ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 229

และเป็นไปตามที่คาด พอได้ยินลู่ม่านพูดเช่นนี้ เจ้าของร้านก็เข้าใจทันที

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำแม่นาง ข้าเข้าใจแล้ว แม่นางวางใจได้ ข้าจะไม่พูดเรื่องนี้กับใครทั้งนั้น”

“งั้นก็ดี!” หลังจากลู่ม่านพูดจบ นางก็จ่ายเงินตามราคา จากนั้นนางกับเหอเย่วก็ยกเครื่องแยกเมล็กข้าวขึ้นรถม้า และมุ่งหน้าไปยังหมู่บ้านไป่ฮัวเลย

ช่วงนี้เป็นฤดูเก็บเกี่ยว ทุกคนในหมู่บ้านไป่ฮัวต่างก็วิ่งวุ่นไปหมด

แต่เครื่องจักรขนาดใหญ่ที่ลู่ม่านเอากลับมาด้วยนั้น กลับได้รับความสนใจจากผู้คนจำนวนมาก มีหลายคนต่างก็หยุดงานตรงหน้าและมองไปทางลู่ม่าน ไม่รู้ว่าเจ้าสิ่งนี้คืออะไร

ในที่สุด ทั้งสองคนก็มาถึงทุ่งนา พวกนางถูกคนจำนวนมากให้ความสนใจ

เฉินจื่ออานเองก็เดินเข้ามา แล้วถามว่า “เสี่ยวม่าน นี่คือเครื่องแยกเมล็ดข้าวที่เจ้าพูดถึงเมื่อสองวันก่อนใช่หรือไม่”

“ใช่แล้ว!” หลังจากลู่ม่านพูดจบ นางก็ยกมือออกมากระดิกนิ้วไปทางเฉินจื่ออาน “มานี่เร็ว ท่านต้องเป็นผู้ทดลองคนแรก”

เฉินจื่ออานยกยิ้ม “ตกลง! ข้าต้องทำอย่างไรบ้าง?”

ลู่ม่านแนะนําเขา “ไปเอาต้นข้าวที่มาก่อน”

เฉินจื่ออานทำตามที่บอก ลู่ม่านช่วยเฉินจื่ออานเกลี่ยต้นข้าวลงในเครื่อง จากนั้น นางก็เตือนเฉินจื่ออานว่า “เอามือออกมาเร็ว”

จากนั้น พอมั่นใจว่าใส่ต้นข้าวลงไปแล้ว ทั้งสองคนก็เหยียบคันเร่งด้านล่างพร้อมกัน

พอเหยียบคันเร่ง สิ่งที่คล้ายลูกกลิ้งด้านในก็เริ่มหมุน ลู่ม่านรีบบอกให้เหอเย่วนำตะกร้าที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกมา “วางไว้ตรงช่องทางออก”

เหอเย่วรู้ว่าจะมีเมล็ดข้าวจะออกมาตรงไหน เพราะเมื่อตะกี้ตอนอยู่ที่ตำบลนางได้เห็นกับตาแล้ว

และเป็นไปตามที่คาด เพิ่งวางลงไป ก็เห็นเมล็ดข้าวพุ่งออกมาจากข้างในเครื่อง

ข้าวที่ออกมา มันสะอาด และไม่มีฝุ่นเหมือนตอนที่ใช้เครื่องบดที่ลานเลย นอกจากนี้ เจ้าสิ่งนี้ยังสามารถใช้งานในที่นาได้เลย ไม่จำเป็นต้องขนต้นข้าวกลับไป

เฉินจื่ออานดีใจมาก “เสี่ยวม่าน ทำไมมันวิเศษเช่นนี้?”

“ที่จริงแล้ว มันไม่ได้วิเศษอะไรมากมาย!” ลู่ม่านกล่าว ที่จริงแล้วเครื่องเก็บเกี่ยวขนาดใหญ่ในยุคปัจจุบันถึงจะวิเศษจริงๆ ถ้าเฉินจื่ออานได้เห็นเครื่องนั้น เขาคงไม่รู้สึกว่าเครื่องนี้วิเศษแล้ว

มันแตกต่างกันราวฟ้ากับดิน เทียบกันไม่ได้เลยสักนิด

แต่ว่าสาวนใหญ่จะไม่มีใครเคยเห็นเครื่องจักรขนาดใหญ่พวกนั้นมาก่อน หรือจะให้พูดก็คือ มีเพียงลู่ม่านเท่านั้นที่เคยเห็นมัน ดังนั้น สิ่งนี้จึงสร้างความตื่นตาตื่นใจต่อที่นี่มาก

หลังจากเหตุการณ์หว่านกล้าครั้งที่แล้ว ตอนนี้ไม่มีใครกล้าไม่เชื่อในการเลือกของลู่หฃม่านอีกแล้ว จากนั้นทุกคนก็เดินมากล่าวชื่นชม “เสี่ยวม่าน เจ้าสิ่งนี้ พวกข้าขอเอาไปใช้ด้วยได้หรือไม่?”

ลู่ม่านยกยิ้มแล้วกล่าวว่า “ได้แน่นอน เราเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน แต่ว่า ต้องรอให้พวกข้าใช้งานเสร็จก่อน ถึงจะให้ทุกท่านยืมไปใช้งานได้!”

“แน่นอนอยู่แล้ว!” ชาวบ้านทุกคนแสดงท่าทางใจกว้างออกมา

ที่ดินหนึ่งไร่ของบ้านลู่ม่านทำเสร็จในเวลาไม่นาน จากนั้นก็ไปจัดการที่นาของบ้านเฉินที่มีไม่กี่หมู่จนเสร็จ ลู่ม่านก็มอบเครื่องจักรให้ผู้ใหญ่บ้านเฉินอย่างใจกว้าง และยกให้เขาเป็นคนจัดอันดับให้ชาวบ้านเอาไปใช้งาน

เครื่องนี้ทำให้หลายคนที่ทำนามาทั้งชีวิตรู้สึกเหมือนได้เจอโลกใหม่ พวกเขาไม่เคยคิดว่าจะเก็บเกี่ยวเสร็จในหนึ่งวันได้

เฉินจื่ออานก็ดีใจมากเช่นกัน เขามองไปทางลู่ม่านด้วยความปีติยินดีมากขึ้น “เสี่ยวม่าน เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประหลาดใจได้ตลอดเวลาจริงๆ”

ลู่ม่านหัวเราะออกมา “เรื่องที่ไม่คาดคิดที่ข้าทำยังมีอีกมาก ช่วงนี้เป็นช่วงเก็บเกี่ยวในตำบลชางผิงเราพอดี ในฐานะเจ้าหน้าที่ของซือหนงซื่อ แน่นอนว่าต้องช่วยเหลือชาวบ้านที่นี่บ้างจริงไหม”

เฉินจื่ออานชะงักงัน “หมายความว่าอย่างไร”

จนสุดท้าย เขาก็หยุดอยู่หน้าหลุมฝังศพของเฉินจื่อคัง ที่แท้เขามาหาเฉินจื่อคังนี่้เอง เฉินจื่ออานกับลู่ม่านมองหน้ากัน

ทั้งสองไม่ก้าวไปข้างหน้า เพียงแค่เฝ้าดูตาแก่เฉินที่นั่งลงตรงหน้าหลุมฝังศพแล้วเริ่มสูบยาสูบตรงหน้าหลุมฝังศพเงียบๆ

ตลอดช่วงบ่ายเขาไม่พูดอะไรเลย เขาแค่สูบบุหรี่ต่อไป พอเห็นว่าท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว ในที่สุดเขาก็เก็บยาสูบ และพูดไปทางที่พวกเฉินจื่ออานยืนอยู่ “จื่ออาน ออกมาเถอะ!”

เฉินจื่ออานรู้สึกกระดากอายขึ้นมาทันที ที่แท้ทั้งสองคนก็ถูกเห็นนานแล้ว

“ท่านพ่อ!” เฉินจื่ออานเดินออกไปและยิ้มแหยออกมา

“จื่ออาน มานั่งนี่สิ!” ตาแก่เฉินชี้ไปที่ที่นั่งข้างๆ เขา

เฉินจื่ออานเดินไปนั่งลง และลู่ม่านก็นั่งลงข้างเฉินจื่ออาน หลังจากที่ทั้งสามนั่งลงแล้ว ตาแก่เฉินก็พูดว่า “พวกเจ้าไม่ได้ถามข้าหรือว่าสองสามวันก่อนข้าไปไหนมา ตอนนี้ข้าจะบอกให้ฟัง ข้าไปที่เมืองหย่งอานมา และเห็นจื่อคังแล้ว”

“เขาจำท่านพ่อได้ไหม” เฉินจื่ออานถามออกมา

“ไม่!” ตาแก่เฉินพูดประโยคนี้แล้วเขาก็ซึมเศร้ามากขึ้น “เขาไม่ใช่จื่อคังของข้าอีกต่อไปแล้ว!”

ที่แท้ วันนั้นหลังจากที่ตาแก่เฉินได้ยินการสนทนาระหว่างเฉินจื่ออานกับลู่ม่าน เขาตกใจมาก หลังจากไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนแล้ว เขาก็ตัดสินใจไปที่เมืองหย่งอาน

หลังจากที่เฉินจื่อคัง “ตาย” จากไป ตาแก่เฉินรู้สึกเสียใจมากที่ไม่ได้ให้สั่งสอนลูกชายคนนี้ให้ดี ตอนนี้มีโอกาสแล้ว เขาไม่อยากพลาดมันไป

แต่พอไปแล้วก็ตรงไปยังที่ว่าการ ตรงกับที่ซวนเหวินลี่ออกมาจากที่ว่าการพอดี

ครั้งแรกที่เขาเห็นซวนเหวินลี่ เขาก็รู้ในทันทีว่าเป็นเฉินจื่อคัง ถึงแม้บุคลิกและวิธีพูดของเขาจะเปลี่ยนไป แต่เขาที่เป็นพ่อไม่มีทางจะจำไม่ได้

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน