ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 246

หลังจากที่ผู้ดูแลคนนั้นพูดจบ ก็มีทหารวังที่ลาดตระเวนอยู่บริเวณนั้นพุ่งเข้ามาจากด้านนอกทันที

"เกิดอะไรขึ้น?"

“ผู้หญิงคนนี้ วางแผนชั่วคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท!” ผู้ดูแลคนนั้นพูดอย่างเกรี้ยวกราด จนทำให้ทหารวังตื่นตระหนกอย่างยิ่ง ทำท่าจะพุ่งเข้าไปจับกุมลู่ม่าน

เด็กฝึกงานตัวน้อยคนเมื่อครู่ วิ่งถลาขึ้นไปข้างหน้าอย่างเหนือความคาดหมาย พุ่งเข้าไปขวางตรงหน้าลู่ม่าน “ท่านพี่ทหารทุกท่าน เกรงว่านี่คงเป็นเรื่องเข้าใจผิดแน่แล้ว!”

“บังอาจ!” ผู้ดูแลตวาดเสียงดัง “ถ้าหากฝ่าบาทเกิดเรื่องร้ายอะไรขึ้นมา เจ้าจะรับผิดชอบไหวรึ?”

“นี่…” เด็กฝึกงานตัวน้อยตกใจจนแข้งขาสั่นระริก แต่ก็ยังไม่ยอมหลีกทาง ลู่ม่านยิ้มให้เขาจาง ๆ ก่อนจะผลักเขาออกไป "ข้าไม่เป็นไรหรอก เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง"

จากนั้นจึงหมุนตัวไปมองทหารวังคนนั้น “หากเจ้าสงสัยว่าข้าลอบวางยาพิษฝ่าบาท ไม่สู้พาข้าไปพบฝ่าบาทเลยไม่ดีกว่าหรือ!”

“เจ้าบอกว่าจะไปพบฝ่าบาท ก็จะไปพบฝ่าบาทได้ตามใจชอบอย่างนั้นรึ?” ผู้ดูแลพูดพลางกัดฟันกรอด

เพิ่งสิ้นเสียงพูด หลิวกงกงก็เดินเข้ามาจากด้านนอก เมื่อเห็นว่าในห้องเครื่องเวลานี้วุ่นวายโกลาหลราวโรงละครก็ไม่ปาน ก็ตกตะลึงไปชั่วขณะ แต่เพียงไม่นาน เขาก็นึกถึงจุดประสงค์ที่ตัวเองมาที่นี่ได้

เขารีบเดินไปหาลู่ม่านแล้วพูดว่า “เร็วเข้า รีบตามข้าไปเข้าเฝ้าฝ่าบาท”

ทหารวังเห็นดังนั้น ก็รีบร้องเตือน "หลิวกงกง ผู้หญิงคนนี้วางแผนลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท!"

หลิวกงกงถูกทำให้ตกใจแทบแย่แล้ว “พูดจาเหลวไหลไร้สาระอะไรของเจ้า?”

“ผู้ดูแลเป็นคนพูดขอรับ!” ทหารวังเอ่ยตอบ

หลิวกงกงปรายตามองไปที่ผู้ดูแลห้องเครื่องคนนั้นแวบหนึ่ง "รออีกเดี๋ยวค่อยกลับมาคิดบัญชีกับเจ้า! ไปกันเถอะ แม่นางลู่ รีบตามข้าไปเร็วเข้า"

เด็กฝึกงานตัวน้อยคนนั้นรีบวิ่งขึ้นมาข้างหน้า ร้องเรียกว่า "ท่านอาจารย์ ...... "

ลู่ม่านถูกคำเรียกของเขาทำให้เกิดความรู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมา ก็แค่สอนเขาทำอาหารไปไม่กี่อย่าง นางก็กลายเป็นอาจารย์ที่น่าเคารพนับถือไปเสียแล้ว

“ไม่เป็นไรหรอก” ลู่ม่านพูดจบ ก็เดินตามหลิวกงกงออกไปทันที

งานเลี้ยงครั้งนี้จัดขึ้นพระตำหนักขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ลู่ม่านเพิ่งจะก้าวเข้าประตูไป ก็ได้กลิ่นหอมฉุนของแป้งที่เป็นเครื่องสำอางชนิดหนึ่งลอยมาเตะจมูก นางเงยหน้าขึ้นโดยไม่รู้ตัว จึงได้เห็นพระสนมในวังหลังกลุ่มหนึ่ง

โดยพื้นฐานแล้วประวัติศาสตร์ราชวงศ์ไหน ๆ ก่อนหน้านี้ที่ผ่านมา ก็ล้วนแล้วแต่มีผู้หญิงเป็นพระสนมและไทเฮา แต่สิ่งที่ทำให้ลู่ม่านพูดไม่ออกก็คือ ที่นี่ถึงกับมีผู้ชายอยู่ด้วย

ยิ่งไปกว่านั้นคือ กระทั่งผู้ชายก็ยังทาแป้งแต่งหน้าด้วย! ดูท่าทางแล้วเหมือนว่าน่าจะเป็นคนในวังหลังของราชวงศ์นี้อยู่แล้ว ที่แท้การเป็นฮ่องเต้หญิง ก็สามารถมีคนงามสามพันคนในวังหลังได้เหมือนกันนี่เอง!

มิน่าล่ะ ถึงได้มีคนมากมายขนาดนั้นอยากจะเป็นฮ่องเต้

เดิมทียังคิดอยากดูต่ออีกสักหน่อย แต่เสียงดุของหลิวกงกงพลันดังขึ้นที่ข้างหูว่า "ก้มหน้าลง!"

ลู่ม่านรีบก้มหน้าลง เดินตามหลังหลิวกงกงตรงไปข้างหน้า ก่อนจะค้อมกายคำนับแบบเต็มพิธี

“ฝ่าบาท แม่นางลู่มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ!” หลิวกงกงทูลรายงาน

ในที่สุดเสียงพูดคุยจอแจราวนกกระจอกแตกรังโดยรอบก็หยุดลง ลู่ม่านรับรู้ได้ว่ามีดวงตาหลายคู่กำลังจับจ้องมองมาที่ตัวเอง นางยืดเหยียดแผ่นหลังขึ้นตรงแบบไม่รู้ตัว หวังจะให้ตัวเองดูเป็นธรรมชาติขึ้นอีกหน่อย

บรรยากาศเงียบสงัดไปชั่วขณะ ประโยคที่เรียบง่ายและตรงไปตรงมาของฮ่องเต้ประโยคหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านบน "มอบรางวัล!"

บรรยากาศโดยรอบพลันผ่อนคลายลงทันที ทุกคนต่างปล่อยเสียงที่กักเก็บไว้ในลำคอ พูดชมเชยไม่ขาดปากว่า “นี่คงจะเป็นแม่นางลู่ที่ทำอาหารมื้อเที่ยงวันนี้ใช่หรือไม่? ข้าถึงว่าทำไมวันนี้อาหารรสชาติต่างไปจากทุกทีที่เคยกิน! รสชาติไม่เลวเลยจริง ๆ”

“นั่นสิ ฝ่าบาททรงปราดเปรื่องยิ่งนัก!”

ลู่ม่านอดบ่นในใจไม่ได้ว่า วังแห่งนี้ช่างเต็มไปด้วยพวกคนฉลาดเอาตัวรอดซะจริง ๆ เชียว ถ้าไม่ใช่เพราะฝ่าบาทตรัสว่าให้มอบรางวัล พวกเขาคงไม่กล้าพูดว่าอาหารของนางอร่อยอย่างแน่นอน

อันที่จริง มันใช่เหตุผลที่ว่าอาหารของนางอร่อยซะที่ไหนล่ะ ?แค่เพราะฝ่าบาทชอบมันก็เท่านั้นเอง

"เงยหน้าขึ้นมาให้ข้าดูหน่อยซิ" จู่ ๆ ท่ามกลางเสียงพูดจาออดอ้อนออเซาะทั้งหลาย พลันปรากฏน้ำเสียงที่เมตตาและอ่อนโยนดังขึ้น

ลู่ม่านไม่อยากมีความขัดแย้งใด ๆ กับพวกนาง จึงพยายามอย่างเต็มที่ที่จะไม่ไปสนใจนาง

ใครจะคาดคิดว่า เพิ่งจะมาถึงอุทยานหลวง พระชายาผู้เฒ่าหนิงก็พูดขึ้นว่า “ไทเฮาเพคะ วันนี้รู้สึกอารมณ์ดี ทำไมพวกเราไม่เล่นเกมกันสักหน่อยล่ะเพคะ?”

“เกมอะไรหรือเจ้าคะ?” หลี่หว่านถิงถามขึ้นมา

หลี่หว่านถิงเป็นน้องสาวคนเล็กสุดของอ๋องหนิง หรือก็คือเด็กสาวคนที่ลู่ม่านรู้สึกมีความประทับใจอย่างมากคนนั้นนั่นเอง

“เด็กสาวอย่างพวกเจ้าชอบเล่นอะไร ก็เล่นเกมนั้นไปก็แล้วกัน จะได้ไม่ถูกพวกคนแก่ ๆ อย่างพวกเราทำให้พลอยเบื่อหน่ายไปด้วย!” พระชายาผู้เฒ่าหนิงพูด

หลี่หว่านถิงหันมามองลู่ม่านแวบหนึ่ง "พี่ลู่ ปกติแล้วเจ้าเล่นอะไรบ้างหรือ?"

ลู่ม่านคิดไม่ถึงจริง ๆ ว่าตัวเองจะถูกเรียก จึงไม่ได้ตอบสนองในทันที พอลองคิดดูอีกที ในยุคปัจจุบัน พวกวัยรุ่นเขาเล่นเกมอะไรกันบ้างล่ะเนี่ย? แต่ยังไม่ทันรอให้นางคิดเรื่องนี้ได้ชัดเจนกระจ่าง พระชายาผู้เฒ่าหนิงก็เอ่ยปากพูดอีกครั้ง

“แม่นางลู่ผู้นี้มีจริยาดั่งบุปผาฮุ่ยหลัน สามารถทำของแบบนั้นออกมาได้ จะต้องเป็นหญิงสาวที่มากความสามารถเป็นแน่ ไม่สู้เรามาเล่นเกมตีกลองส่งดอกไม้กันดูล่ะ?

เฮ้ย! *ตีกลองส่งดอกไม้เรอะ?

ถึงแม้ว่าลู่ม่านจะไม่เคยเล่น แต่ก็พอจะรู้คร่าว ๆ ว่ามันคืออะไร อันที่จริงมันก็คือดอกไม้ช่อหนึ่ง มีคนคนหนึ่งปิดตาทำหน้าที่ตีกลอง เมื่อเสียงกลองหยุดดอกไม้ไปตกอยู่ที่ใคร คนนั้นต้องออกมาร่ายกลอนสด

ให้มันได้อย่างนี้สิ......

หลี่หว่านถิงรีบส่ายหน้าพลางพูดว่า “ท่านแม่ เกมตีกลองส่งดอกไม้ก็ไม่ใช่ว่าก็เล่นกันบ่อย ๆ หรอกหรือ? ไม่สู้พวกเราถามพี่ลู่ว่า ปกติแล้วเวลาอยู่ที่บ้านนางเล่นอะไรดีหรือไม่เจ้าคะ?”

แต่เห็นได้ชัดว่าพระชายาผู้เฒ่าหนิงตั้งใจมาที่นี่ ก็เพื่อจะทำให้ลู่ม่านได้รับความอับอาย นางหัวเราะพลางพูดว่า “แม่หนูน้อยอย่างเจ้านี่นะ! พี่ลู่ของเจ้ายังไม่พูดสักคำเลยว่านางไม่อยากเล่นเกมตีกลองส่งดอกไม้ นอกจากนี้ถ้าพูดกันตามจริง การละเล่นของชนบทจะนำขึ้นมาแสดงต่อเบื้องพระพักตร์ไทเฮา อย่างไรก็ไม่เหมาะสมหรอกนะ”

“แต่ว่า.…” หลี่หว่านถิงแอบมองไปทางลู่ม่านด้วยแววตาขอโทษขอโพยน้อย ๆ

พระชายาผู้เฒ่าหนิงยิ้มแล้วพูดว่า “ หว่านถิง เจ้าต้องเชื่อว่าพี่ลู่ของเจ้า จะต้องเป็นหญิงสาวที่มากความสามารถคนหนึ่งเป็นแน่ ”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน