ดวงใจภวินท์ นิยาย บท 796

Amaya Hotel ในวันนี้ไม่ได้ครึกครื้นเอิกเกริกเหมือนแต่ก่อน เพราะเป็นงานเลี้ยงภาครัฐ จึงไม่เหมือนงานเลี้ยงธุรกิจที่ผ่อนคลาย

เสียงเพลงที่ฟังสบายดังขึ้นในห้องจัดเลี้ยง ท่ามกลางการสังสรรค์ ผู้คนในชุดสูทและรองเท้าหนังต่างก็ก้มหน้าก้มตากระซิบกระซาบกัน

ญาธิดากับนิธิศยืนเคียงข้างกัน โดยที่ทั้งสองรักษาระยะห่างไว้ ราวกับยังมีความรู้สึกเหินห่าง ในมือของเธอถือน้ำผลไม้ ทุกคนที่มาชนแก้วต่างถูกนิธิศกันท่า

มีหลายคนที่อยู่ข้างๆ หยอกล้อเยาะเย้ย

“ปกติเห็นคุณนิดไม่เคยคบเพื่อนต่างเพศ ยังคิดว่าเขาเป็นคนบ้างานเสียอีก คิดไม่ถึงว่าหัวใจมีเจ้าของแล้ว” 

“เรื่องของคุณธิดาพวกเราก็พอจะรู้เรื่องมาบ้าง เป็นคนแวดวงไหนก็มักจะอยู่ในแวดวงนั้นจริงๆ พวกท่านสองคนสามารถเป็นเพื่อนกันได้ก็เป็นเรื่องที่สมเหตุสมผล”

“วันนี้เราสามารถเห็นความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจกับภาครัฐ ก็ถือเป็นบุญตาแล้ว คุณนิดกับคุณธิดาหากมีข่าวดีอะไร ก็อย่าลืมพวกเรานะ”

คำพูดหลายคนมีความหมายในการประจบประแจงนิธิศ แม้แต่การนำพวกเขาสองคนเชื่อมโยงกันแล้วมาเป็นหัวข้อสนทนา

ญาธิดาได้ยินคำพูดเหล่านี้แล้วรู้สึกอึดอัดในใจ ยกแก้วขึ้นเชิงขออภัย แล้วชี้นิ้วไปยังพื้นที่พักผ่อนที่อยู่ข้างๆ นิธิศจึงรีบหาเหตุผลให้เธอ และพาเธอไปพักผ่อนข้างๆ 

จนกระทั่งเสร็จสิ้นการสังสรรค์กับกลุ่มคนเหล่านี้อย่างเสแสร้งแล้ว เขาถึงได้กลับมาที่ด้านข้างของญาธิดา “เมื่อกี้ตรงไหนที่พวกเขาเสียมารยาทกับคุณ คุณอย่าได้เก็บนำมาใส่ใจเลยนะครับ ล้วนเป็นคที่คุ้นเคยกับผม ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด”

ญาธิดาพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้ต่อคำพูดจากเขา แต่สีหน้าที่ไม่พอใจนั้นเห็นได้อย่างชัดเจน “เรื่องที่ฉันรับปากกับคุณนิดได้ทำแล้ว คุณไปสังสรรค์กับเพื่อนต่อเถอะค่ะ ไม่ต้องมาดูแลฉันเป็นพิเศษหรอกนะคะ”

นิธิศได้ยินดังนั้น ความไม่พอใจในดวงตาก็จางหายไปในทันที เมื่อมองมาทางเธออีกครั้ง เธอยังคงรักษาความถ่อมตนและท่าทางที่สง่างาม จึงตอบกลับเบาๆ ไปหนึ่งประโยค “หากว่าเจอกับเรื่องที่ยุ่งยาก อย่าลืมเรียกผมนะ”

น้ำเสียงของเขาฟังดูแล้วผ่อนคลายมาก แต่สีหน้าของญาธิดากลับไม่รู้สึกอบอุ่น สายตาของเธอกวาดมองไปรอบๆ จากนั้นก็หยุดอยู่ร่างในชุดสีเหลือง ใต้ดวงตาเป็นประกายขึ้น

ในเวลานี้ ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงยาวสีเหลืองสดใสกำลังรายล้อมไปด้วยสตรีผู้สูงศักดิ์ นอกจากสตรีที่อยู่ตรงกลางมีสีหน้าที่ดูค่อนข้างแย่ สตรีคนอื่นๆ ดูสีหน้าแล้วค่อนข้างไม่เลว

ในสถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครที่กล้าส่งเสียงเอะอะ แต่ใครก็ตามที่มีสายตาที่เฉียบแหลม ก็จะสามารถเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ เพียงแต่ไม่มีใครกล้ายุ่งก็เท่านั้น

ญาธิดาค่อยๆ เดินเข้าไปใกล้ จนได้ยินการสนทนาของคนเหล่าอย่างชัดเจน

“ได้ยินว่าสองสามวันก่อนหน้านี้คุณประวีร์ยังไปอยู่กับดาราดังอยู่เลย ทำไมวันนี้ถึงพาอีแก่นี้ออกงานล่ะ”

“คุณประวีร์ช่างใจดีจังเลย ไม่น่าเชื่อจะยืนหยัดมาถึงตอนนี้โดยไม่หย่ากับเธอ ฉันยังรังเกียจเลยที่พาอีแก่อย่างเธอออกมาให้อับอาย”

“ใครบ้างที่จะไม่รู้ว่าคุณประวีร์ภายนอกนั้นแต่งตัวดูดีมีภูมิฐาน เรื่องการทอดทิ้งภรรยาแบบนี้ แน่นอนว่าไม่มีทางเปิดเผย ไม่แน่พวกเขาสองคนอาจจะหย่ากันตั้งนานแล้วก็ได้”

เมื่อสิ้นสุดเสียงลง ก็มีเสียงหัวเราะเยาะเย้ยตามมา

ญาธิดากำแก้วไวน์ไว้แน่น สูดลมหายใจเข้าลึกและเดินม่ที่ด้านข้างของคุณๆ เหล่านี้ ฝืนยิ้มขึ้นอย่างสดใสแล้วกล่าวเบาๆ “ไม่ทราบว่ากำลังทำอะไรกันอยู่คะ”

กลุ่มสตรีจึงมองมาทางเธอ ใบหน้าของแต่ละคนล้วนมีความระวังไม่มากก็น้อย และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “แล้วนี่เธอเป็นใครกัน”

“ญาธิดา” เธอยกแก้วเหล้าขึ้น แล้วกล่าวต่อ “ภรรยาของภวินท์ สถิรานนท์ค่ะ”

ดังนั้นครั้งนี้ญาธิดาก้าวมาด้านหน้าช่วยคลายวงล้อมอย่างจริงใจ ทัดดาวรู้สึกขอบคุณเธออย่างมาก เมื่อได้ยินคำร้องขอจากเธอแล้วก็รีบพยักหน้ารับปากทันที

“ความจริงแล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรกัน คุณญาธิดาแค่โทรมาก็สามารถจัดการได้แล้ว ไม่เห็นต้องวุ่นวายขนาดนี้เลยค่ะ”

ญาธิดาได้ยินดังนั้นก็ยิ้มเบาๆ “ในเมื่อเป็นการขอร้อง ก็ต้องแสดงความจริงใจสักหน่อย”

ต่อให้ไม่มีเรื่องการตรวจสอบเอกสาร เธอก็จะต้องช่วยทัดดาวอย่างแน่นอน เพราะอย่างไรมันก็เป็นเรื่องเล็กน้อย

นิธิศหลังจากสังสรรค์กับคนรอบข้างแล้ว สายตาก็กวาดมองไปรอบๆ แล้วเห็นเธอนั่งอยู่กับทัดดาว ความดุดันก็ประกายแวบเข้ามาใต้ดวงตา ปลายนิ้วมือได้บีบแก้วไวน์แน่นขึ้น

หางตาเหลือบมองเห็นร่างที่คุ้นเคย ใบหน้าของเขาก็ค่อยๆ ปรากฏรอยยิ้มที่คาดเดาได้ยากขึ้น และจงใจเดินผ่านผู้คนตรงเข้าไปหาญาธิดา

ทัดดาวมองมาที่เขาด้วยสายตาที่สงสัย จากนั้นก็มองญาธิดาแวบหนึ่ง ด้วยท่าทางลังเลอย่างอธิบายไม่ได้ถูก หลังจากที่กล่าวคำทักทายแล้วก็ปล่อยให้เป็นเวลาตามลำพังสำหรับพวกเขาสองคน

รอยยิ้มบนใบหน้าของนิธิศยังคงอ่อนโยน ยกมือขึ้นเพื่อจะช่วยเธอปัดปอยผม

เธอจึงเอียงศีรษะหลบ น้ำเสียงเชิงขอร้องของ นิธิศค่อยๆ ดังขึ้นที่ข้างใบหู “ผมไม่ถือที่คุณใช้ผมเป็นขั้นบันได แต่คนรอบข้างมากมายต่างมองอยู่ อย่าทำให้ผมเสียหน้าได้ไหมครับ”

การกระทำของญาธิดาหยุดชะงัก และพยักหน้าอย่างกล้ำกลืน ปล่อยให้เขาใช้ปลายนิ้วจัดปอยผมให้

วินาทีต่อมา สายตาอันเฉียบคมของผู้คนต่างจ้องตรงมาที่พวกเขาสองคน ญาธิดาอดไม่ไม่ที่จะตัวสั่น สบตากับสายตาเหล่านั้นด้วยตัวที่แข็งทื่อ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์