ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 11

ทุกคนต่างก็เยาะเย้ย บางคนก็พูดลับหลัง แถมใช้พูดคำพูดที่รุนแรง พยายามบีบบังคับให้เซียนเฉวียนสารภาพ

จิตใจของเซียวเฉวียนสงบมาก มันน่าตลกจริงๆ เซียวเฉวียนไม่ได้แพ้สักหน่อย บทกลอนของเย่วเฟ่ยเป็นที่เลื่องลือ ทำไมเขาต้องยอมแพ้ด้วย

นักวิชาการของต้าเว่ยคิดว่าตัวเองสูงส่ง ถ้าเขาไม่ได้ใช้บทกลอนเพื่อเตือนพวกเขาไว้สักพัก เขาคงเสียใจสำหรับวัฒนธรรมของจีนที่สำคัญและมีมายาวนานแบบนี้

พอเห็นความวุ่นวายแบบนี้ ของฝูงชน จูเหิ่งขยับพัดของเขา ข่าวลือพวกนี้อาจทำให้เกิดการเข้าใจผิดได้

อย่างน้อยเซียวเฉวียนรู้ว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ตอนนี้เขาก้มหัวแล้วยอมรับความพ่ายแพ้เพื่อที่จะให้เรื่องวันนี้จบลง นักวิชาการทั้งหลายที่มองดูกันมากมายขนาดนี้ ขนาดเซียวเฉวียนยังไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา

ในขณะนี้ ระฆังก็ดังขึ้นสามครั้ง เป็นเสียงที่ชัดเจนและไพเราะ

เห็นแต่หญิงสาวที่เป็นคนบันทึกบทกลอนยืนขึ้น และพูดด้วยความตื้นเต้นว่า "ข้าไหว้ท่านตงฟางซู"

กลุ่มนักวิชาการต่างก็ตกใจ และทำความเคารพพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย “กราบท่านตงฟางซู”

หอจื้ออี้อยู่ภายใต้การควบคุมของผู้หญิงคนนี้ตลอด ตำแหน่งของเธอคือหนึ่งในสามภายใต้ของผู้ตรวจการราชสำนัก

ตำแหน่งของฟางซูมีหน้าที่ดูแลแฟ้ม หนังสือและเอกสารต่างๆ ของต้าเว่ยที่มาจากการรายงานโดยรัฐบาลท้องถิ่น

เจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนใหม่ของต้าเว่ย ได้ยินมาว่าเจ้าหน้าที่คนนี้มาจากฝั่งตะวันตก จากต่างแดนมาที่ต้าเว่ย ตอนที่เธออยู่นั้นเธอเป็นคนที่น่ายกย่องและฉลาดมากๆ

เพื่อความสะดวกของต้าเว่ย ฮ่องเต้จึงให้ใช้นามสกุลเหมือนกัน เพื่อสอนลูกหลานของฮ่องเต้ให้รู้เกี่ยวกับฝั่งตะวันตก และดูแลห้องโถงกวนจือไปด้วย

ทุกคนจะรู้แค่นามสกุลฟางของเธอ แต่จะไม่มีใครรู้ชื่อจริงของเธอ และทุกคนเรียกเธอว่าตงฟางชู

ตงฟางซูเป็นคนที่มาจากต่างแดน ไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรใดกับฮ่องเต้เลย แค่จงรักภักดีต่อฮ่องเต้เท่านั้น และเอกสารที่อยู่ในความดูแลของเธอต้องส่งไปที่เบื้องบนเท่านั้น เพราะฉะนั้นคนในเมืองจะให้เกียร์ติเธอเป็นพิเศษ

แต่ว่าคนนี้จะไม่ค่อยออกมาให้เห็นเท่าไหร่ วันนี้ที่ได้ออกมาก็เพราะว่าคนในหอจืออี้มีเสียงวุ่นวาย ดังนั้นจึงออกมาดู

ตงฟางซูเป็นคนที่เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม เธอสวมหน้ากาก ทำให้คนภายนอกมองไม่เห็นรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเธอ แต่เธอมีใบหน้าที่สวยและดูเย็นชา และลักษณะท่าทางของเธอทำให้คนอื่นไม่กล้าดูหมิ่น

จูเหิ่งรู้สึกภูมิใจมาก เรื่องแบบนี้ยังสามารถทำให้ออกมาได้ อย่าได้พูดถึงสถานะตอนนี้ของเซียวเฉวียนเลย กลัวว่าพรุ่งนี้ที่ราชสำนักจะได้เห็นเรื่องตลกของเขา

พอตงฟางซูออกมา เธอก็มองไปที่เซียวเฉวียน บทกวีของเซียวเฉวียนเมื่อสักครู่นี้ มีการประดิษฐ์ตัวอักษรที่งดงาม ดูเฉียบแหลมและมีพลัง พอเธอชื่นชมแบบนี้แล้วก็ยิ่งมีความสงสัยเข้าไปอีก

อยากจะรู้ว่าคนเก่งคนนี้จะหน้าตาเป็นอย่างไร

พอได้เห็น ท่าทางภายนอกของเซียวเฉวียนนั้นดูดีมากและสูงพอๆ กับต้นไม้ไผ่ อีกอย่างแท้จริงแล้วเขามีจิตวิญญาณแห่งบทกลอนในตัวเขา

ทางด้านหลังของเธอ มีผู้หญิงหลายคนนี้เอาแผ่นหยกออกมาห้าอัน แต่ละแผ่นมีชื่อเขียนอยู่ประมาณสิบชื่อ

พอตงฟางซูมองไปที่เซียวเฉวียน ดวงตาที่เย็นชาก็อ่อนโยนลง จากนั้นเธอก็ทักทายว่า "คุณชายเซียว ตอนนี้นักวิชาการไม่พอใจเป็นอย่างมาก เจ้าหน้าที่ตัดสินแล้วให้แต่งอีกรอบ แต่ไม่รู้ว่าคุณชายเซียวจะเห็นด้วยหรือไม่?"

ทุกคนอยู่ในความตะลึง เห็นได้ชัดว่ากำลังเข้าข้างเซียวเฉวียน

สำหรับเวทีของการแต่งบทกลอนแห่งนี้ ไม่เคยมีอะไรแบบนี้เคยเกิดขึ้นมาก่อน!

"ตงฟางซู เขาเป็นคนที่ชอบเกาะผู้หญิงกิน! เขาจะมาเป็นแบบอย่างให้กับหอจืออี้ได้อย่างไรกัน"

ตงฟางซูกลอกตาใส่ และไม่ได้พูดอะไร จนคนที่พูดเมื่อกี้ต้องรีบปิดปากตัวเอง นักวิชาการยิ่งไม่กล้าพูดอะไรเลย

จิตใจของเซียวเฉวียนสัมผัสได้ ผู้หญิงคนนี้เป็นคนที่ยุติธรรมมากๆ และคนพวกนี้ก็เทียบกับเธอไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

เซียวเฉวียนพยักหน้าอย่างใจเย็น และตอบกลับไปว่า "คนอย่างเซียวเฉวียนสามารถแข่งได้อีกรอบไม่มีปัญหา เพื่อไม่ให้ฟางซูและหอจื้ออี้เดือดร้อน"

จริงๆ เขาสามารถเดินออกมาก็ได้ แต่ด้วยความไม่อยากรังแกจูเหิ่ง เผลอๆ จูเหิ่งที่ชอบการยอมแพ้นี้เกิดโกรธแล้วร้องไห้ขาดใจตายขึ้นมา ซึ่งนั้นไม่ใช่สิ่งที่สุภาพบุรุษเขาทำกัน

ก่อนที่ธูปกำลังจะถึงครึ่งก้าน ดวงตาของจูเหิ่งก็เบิกกว้าง ทุกคนต่างก็ลุ้น จูเหิ่งคิดออกแล้ว ดูอย่างคนที่ไม่ความสามารถอย่างเซียวเฉวียนสิ แค่ประโยคแรกก็ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำ!

เห็นแค่จูเหิ่งมองไปที่เซียวเฉวียน จากนั้นก็โค้งตัวให้ตงฟางซู และยืนอยู่บนเวที

"พระโพธิสัตว์ในเทศกาลเช็งเม้ง

เทศกาลเช็งเม้งในฤดูใบไม้ผลิที่กำลังใกล้เข้ามา หญิงสาวที่เหมือนเทพเจ้ามีท่าทางที่อ่อนโยนและสวยงาม และชายหนุ่มรูปหล่อ หากไม่มีสิ่งนี้ทุกอย่างที่นี่ก็ไร้ประโยชน์

เธอสวมเสื้อผ้าลายปักที่บางเบาราวกับปีจักจั่น เขาตกหลุมรักหญิงสาวคนนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น และหญิงสาวคนนี้ทำไมถึงจากไป? เป็นเพราะความเขินอายของเธอตั้งหากแต่เธอก็มองกลับมาหาเขาอย่างเสน่หา"

ประโยคนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับเทศกาลเช็งเม้ง สาวสวยที่กำลังเข้ามา ชายหนุ่มที่หลงเสน่ห์ความสวยของสาวสวย ตั้งใจหยอดคำพูดหวานและเอาใจใส่

ประโยคของการขึ้นลงของบทกลอน มีชั้นเชิงและน่าสนใจ ทำให้รู้สึกว่าจิตวิญญาณของวัยเยาว์มันมีอยู่จริง

ขณะที่ท่องบทกลอน สายตาของจูเหิ่งมองไปที่ฉินซูโหรว มันทำให้ฉินซูโหรวเขินจนหน้าแดง

สายตาของเซียวเฉวียนดูเย็นชาสงบ ดีจริงๆ ฉินซูโหรวก็ไม่เลวจริงๆ!

ที่นี่มันที่สาธารณะเลยนะ!

"ดี!" พวกนักวิชาการพากันปรบมือ และพวกสาวๆ ก็พากันหน้าแดง เหมือนกับว่าจูเหิ่งกำลังสารภาพรักให้กับพวกเธอ

ในเวลาอันสั้นแบบนี้ สามารถเขียนกลอนได้ธรรมชาติแบบนี้ออกมาได้ ถือว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองหลวง!

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย