สีหน้าอ่อนเยาว์ของอีธานที่อยู่ตรงหน้าค่อยๆ ผ่อนปรน เขาเดินก้าวไปด้านหน้าแล้วจับพายุเอาไว้ ใบหน้ายังคงรอยยิ้มไร้เดียงสาที่เด็กควรจะมีเอาไว้
“ลุงยุครับ ธุระที่นี่ผมจัดการเรียบร้อยแล้วนะครับ งานที่เหลือคงต้องรบกวนคุณลุงไปจัดการนะครับ”
พยักหน้าพายุหลังจากที่ได้ยินเช่นนั้น และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สุภาพอย่างเคารพ “คุณหนูไม่ต้องห่วงครับ ผมจะรายงานสถานการณ์ให้กับท่านประธานอีกครั้งครับ”
อีธานส่ายมือ แล้วทำหน้าล้อเลียนใส่เขา “ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนะครับที่จะจัดการผลที่ตามมาของแผนกข้อมูลเครือข่าย ลุงยุอยู่ที่นี่เถอะครับ เดี๋ยวผมไปคุยกับคุณพ่อเอง”
พนักงานของแผนกข้อมูลเครือข่ายฟังการสนทนาระหว่างทั้งสองอย่างประหลาดใจ ทุกคนแสดงสีหน้าที่เหลือเชื่อ เด็กน้อยตรงหน้าที่ช่วยกู้วิกฤตให้พวกเขานั้น คือลูกชายของคุณภวินท์!
อีธานไม่ได้พูดอะไรมากเช่นกัน ก่อนจะจับมือของญาธิดาแล้วยิ้มตาหยีก่อนจะเดินออกจากแผนกข้อมูลเครือข่าย จากนั้นก็เดินเลี้ยวเข้าไปในลิฟต์ส่วนตัวของประธานบริษัท ตรงดิ่งไปยังห้องทำงานของภวินท์
ในขณะนั้นเองภวินท์กำลังจ้องไปบนจอคอมพิวเตอร์ด้วยสายตาจริงจัง เขาไม่ได้แสดงความประหลาดใจที่ลูกชายมาหาเขาอย่างกะทันหัน แต่เขากลับสงบมาก “ลูกรู้เรื่องบริษัทดีจังนะ”
อีธานเบ้ปากเมื่อได้ยินเช่นนั้น แล้วนั่งลงบนโซฟาอย่างเชื่อฟัง น้ำเสียงอ่อนเยาว์นั้นแฝงไปด้วยความไม่พอใจ “คุณพ่อครับ ถ้าผมไม่รู้เรื่องของบริษัท เรื่องวันนี้คงทำให้คุณพ่อปวดหัวไปสักพักเลยนะครับ”
หน้าจอคอมพิวเตอร์ของภวินท์ยังคงแสดงรหัสระบบป้องกันข้อมูลของแผนกข้อมูลเครือข่าย เขาแตะแป้นพิมพ์สองครั้ง ก่อนจะถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้เบาะแสอะไรไหม?”
อีธานหันหน้าหนีและแสร้งมองเขาอย่างไม่เข้าใจ พร้อมกับถามอย่างสงสัยว่า “เบาะแสอะไรเหรอครับ? ผมเป็นเด็กนักเรียนที่เพิ่งจะเข้าโรงเรียนนะครับ คุณพ่ออย่ามาคุยเรื่องปัญหาชั้นสูงแบบนี้กับผมเลยครับ”
“การกระทำเมื่อกี้ของลูกที่ชักจูงคนอื่นได้ ตอนนี้กลับมาเป็นเด็กน้อยที่น่ารักไร้เดียงสาต่อหน้าพ่อเนี่ยนะ?” น้ำเสียงที่ไม่แยแสของภวินท์ดังขึ้นช้าๆ “บริษัทบ้านตัวเอง ก็ต้องเป็นคนกันเองสิ”
“ฝั่งตรงข้ามเตรียมตัวมาอย่างดีครับ ผมตั้งรับไม่ทันนิดหน่อย ณ ตอนนี้ยังไม่พบเบาะแสอะไรครับ” ดวงตาของอีธานหมองลงเล็กน้อย ศีรษะอันเล็กๆ ของเขาก้มลง “ความสามารถของผมยังไม่มากพอ”
“ไม่ใช่ความผิดลูก” ภวินท์พูดชมเขาเสียงเบา “วันนี้ลูกเก่งมาก”
ญาธิดาที่ฟังอยู่นั้นเพิ่งจะจับผิดบางอย่างได้ เธอมองไปยังสองพ่อลูกที่หน้าเหมือนกันยังกับแกะ ก่อนจะถามด้วยความสงสัยว่า “เธอเป็นคนทำเรื่องนี้หรือเปล่า......”
คนที่ถนัดเรื่องการใช้เครือข่ายใต้ดินเพื่อแฮ็กข้อมูล อีกอย่างคนที่มีความสามารถในการป้องกันทางอิเล็กทรอนิกสืก็มีไม่มาก นพเก้าที่เพิ่งออกจากองค์การจึงเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด
อีธานขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม สีหน้าแบบนี้ดูไม่ค่อยเข้ากับ ใบหน้ากลมๆ ที่น่ารักไร้เดียงสาของเขาในตอนนี้สักเท่าไหร่ แต่วินาทีนี้ไม่มีใครสามารถหัวเราะได้
“คุณป้าคนนั้นมีความฉลาดมากพอที่จะคิดแผนแบบนี้ได้ แต่น่าเสียดายนะครับที่เธอไม่ได้มีความสสามารถมากพอ เพราะเรื่องนี้ไปไกลเกินความสามารถของเธอแล้วครับ แต่เรื่องนี้คงมีส่วนเกี่ยวข้องกับเธอ”
ระหว่างที่อีธานพูดนั้นสีหน้าที่สับสนก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เหมือนจะพูดอะไรแต่ก็เก็บคำพูดของตัวเองกลับไปแล้วเหลือบมองญาธิดา ก่อนจะอธิบายออกมาอย่างตะกุกตะกัก
“ผมเฝ้าดูไฟร์วอลล์ของSTN Groupอยู่ตลอด ไม่อย่างนั้นผมคงจัดการเรื่องนี้ในเวลาอันสั้นขนาดนี้ไม่ได้หรอกครับ แต่ฝ่ายตรงข้ามกลับสามารถเจาะไฟร์วอลล์ลึกลงไปทีละชั้นได้แบบนี้ แสดงว่าคนที่อยู่เบื้องหลังนั้นต้องฉลาดมากๆ ครับ”
ญาธิดาได้ยินเช่นนี้ สีหน้าก็แย่ลงกว่าเดิม “ลูกหมายความว่ายังมีฝ่ายอำนาจทางการเมืองที่จ้องSTN Groupอยู่เหรอครับ?”
“ไม่ได้ถูกหมดครับ......” เขาตอบอย่างช้าๆ “คุณแม่เคยคิดไหมครับ คุณป้าคนนั้นอาจจะไปร่วมมือกับศัตรูของบริษัท คนหนึ่งรับหน้าที่หาทรัพยากรและคอนเนคชั่น ส่วนอีกคนหนึ่งเป็นคนคิดแผนหรือแม้กระทั่งเป็นคนลงมือเอง”
จากนั้นเสียงแจ้งเตือนก็ได้ดับลง หน้าจอคอมพิวเตอร์ดับลง เสียงคลื่นวิทยุดังออกมาจากลำโพงเป็นช่วงๆ รวมไปถึงเสียงสู้ที่น่ารำคาญ
ญาธิดาที่กำลังจะก้าวเดินหน้าเพื่อถามว่าเกิดอะไรขึ้นนั้น อีธานที่อ่านความคิดของเธอออก รีบคว้าข้อมือของเธอเอาไว้อย่างรวดเร็ว นิ้วชี้เล็กๆ ของเขาแตะลงกลางริมฝีปาก ทำท่าเป็นการบอกให้เธอเงียบ จากนั้นก็ชี้ไปที่หูของเธอ
เธอเม้มปากไม่ได้พูดอะไร ย่อตัวลงแล้วเข้าใกล้อีธาน ความสงสัยในใจก่อตัวมากขึ้น อีธานเอนตัวแนบหูของเธอเบาๆ
เขาลดเสียงให้เล็กลงแล้วพูดอธิบาย “ผมไม่รู้ว่าคุณพ่อกำลังแฮ็กเครื่องมือสื่อสารใครอยู่ เวลนี้เราอย่าเสียงดังกันจะดีกว่าครับ ไม่งั้นคนของเราอาจจะถูกจับได้ครับ”
เพียงไม่นานเสียงของเขาก็ถูกกลบด้วยเสียงสู้ที่ดังออกมาจากลำโพงอย่างเสียงดัง ญาธิดาเงยหน้ามองหน้ากลมๆ เหมือนซาลาเปาของลูกชายตรงหน้า หัวใจของเธอก็จมดิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ
ozone ภวินท์ อีธาน พวกเขาเป็นคนใกล้เอื้อมของเธอทั้งนั้น แต่เธอกลับรู้สึกห่างเหินมาก รู้สึกถึงขั้นที่ว่าพวกเธอไม่ได้อยู่ในโลกเดียวกัน
พวกเขาเหมือนกับมีเรื่องเกี่ยวข้องกัน มีความลับอะไรกัน เธอไม่เคยรู้เลยสักนิด เหมือนกับเธอใช้ชีวิตอยู่ในกรงนก
พอคิดได้เท่านี้ ในใจของเธอก็รู้สึกหนาวขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล ทำให้เธอรู้สึกหนาวจนเข้ากระดูก
ไม่ทันที่เธอได้พูดอะไรต่อ เสียงเคร่งขรึมของภวินท์ก็ดังขึ้น “หลุยส์ รายงานสถานการณ์!”
“ผู้ให้ข้อมูลที่ต่างแดนเปิดเผยแล้ว ช่วงเช้าตอนตีสี่คนที่ozoneถูกจับตัวไป ตอนนี้ยังไม่ทราบตำแหน่งที่ชัดเจนของจรณ์ พวกเรากำลังหาวิธีจู่โจม จบการรายงาน” เสียงของหลุยส์ขาดๆ หายๆ เสียงหอบหนักส่งผ่านไมโครโฟนอย่างดัง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ดวงใจภวินท์
อ่านไปด่าไปแม่งนางเอกโคตรโง่พระเอกพูดดีด้วยนิดหน่อยก็หายโกรธยอมโง่ให้หลอกใช้...
รำคาญนิสัยนางเอกโคตรอ่อนแอแล้วยอมคน โดนกระทำมาสารพัดแต่ยอมอภัยให้ง่ายๆ...
<script>alert()</script>...