ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน นิยาย บท 554

คนคนนั้นพูดขึ้นมาด้วยเสียงเบาอย่างฉะฉาน

“ได้ยินว่าการศึกทางด้านชายแดนเหนือนั้นสงบลงแล้ว เป็นผลงานของแม่ทัพคนนี้ที่สามารถสงบศึกชายแดนเหนือได้ ได้ยินมาว่าเป็นญาติห่างๆของแม่ทัพเฉียนเทพแห่งสงครามคนนั้น”

“ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง แม่ทัพคนนี้ ต่อไปก็คงจะเป็นเทพแห่งสงคราม”

“ไม่แน่”

คนพวกนั้นยิ่งอยู่ก็ยิ่งเดินไปไกล ฉางเซิงน้อยโบกไม้โบกมือบนหน้าลู่ม่าน

ลู่ม่านค่อยได้สติกลับมา ปัดมือเขาออก พร้อมพูดขึ้นว่า “ฉางเซิงอยากกลับบ้านแล้วใช่ไหม?”

ฉางเซิงยิ้มให้กับลู่ม่าน เมื่อดูแล้วก็เหมือนเฉินจื่ออานอย่างมาก ลู่ม่านใจอ่อน ก้มหน้าลงจูบแก้มฉางเซิง พร้อมพูดขึ้นว่า “ไปเถอะ เรากลับบ้านกัน”

หลังจากซื้อชุดคลุมหัวเรียบร้อยแล้ว ช่วงบ่ายวันนั้นลู่ม่านก็เก็บข้าวของกลับหมู่บ้านไป่ฮัวแล้ว

เหมือนอย่างตอนที่มา ลูกทั้งสองคนขึ้นรถได้ไม่นานก็นอนหลับไปแล้ว

ลู่ม่านเอนพิงอยู่ในรถแล้วก็หลับไป

จู่ๆรถก็หยุด ลู่ม่านตื่นขึ้นมาอย่างตื่นตระหนก รีบอุ้มลูกขึ้นมาเป็นอันดับแรก

“เกิดอะไรขึ้น?”

“ฮูหยิน ข้างหน้ามีโจร” หรูอวี่พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ

ในใจลู่ม่านกระตุก ยังไม่รู้ว่าจะทำยังไงดีก็ได้ยินเสียงโจรข้างหน้าพูดขึ้นว่า “รู้ตัวที่เอาเงินทองทิ้งไว้”

ลู่ม่านมองดูลูกที่นอนหลับอยู่ในอ้อมอก แล้วพูดกับหรูอวี่ว่า “เอาเงินให้พวกเขาไป”

หรูอวี่ก็รู้ เวลานี้ ปกป้องลูกสำคัญที่สุด จึงพยักหัว เอาเงินบนรถโยนออกไปให้หนึ่งถุง

แต่เมื่อเปิดม่าน โจรพวกนั้นก็หัวเราะ พร้อมพูดขึ้นว่า

“โอ้โย้ บนรถมีสาวงามด้วย เห็นทีวันนี้พวกเราโชคดีนะเนี่ย”

“ข้าก็ว่าแหละ คนที่รถแปลกประหลาดแบบนี้ จะต้องไม่ใช่ครอบครัวคนธรรมดาแน่ เชื่อฟังข้าไม่ผิดใช่ไหมล่ะ?” คนคนหนึ่งพูดขึ้นมา

ลู่ม่านค่อยรู้ว่า ที่เกิดเรื่องในวันนี้เป็นเพราะรถเข็นที่นางเตรียมให้กับพวกลูกนี่เอง นางคิดว่า แม่ทัพเฉียนคนนั้นจับพวกโจรได้แล้ว บ้านเมืองก็สงบสุขแล้ว

แต่นางลืมไปแล้ว ยุคแห่งความโกลาหลแบบนี้ ที่ไหนยังจะมีความสงบ? ในอำเภอเฟิงหนานนี้ เดิมก็มีกลุ่มคนคิดไม่ซื่ออยู่แล้วไม่น้อย

ในขณะที่กำลังคิดอยู่ คนพวกนั้นก็ลงมือโจมตีมาที่รถแล้ว

หรูอวี่ได้ยินคำพูดหยาบคายของพวกเขาแล้วก็โกรธโมโหขึ้นมา

“บังอาจ หากยังพูดจาไปเรื่อย ข้าจะฉีกปากของเจ้า”

“โย้ ยังเป็นสาวเผ็ดร้อน ดูแล้วก็ไม่เลว เราเอากลับไปทั้งคันเถอะ เอาเด็กไปขาย ผู้ใหญ่เก็บไว้ใช้”

หรูอวี่โกรธจัด ยังไม่รอให้คนคนนั้นพูดจบก็ชักดาบออกมา โชคดีที่บนรถมีดาบไว้ตลอด

หรูอวี่คนเดียวรับมือกับชายฉกรรจ์ถึงเจ็ดแปดคน ดูยังไงหรูอวี่ก็เสียเปรียบ ลู่ม่านรีบเอาลูกยกให้กับเหอเย่ว พร้อมพูดขึ้นว่า “ดูแลลูกให้ดี หากมีโอกาสให้วิ่งหนีไป”

พูดเสร็จ เหอเย่วยังไม่ทันได้สติหลับมา ลู่ม่านก็ออกไปแล้ว

นางใช้ดาบไม่เป็น แต่นางเคยเรียนเทควันโด ซึ่งก็สามารถใช้ได้ เดิมโจรพวกนั้นก็เป็นคนอพยพ ดังนั้นในมือจึงไม่มีอาวุธอะไร มาถึงก็ถูกลู่ม่านล้มไปสองคน

เห็นลู่ม่านมีฝีมือการต่อสู้ คนพวกนั้นก็ค่อยตื่นเต้นขึ้นมา

ยังไงก็เป็นผู้ชาย เมื่อพวกเขาตั้งใจ ลู่ม่านก็ค่อยๆหมดแรงลง ทางด้านหรูอวี่ก็เหมือนกัน ไม่ช้าก็สู้แทบไม่ไหวแล้ว

ผู้ชายพวกนั้นเห็นแล้วก็ฮึดสู้ ควบคุมตัวลู่ม่านกับหรูอวี่ไว้ได้ ลู่ม่านกำลังครุ่นคิดอยู่ในใจว่าจะเอาตัวรอดยังไง ด้านหลังก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้น

“งั้นก็ดี” แม่ทัพเฉียนพูดเสร็จ ก็หันตัวเตรียมจะจากไป

ลู่ม่านรู้สึกได้ถึงพวกคนที่อยู่ด้านหลัง ต่างโล่งอกอย่างเห็นได้ชัด แต่นางกลับยิ่งตื่นเต้นขึ้นมา หากแม่ทัพเฉียนไปแล้ว โจรพวกนี้ไม่ปล่อยพวกนางไปแน่

งั้นนางลองเสี่ยงสักตั้งดีกว่า

คิดได้แบบนี้ นางจึงตะโกนพูดขึ้นมาว่า “แม่ทัพ”

คนที่อยู่ด้านหลังคว้าบีบแขนของนาง นางกลั้นหายใจอดทนไว้

แม่ทัพเฉียนหันกลับมามองนางแวบหนึ่ง ฟ้ามืดมาก จึงไม่รู้ว่าเขาจะจำตนเองได้ไหม แต่เวลานี้ลู่ม่านไม่สนใจแล้ว จึงพูดขึ้นว่า

“แม่ทัพรู้จักหลี่กุยเหนียนไหม?”

เมื่อถามออกไปเช่นนี้ ทุกคนต่างก็อึ้ง ไม่รู้เลยว่าลู่ม่านหมายความว่าอย่างไร

ลู่ม่านก็ไม่รู้ว่าแม่ทัพเฉียนคนนั้นจะเข้าใจไหม นางหวังเพียงว่าเขาจะเข้าใจ แต่ในทางกลับกัน เมื่อลู่ม่านพูดเสร็จ แม่ทัพเฉียนก็ส่ายหัว

“คนที่ฮูหยินพูดถึง ข้าไม่รู้จัก” พูดเสร็จ เขาก็โดดขึ้นควบขี่ม้าจากไป

คนที่อยู่ด้านหลังเห็นเขาไปแล้วค่อยใช้เท้าแตะขาลู่ม่าน พร้อมพูดขึ้นว่า “เมื่อกี้ที่เจ้าพูดหมายความว่าอย่างไร?”

ลู่ม่านกัดฟันเงียบ คนพวกนั้นพูดขึ้นมาอย่างโกรธจัดว่า “อย่าคิดว่าพวกเราไม่รู้ ยังไงเจ้าก็ต้องแอบสื่อถึงอะไรบางอย่างแน่ โชคดีที่คนคนนั้นไม่รู้ รอเขาไปแล้วข้าค่อยจัดการเจ้า”

พูดเสร็จ พวกเขาก็จับตัวลู่ม่านกับหรูอวี่ขึ้นไปบนรถ

เห็นคนทั้งรถกับเงินทอง โจรพวกนั้นพูดขึ้นมาอย่างดีใจว่า “ครั้งนี้พวกเรารวยเละแล้ว”

เพิ่งพูดเสร็จ ข้างหลังก็มีเสียงแหบถามกลับว่า “ใช่หรือ?”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ชีวิตบ้านนาของแม่นางลู่ม่าน