอบครัวมีต่อเขา ฉะนั้นจึงไม่กลัวอะไรเพราะมีที่พึ่ง

แต่ อย่างน้อยก็รู้จักละอายใจอยู่บ้าง ไม่กล้าบอกว่าจะติดสินบน แต่บอกว่าเป็นการพบปะสังสรรค์

แม้จะมีความลำบากอยู่บ้าง แต่พี่ชายทั้งหลายต่างก็ให้คำมั่นว่าจะหามาให้เขาจนครบ

วันนี้ เขาไปพบกับผู้มีอำนาจคนนั้นอีกแล้ว พูดคุยกันอย่างถูกคอ

ในขณะที่กำลังดีใจ เฉินจื่ออานก็วิ่งออกมาอย่างกะทันหัน ผ่านไปชั่วครู่ ทำเอาตกใจจนมารยาทที่มีติดตัวเขาหายไปจนสิ้น

“พี่สาม พี่มาได้อย่างไร”

เฉินจื่ออานนิ่งอึ้ง รู้สึกว่าเฉินจื่อคังในวันนี้ไม่เหมือนกับที่เขาคิดเอาไว้เลย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก จึงพูดว่า “พอดีข้ามาตลาด จึงมาเยี่ยมเจ้า ทำไมวันนี้เจ้าไม่ไปเรียน”

“ข้า……”เฉินจื่อคังมีปฏิกิริยาตอบสนองเร็วมาก รีบโน้มตัวลงคำนับเฉินจื่ออานอย่างนอบน้อมเหมือนปกติทันที “พี่สาม พี่สะใภ้สาม ลำบากพวกท่านแล้ว”

ลู่ม่านมองดูเขาทำการแสดงอย่างเงียบๆ เฉินจื่ออานกลับดีใจมาก “ไม่จำเป็นต้องทำเช่นนี้ เราต่างก็เป็นพี่น้องกัน”

เฉินจื่อคังเห็นดังนั้น จึงวางใจและพูดว่า “วันนี้ได้ออกมาร่วมงานพบปะสังสรรค์กับเพื่อนร่วมชั้นสองสามคน”

เฉินจื่ออานได้ยิน และกำลังจะเอ่ยถึงเรื่องเงินสิบพวง ลู่ม่านก็ยื่นมือออกมาตัดบทเขา “จื่อคังดูแล้วเป็นคนมีความรู้ความสามารถมาก ต้องได้รับตำแหน่งซิ่วไฉแน่”

“ใช่แล้ว ”เฉินจื่ออานก็พยักหน้า เขานั้นรู้สึกจากใจจริงว่าเฉินจื่อคังสามารถเป็นซิ่วไฉได้

เฉินจื่อคังกลับมองไปทางลู่ม่านด้วยความระอาใจแวบหนึ่ง รู้สึกว่าคนที่เรียกว่าพี่สะใภ้คนนี้ สายตาแหลมคมเกินไป มองเขาอย่างทะลุปรุโปร่งตั้งนานแล้ว

แต่พอมาคิดดูอีกที เป็นไปไม่ได้

นางก็แค่ผู้หญิงที่ไม่มีความรู้อะไร และยังถูกครอบครัวทอดทิ้ง จะฉลาดขนาดนั้นได้อย่างไร

เมื่อพูดเปรยไม่สำเร็จ เฉินจื่อคังก็เอ่ยขึ้นด้วยตนเองว่า “พี่สาม เรื่องเงินสิบพวงที่คุยกันครั้งที่แล้ว ข้ามาคิดดูแล้วเป็นการทำให้พวกพี่ลำบากใจจริงๆ ถ้ามีวันหนึ่ง หากข้าสอบผ่าน ต้องตอบแทนพี่ชายแน่”

พูดจบ ก็โค้งตัวคำนับอีกครั้ง ครั้งนี้ ลู่ม่านมั่นใจในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้ทั้งหมด

เฉินจื่ออานรีบประคองเขาขึ้นมา “พ่อแม่กับพี่ใหญ่และพี่รองไม่ได้หวังให้เจ้ามาตอบแทน หวังเพียงเจ้าจะสามารถสอบผ่าน ทำให้ครอบครัวภาคภูมิใจ ”

เมื่อเห็นเฉินจื่ออานถูกหลอกอีกแล้ว นางก็แอบด่าในใจว่าโง่ แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ไม่ทราบว่าวันนี้น้องสามีออกมากับเพื่อนร่วมชั้นคนใด”

เฉินจื่อคังนิ่งไป พูดชื่อที่คุ้นเคยเป็นอย่างดีว่า “อวีเหวินฮุยกับเหลียงจื่อโต้ง”

ลู่ม่านพยักหน้า เฉินจื่ออานก็กำชับอีกหลายประโยค เอาขนมเหล่านั้นยัดให้กับเฉินจื่อคัง และใช้สายตาส่งเขาเดินกลับเข้าไป

เมื่อมองไม่เห็นเงาร่างแล้ว เฉินจื่ออานจึงพูดว่า “ไปเถอะเสี่ยวม่าน”

“ไม่รีบ”ละครสนุกๆเพิ่งจะเริ่มต้นเท่านั้น

ลู่ม่านเดินไปยังชายชราที่เฝ้าประตูเมื่อครู่และถามขึ้นว่า “ท่านผู้เฒ่า ไม่ทราบว่าอวีเหวินฮุยกับเหลียงจื่อโต้งเป็นนักเรียนของที่นี่หรือไม่”

ชายชราพยักหน้า “ใช่”

“ข้าได้รับการไหว้วานจากครอบครัวของทั้งสองคน ให้นำของมาส่งให้พวกเขา ไม่ทราบว่าวันนี้พวกเขาออกไปข้างนอกจะกลับมาอีกหรือไม่”

ชายชราชะงัก “ไม่ทราบว่าแม่นางท่านนี้ไปรู้มาจากที่ไหนว่าทั้งสองท่านออกไปข้างนอก วันนี้ทั้งสองคนไม่ได้ไปไหนเลย”

เฉินจื่ออานนิ่งอึ้งทันที “ท่านผู้เฒ่า จำผิดหรือไม่”

ชายชราคนนั้นโมโหมาก “ข้าเฝ้าประตูที่นี่มาสิบกว่าปี นักเรียนในโรงเรียนข้ารู้จักดีทุกคน ไม่มีทางจำผิดแน่นอน”

รอยฝ่ามือที่ถูกเฉินจื่อฉายตบหลายวันก่อนยังคงปรากฏอยู่บนใบหน้าของจ้าวซื่อ แต่ว่านางกลับมีชีวิตชีวาขึ้นมาอีกครั้งแล้ว แข็งแรงและมีชีวิตชีวามาก

ลู่ม่านนั้นชื่นชมในความกระตือรือร้นของนางอย่างจริงใจ ถ้าอยู่ในยุคปัจจุบันคงเรียกว่าแมลงสาบ ตียังไงก็ไม่ตาย

เสียงร้องเรียกของจ้าวซื่อ ได้ยินไปถึงเรือนหลัก ไม่ช้า เฉินหลี่ซื่อก็ปรากฏตัวที่หน้าประตู จ้องมองเฉินจื่ออานเขม็ง“เจ้าสาม ……”

เฉินจื่ออานเห็นดังนั้น ก็วางกระบุงลง เอาเงินที่เหลือเดินเข้าไป

“วันนี้ขายได้ห้าร้อยแปดสิบเหวิน หักเงินที่ซื้อเชือกไปยี่สิบเหวิน บวกกับซื้อขนมอีกนิดหน่อยไปเยี่ยมน้องเล็ก ยังเหลือเท่านี้ สี่ร้อยเห้าสิบเหวิน ให้ท่านทั้งหมดเลย”

ที่จริงเฉินหลี่ซื่อก็พอจะรู้อยู่แก่ใจ พอจะรู้ว่าเฉินจื่ออานไม่ได้โกหกเขา

แต่ตอนที่ได้ยินคำว่าไส้ผ้าห่ม นางก็ยังคงจ้องไปทางลู่ม่านอย่างอดใจไม่ได้ “เจ้าก็แค่ผู้หญิงที่อยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนไม่ได้ออกไปไหน แล้วไปเอาเงินที่ไหนมาซื้อไส้ผ้าห่ม”

“ท่านแม่ ต้องเป็นดอกเก๊กฮวยเหล่านั้นแน่”เฉินหลิ่วเอ๋อเดินออกมาจากห้อง นึกถึงเรื่องเหล่านั้นที่เห็นลู่ม่านทำในวันนั้น นางก็เข้าใจขึ้นมาทันที

ลู่ม่านยังกลัวว่านางจะไม่ถามด้วยซ้ำ พอถามขึ้นมา นางก็มีเรื่องให้พูดแล้ว

“ใช่แล้ว เป็นดอกเก๊กฮวยพวกนั้น”

“ท่านแม่ ท่านดู”เฉินหลิ่วเอ๋อร้องเสียงแหลมขึ้นมา “เมื่อก่อนพี่สะใภ้สามอยู่แต่ในบ้าน ตอนนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะหาเงินได้ ไม่เอากลับบ้าน ยังซื้อของตามอำเภอใจ โดยเฉพาะตอนนี้พี่สี่กำลังร้อนใจต้องใช้เงินอยู่ด้วย”

พอเอ่ยถึงเฉินจื่อคัง ใจของเฉินหลี่ซื่อลำเอียงจนแทบจะออกนอกอวกาศไปแล้ว

นางสีหน้าเย็นชาลงทันที เอ่ยตำหนิว่า “ในบ้านก็มีไส้ผ้าห่มมิใช่หรือ จะเสียเงินไปซื้อไส้ผ้าห่มอีกทำไม ”พูดจบ นางเลี้ยวฝีเท้าเดินตรงมาทางลู่ม่านทันที

คว้าไส้ผ้าห่มขึ้นมา “ข้ากับพ่อเจ้าอายุปูนนี้แล้ว ยังไม่เคยใช้ไส้ผ้าห่มที่ดีเช่นนี้มาก่อน พวกเจ้านี่ดีจริง จื่ออาน เจ้าเอาไปคืนเดี๋ยวนี้เลยนะ ไปเอาเงินกลับมา”

เฉินจื่ออานนิ่งอึ้ง คว้ามือของเฉินหลี่ซื่อไว้ทันที “ท่านแม่ ไม่ได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน