ซูเปอร์ลูกเขย นิยาย บท 66

เซียวเฉวียนกำลังเช็ดมือที่หนักอึ้งของเขา ภายใต้แรงกระแทกทำให้มือชาจนปวด แต่ต่อหน้าตระกูลฉิน เขาต้องซ่อนความเจ็บปวดไว้ เขายืนด้วยท่าทีสบายๆ ต่อหน้าฉินซูโหรวและตอนนี้กลิ่นอายของความโกรธเคืองก็หายไปอย่างสมบูรณ์

ในชั่วพริบตา เซียวเฉวียนกลับหัวเราะเยาะอย่างคนไร้สติ "คุณหนูฉิน ครั้งต่อไปที่คุณหนูโกรธ ต้องโจมตีคนที่เหมาะสมกับคุณหนู และสถานการณ์ที่คุณหนูกำลังเผชิญในวันนี้เกิดจากสุภาพบุรุษของคุณหนู...นายน้อยจู"

ฉินซูโหรวต้องการหาช่องโหว่ของเขาแต่เซียวเฉวียนไม่แม้แต่จะเปิดเผยให้รู้ ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ ฉินซูโหรวจะดูไร้ยางอายหรือไม่?

เขาเย้ยหยันและมองร่างกายที่บอบบางของฉินซูโหรวตั้งแต่หัวจรดเท้า "อย่างที่คุณหนูพูด ถ้าหากข้าเป็นคนที่มีความประพฤติไม่ดี เช่นนั้น ข้าคงปิดปากเงียบเหมือนนายน้อยจูและทำให้ชื่อเสียงของคุณหนูฉินเสียหาย แต่..."

"อะไร?" เซียวเฉวียนเห็นนางตกใจจนไม่รู้จะวางมือวางเท้ายังไง

เซียวเฉวียนจงใจยิ้มออกมาเพื่อให้ฉินซูโหรวประหม่า "ถ้าปีนขึ้นไปบนเตียงของหญิงสาว ขยับมือ ขยับเท้า อีกทั้งยัง..."

“หยุดเดี๋ยวนี้นะ เจ้ามันไร้ยางอาย!” ฉินซูโหรวตะโกนออกมาพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ ทั้งที่พี่น้องของตระกูลฉินยังอยู่ เขากลับมาพูดจาเช่นนี้

ไร้ยางอายสิ้นดี!

“ถ้าข้าต้องการมาที่เตียงของภรรยาข้า มันไร้ยางอายตรงไหนอย่างนั้นหรือ?” เซียวเฉวียนหัวเราะ เลิกคิ้วขึ้นพร้อมกับแสยะยิ้ม และเตือนฉินชูโหรวด้วยเสียงทุ้ม “ในฐานะลูกสะใภ้ของตระกูลเซียว หากเจ้ากล้าทำให้ตระกูลเซียวเสื่อมเสียชื่อเสียง เจ้าจะได้รู้ว่าคนไร้ยางอายที่แท้จริงเป็นอย่างไร!!"

“เจ้า! ข้า...” ฉินซูโหรวพูดตะกุกตะกัก นางไม่คิดว่าเซียวเฉวียนจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นางไม่สามารถแก้ต่างได้แม้แต่คำเดียว

เซียวเฉวียนโบกแขนเสื้อของเขาและเดินออกไปพร้อมกับไป๋ฉี่ ทิ้งฉินซูโหรวที่ก้มหน้าร้องไห้ไว้ข้างหลัง ฉินเฟิงทั้งโกรธและสับสน เนื่องจากจูเหิงทายาทผู้สง่างามของตระกูลจูเกิดเรื่องขึ้นในวันสอบขุนนาง...

"ท่านพี่..." ฉินซูโหรวร้องไห้ด้วยความเสียใจ

"อย่าร้องไห้ ข้าพูดก่อนหน้านี้แล้ว ว่าการที่จูเหิงมาที่จวนฉินทุกวันไม่ใช่เรื่องที่เหมาะสม" ฉินเฟิงจับแขนของนาง ตอนนี้เซียวเฉวียนยังไม่ได้เอาจริง เขาเพียงเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้น

เขาจ้องที่บาดแผลอย่างเหม่อลอย เซียวเฉวียนผู้เย่อหยิ่งทำการอย่างรอบครอบ

“ท่านพี่ ตอนนี้นายน้อยจูอยู่ในคุก จะเกิดอะไรขึ้นกับเขาหรือไม่ ท่านพี่ช่วยเขาด้วย” ฉินซูโหรวถามด้วยดวงตาสีแดงก่ำ

"พี่สาว!" ฉินหนานไม่สามารถทนได้อีกต่อไป และพูดอย่างกังวลว่า "ท่านคิดว่าพี่เขยทำร้ายชื่อเสียงของท่าน ท่านจึงต้องการฆ่าพี่เขย ตอนนี้ท่านรู้แล้วว่าคนที่ทำคือจูเหิง ทำไมท่านยังต้องการปกป้องเขาอยู่อีก?”

"ข้ามีเหตุผลของข้า!" ฉินชูโหรวตะโกนเสียงดังพร้อมใบหน้าที่แดงก่ำ พรสวรรค์ของจูเหิงและเซียวเฉวียนนั้นเท่าเทียมกัน นางทนไม่ได้ที่จะเห็นเขาถูกประนีประนอมด้วยสิ่งนี้ บทกวีที่จูเหิงท่องในวันนั้น จับใจของนางยากที่จะเสื่อมคลาย นางรู้ว่ามันผิดต่อเซียวเฉวียน แต่นางไม่ได้สนใจ

"พอเถอะ กลับจวนแล้วค่อยว่ากันอีกที! เรื่องนี้มันไม่จบง่ายหรอก!"

ฉินเฟิงส่ายหัว เขาทำงานในราชสำนัก ทุ่มเทเวลาในกับกิจการของราชสำนักเป็นอย่างมาก เขาจึงไม่เคยเข้าใจในตัวฉินซูโหรวที่มีความรักเหมือนเด็กเล่นขายของ อีกทั้งเซียวเฉวียนก็ยังทำตัวอวดเก่งเช่นนี้ เกรงว่าจะมีคนคอยชี้นำอยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่ง่ายที่จะจัดการ

คนที่จะสนับสนุนเซียวเฉวียนได้ คงต้องเป็นคนที่มีอำนาจอยู่ในระดับสูง

ฉินเฟิงคิดยังไงก็คิดไม่ออกและไม่กล้าที่จะล่วงเกินไปถึงองค์ฮ่องเต้ปัจจุบัน

ไม่ใช่แค่ฉินเฟิง ไม่ว่าใครก็ไม่กล้าล่วงเกิน จริงอยู่ที่เซียวเฉวียนมีความสามารถ แต่เพียงพอต่อการสนับสนุนอย่างนั้นหรือ?

พระองค์พระราชทานรางวัลบางอย่างแก่เขาซึ่งเป็นเรื่องปกติที่ต้องพระราชทานให้แก่บัณฑิต เมื่อครั้งที่ซ่งเฉียนเวิ่นถูกสังหาร พระองค์พระราชทานกระถางธูปให้เขาเพื่อรำลึกถึงคุณงามความดีกองทัพขอฃตระกูลเซียวทั้ง 50,000 นาย

เซียวเฉวียนไม่มีใครให้พึ่งพา เขาเคยไปที่หอจืออี้ ซึ่งทุกคนสามารถไปที่นั้นได้ และไม่เคยมีใครเห็นเขาสมรู้ร่วมคิดกับเจ้าหน้าระดับสูงเลย

อี้กุยหัวหน้าของศาลาคุนหวูเอง แม้จะชื่นชมเขา แต่ก็ไม่ได้มีอำนาจมากพอที่จะปกป้องเขาได้

เป็นเรื่องยากที่จะเดาได้ว่าตระกูลขุนนางไหนที่ให้ท้ายเขาอยู่ เขาจึงสามารถทำตัวเช่นนี้ได้

แม้แต่ฮ่องเต้เองก็ไม่คาดคิดว่าเซียวเฉวียนจะเข้าใจสิ่งที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ และเซียวเฉวียนก็ไม่เคยเข้าเฝ้าฮ่องเต้มาก่อน หรือเขาอ่านเรื่องราวประวัติศาสตร์มากไปจนเข้าใจสิ่งต่างๆที่ฮ่องเต้พระราชทานให้?

ประการแรก องค์หญิงไม่ชอบพระราชวังที่น่าเบื่อ

ประการที่สอง ฮ่องเต้มักจะพูดคุยเกี่ยวกับการเลือกพระสวามีให้กับองค์หญิง และนางก็พยายามหลีกเลี่ยงมันทุกครั้ง

องค์หญิงต้าถงเป็นองค์หญิงองค์ที่ 5 ของแคว้นตะวันตก เป็นพระธิดาของราชินีแห่งแคว้นตะวันตก สถานะของนางสูงส่งยิ่งนัก ถ้านางแต่งงานกับคนของต้าเว่ยได้ ทั้งสองประเทศจะมีความสัมพันธ์ที่ดีและพรมแดนระหว่างทั้งสองประเทศจะสงบสุขและมั่นคงไปอีกยาวนาน

แต่องค์หญิงต้าถงมีวิสัยทัศน์ที่สูงส่ง และเหล่าบุตรชายของแต่ละตระกูลในต้าเว่ยก็ไม่มีใครเหมาะสมกับหัวใจของนางแม้แต่คนเดียว

เรื่องนี้ทำให้ฮ่องเต้ต้องปวดหัว

องค์หญิงต้าถงมาที่นี้ไม่ใช่เพื่อการแต่งงาน แต่มาในฐานะทูตเพื่อเชื่อมต่อสัมพันธไมตรี ถ้าฮ่องเต้สามารถแต่งงานกับนางเองได้คงไม่ต้องเป็นกังวลเช่นนี้

คนที่จะได้เแต่งงานกับองค์หญิงต้าถงจะต้องมีเกียรติ แต่ไม่ควรมากเกินไป ถ้านางแต่งงานกับคนจากราชวงศ์ และคนๆ นั้นมีจิตใจที่กบฏ เขาจะต้องเข้าร่วมกองกำลังกับภูมิภาคตะวันตกเพื่อโจมตีต้าเว่ยแน่นอน

และตระกูลที่มีอำนาจทางการทหารไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ ด้วยเหตุผลเดียวกัน

ดังนั้น จะพุ่งเป้าไปที่ราชวงศ์และตระกูลของนายพลไม่ได้ ฮ่องเต้ยังคงคัดเลือกบุตรชายจากตระกูลสูงศักดิ์ แต่องค์หญิงต้าถงก็ยังคงส่ายหัวไปมา

หลังจากพระอาทิตย์ตก มีลมพัดภายนอกพระราชวัง ขันทีหม่าจึงสั่งให้สาวใช้นำเสื้อคลุมตัวใหญ่มาถวาย “ตอนนี้ปลายฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เพื่อป้องกันไม่ให้พระองค์ประชวร โปรดสวมเสื้อคลุมป้องกันลมหนาวนี้เถิด"

“ขอบคุณ ท่านขันทีหม่า” องค์หญิงต้าถงทำความเคารพและสวมเสื้อคลุม

“องค์หญิง เรื่องที่ต้องการกราบทูลคงเป็นเรื่องสำคัญมาก ข้าจะเข้าไปกราบทูลเดี๋ยวนี้” ขันทีหม่ารับรู้ได้ เนื่องจากวันนี้องค์หญิงมาเข้าเฝ้าด้วยพระองค์เอง คงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น

“ไม่จำเป็น” องค์หญิงต้าถงหน้าแดง “ไม่เป็นไร ข้ารอได้”

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ซูเปอร์ลูกเขย