ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 247

พูดไปพูดมา สุดท้ายก็แค่อยากให้นางปล่อยไก่ล่ะสิ!

ลู่ม่านมองความคิดของพระชายาผู้เฒ่าหนิงออกตั้งนานแล้ว แต่ดันติดที่ว่า เมื่อไทเฮาได้ยินดังนั้นก็เกิดความยินดีอย่างยิ่ง "ไม่ได้เห็นพวกเด็ก ๆ เล่นกันนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็มาเล่นด้วยกันเถอะนะ!"

กระทั่งโอกาสหาทางรอดให้ตัวเอง ลู่ม่านก็ยังไม่มีด้วยซ้ำ

คนส่วนใหญ่ในวังต่างก็เป็นพวกประจบสอพลอคนฐานะสูง ข่มเหงรังแกคนฐานะต่ำทั้งสิ้น เมื่อเห็นว่าพระชายาผู้เฒ่าหนิงมุ่งเป้าโจมตีไปที่ลู่ม่านแบบนี้ พวกคุณหนูจากตระกูลขุนนางต่างก็ช่วยพระชายาผู้เฒ่าทันที “ถ้าอย่างนั้นแม่นางลู่ก็มาเล่นด้วยกันเถอะ!”

หลี่หว่านถิงค่อยลุกขึ้นเว้นที่ว่างให้ลู่ม่าน กระซิบพูดเสียงแผ่วเบาว่า “พี่ลู่ ท่านแม่ของข้าปกติแล้วก็เป็นคนดีอยู่นะ...…”

“ไม่เป็นไร!” ลู่ม่านพูดแบบจงใจเว้นใจความสำคัญ

เมื่อเห็นดังนั้น พระชายาผู้เฒ่าหนิงก็ยิ้มแล้วพูดว่า "แม่นางลู่สมกับที่เป็นหญิงสาวผู้มีฝีมือเก่งกาจเหนือหญิงสาวทั่วไปจริง ๆ ไม่สู้พวกเรามาเพิ่มระดับความยากขึ้นอีกสักหน่อยดีหรือไม่? คำสั่งรอบแรกนี้ก็......"

ยังพูดไม่ทันจบลง นางกำนัลในวังคนหนึ่งก็ถือดอกชวนชมเข้ามา พระชายาผู้เฒ่าหนิงพูดขึ้นด้วยท่าทางราวกับได้รับพรจากสวรรค์จนจิตใจเบิกบาน เกิดความคิดอันชาญฉลาดว่า “เป็นดอกชวนชมก็แล้วกัน!”

หลังจากหยุดไปครู่หนึ่ง นางก็ยิ้มแล้วพูดว่า “ถ้าถึงตอนนั้นแม่นางคิดไม่ออกจริง ๆ ก็ไม่จำเป็นต้องใช้หัวข้อนี้ก็ได้นะ!”

“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ!” ลู่ม่านตอบรับ

ดอกไม้เริ่มถูกส่งไป คนแรกคือหลี่หว่านถิง นางนั่งอยู่ด้านขวามือของลู่ม่าน หลังจากได้รับดอกไม้มา ก็รีบส่งต่อให้ลู่ม่านอย่างรวดเร็ว

คนถัดไปแสดงท่าทางไม่พอใจขึ้นมาทันที “หว่านถิง มันต้องส่งลงไปไม่ใช่รึ? ทำไมเจ้าถึงส่งขึ้นแทนเสียล่ะ?”

ลู่ม่านรู้ว่าหลี่หว่านถิงทำแบบนี้เพื่อช่วยตัวเอง แน่นอนว่านางสามารถมองออกตั้งแต่แรก หว่านถิงโต้แย้งออกไปว่า "จะส่งทางไหนมันก็เหมือนกันไม่ใช่รึ?"

ยังดีที่ไทเฮาไม่ใส่ใจนัก จะเล่นอย่างไรก็ได้หมด "หว่านถิงพูดได้ถูกต้องแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำตามกฎระเบียบแบบแผนนักก็ได้"

ไทเฮาตรัสเองขนาดนี้แล้ว แน่นอนว่าย่อมไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก

ดอกไม้จึงถูกส่งต่อไปอย่างราบรื่น ในที่สุด ก็ไปหยุดลงในมือของหลี่หว่านถิง นางแสดงท่าทางโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด หันไปยิ้มละไมให้ลู่ม่าน

รอยยิ้มนั้นบริสุทธิ์มาก เห็นได้ชัดเจนเลยว่า นางเป็นห่วงลู่ม่านด้วยใจจริง

"เร็วเข้า หว่านถิง ใช้ดอกชวนชมมาแต่งกลอนเพราะ ๆ สักบทเถอะ!"

หลี่หว่านถิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงลุกขึ้นมองทิวทัศน์ที่อยู่โดยรอบ ก่อนจะร่ายเป็นบทกลอนออกมาว่า “จันทราลาลับริมรั้ววัง ชวนชมบานสะพรั่งหอมทั่วลาน”

“มีสุนทรียรสดีมาก!” ไทเฮาแย้มสรวลด้วยความพึงพอใจ

“ไทเฮาทรงให้ท้ายถิงเอ๋อร์เกินไปแล้วเพคะ!” พระชายาผู้เฒ่าหนิงแสร้งพูดถ่อมตน เห็นได้ชัดว่าจริง ๆ แล้ว นางมีความสุขมากที่ได้เห็นการร่ายกลอนบทนี้ของหลี่หว่านถิง

แม้จะว่ากันว่า ผู้หญิงที่ไร้ความสามารถถึงจะนับว่าเป็นคนมีคุณธรรม แต่มีใครบ้างล่ะที่จะไม่คาดหวังให้ลูกของตัวเองมีความสามารถ? เก่งกาจในเรื่องศาสตร์วิชาความรู้ ถูกผู้คนเรียกขานว่าหญิงสาวผู้มากความสามารถ?

หลี่หว่านถิงไม่ได้อ่อนน้อมถ่อมตน แต่ก็ไม่ถึงกับเย่อหยิ่ง ได้ยินดังนั้นนางเพียงแค่ค้อมกายลงเล็กน้อย แล้วพูดว่า "ละอายแล้วเพคะ!"

ดอกไม้ถูกส่งต่ออีกครั้ง คราวนี้เริ่มจากลู่ม่านเป็นคนแรก ลู่ม่านมองสถานการณ์ตรงหน้า ในใจคิดว่าหลี่หว่านถิงคงจะแอบช่วยนางอยู่สินะ? จึงรู้สึกผ่อนคลายลงไปได้บ้าง

ผลคือ ทุกครั้งที่ดอกไม้ใกล้จะมาถึง หลี่หว่านถิงจะจงใจส่งต่อเร็ว ๆ หรือไม่ก็รั้งให้ช้าลง จนสุดท้าย ดอกไม้ไม่เคยวนไปตกถึงตาของลู่ม่านเลยแม้แต่ครั้งเดียว

สุดท้าย เกือบทุกคนต่างก็ผลัดกันโดนไปคนละตาสองตา แต่กลับไม่เคยตกถึงตาของลู่ม่านเลยสักครั้ง พระชายาผู้เฒ่าหนิงขมวดคิ้วมุ่น แอบขยิบตาส่งสัญญาณให้ขันทีน้อยซึ่งทำหน้าที่ตีกลองอยู่ข้างหลังไปทีหนึ่ง

ครั้งนี้จังหวะตีกลองของขันทีน้อยเปลี่ยนเป็นนานขึ้น หลี่หว่านถิงเริ่มจะจับจังหวะกลองไม่ค่อยถูกแล้ว ไม่ทันระวังไปแค่อึดใจเดียว สุดท้ายดอกไม้ก็ตกไปอยู่ในมือของลู่ม่านจนได้ พระชายาผู้เฒ่าหนิงถึงกับหัวเราะออกมาเบา ๆ เลยทีเดียว

หลี่หว่านถิงมองลู่ม่านด้วยสายตาฉายแววรู้สึกผิด "พี่ลู่ ข้าขอโทษนะ"

“ไม่ใช่เกิดปัญหาที่เจ้าหรอก” ลู่ม่านพูดด้วยท่าทางใจเย็น อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดล่ะนะ มีคนอยากให้นางขายหน้า จะก้มหรือจะเงยหน้าก็ต้องเจอดาบมาจ่อที่คอหอยอยู่ดี

ฮูหยินท่านนั้นดูไปแล้ว อายุน่าจะอยู่ราว ๆ สี่สิบหรือไม่ก็ห้าสิบ ดวงตางดงามจนไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ ลู่ม่านจ้องมองอยู่เป็นนานสองนาน ในที่สุดส่วนลึกในใจก็หลุดเสียงกรีดร้องโหยหวนออกมาเสียงหนึ่ง ปรากฏว่าแท้ที่จริงแล้วฮูหยินท่านนี้เป็นหญิงตาบอด

นางมองอะไรไม่เห็น

ดวงตาที่งดงามขนาดนี้ แต่กลับมองไม่เห็น ช่างน่าเสียดายเหลือเกินแล้ว

“ฮูหยินกั๋วกง หากว่าเจ้าเหนื่อยแล้ว เจ้าจะกลับไปก่อนก็ได้นะ”พระชายาผู้เฒ่าหนิงพูดอย่างไม่เกรงใจอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย

“ไม่ใช่ข้าหรอกที่เหนื่อยน่ะ ข้าเห็นว่าไทเฮาทรงเสด็จออกมานานมากแล้ว เกรงว่าพระองค์จะเหน็ดเหนื่อยแล้วกระมัง? ไม่สู้แยกย้ายกันไปพักผ่อนสักหน่อยจะดีกว่าหรือไม่?” ฮูหยินกั๋วกงกล่าว

อันที่จริงไทเฮาทรงเหนื่อยแล้ว เมื่อได้ยินคำพูดนั้นจึงพยักหน้า “ฮูหยินพูดได้ถูกต้องแล้ว พวกเราก็แยกย้ายกันไปพักผ่อนเถอะ”

ตรัสจบก็ลุกขึ้น ก่อนจะหันไปเรียกนางกำนัลรับใช้ที่อยู่ข้างหลัง “มาพยุงข้าเข้าไปข้างในหน่อย!”

ทันทีที่ไทเฮาเสด็จกลับ ฮูหยินกั๋วกงก็เดินเข้ามาโดยมีหญิงรับใช้ชราที่อยู่ข้าง ๆ ช่วยพยุง ก่อนจะพูดว่า “แม่นางลู่ อาหารหลายอย่างที่เจ้าทำวันนี้ข้าชอบมาก ไม่ทราบว่าเจ้าจะสะดวกหรือไม่? ข้าอยากคุยกับเจ้าเรื่องวิธีการปรุงอาหารเหล่านั้นสักหน่อย”

ลู่ม่านปรายตามองไปทางพระชายาผู้เฒ่าหนิง ซึ่งกำลังรอโอกาสจ้องจะเล่นงานนางอย่างใจจดใจจ่อ ก่อนจะยกยิ้มแล้วพูดว่า "ได้เลยเจ้าค่ะ!"

ในที่สุด พระชายาผู้เฒ่าหนิงก็ต้องยอมจำนน ทำได้แค่มองดูลู่ม่านถูกฮูหยินกั๋วกงพาตัวไปแบบตาปริบ ๆ

รอจนถึงจุดเปลี่ยวแห่งหนึ่ง ลู่ม่านก็โค้งคำนับฮูหยินกั๋วกงแล้วพูดว่า "ขอบพระคุณฮูหยินกั๋วกงที่ช่วยเหลือเจ้าค่ะ!"

ฮูหยินกั๋วกงชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มงดงามจะปรากฏขึ้นบนสองแก้มนวลผ่องของนาง “เจ้ามองออกจริง ๆ ด้วยสินะ ช่างเป็นเด็กสาวที่มีจริยาดั่งบุปผาฮุ่ยหลันจริง ๆ แต่ถึงอย่างไร ข้าก็อยากคุยกับเจ้าเรื่องวิธีปรุงอาหารเหล่านั้นจริง ๆ นะ”

“การเคารพเทียบไม่ได้กับทำตามคำสั่ง ข้าพร้อมทำตามความต้องการเลยเจ้าค่ะ!” ลู่ม่านตอบรับ

กับคนที่ลู่ม่านรู้สึกชอบ แต่ไหนแต่ไรมานางก็จะทำตัวใจกว้างด้วยมาโดยตลอด ก็แค่อาหารไม่กี่อย่างเอง ไม่เห็นจะเป็นไรเลย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน