เธอขึ้นมาที่ชั้นบนอย่างไร้เรี่ยวแรง เซินจือชูหยิบกุญแจออกมาแล้วเลี้ยวซ้ายเดินมาได้ครึ่งทางก็เปิดประตู เมื่อสัมผัสได้ถึงบรรยากาศภายในห้องที่แตกต่างออกไปจากปกติเธอก็ตื่นตัวทันที
เมื่อเอาหูแนบประตูฟัง ก็ได้ยินเสียงคนโทรศัพท์ข้างในห้อง
หลี่จิงเซินกลับมา
เธอควรบอกเขาเรื่องที่เธอเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารไหม? บอกแล้วเขาจะเป็นห่วงเธอบ้างไหม?
เซินจือชูถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขณะที่ในหัวกำลังคิดอยู่ประตูก็ถูกเธอผลักให้เปิด จากนั้นเธอก็เห็นหลี่จิงเซินที่เดินออกมาต้อนรับพร้อมกับมองหน้าเธอด้วยความโมโห
“ไปแรดที่ไหนมาล่ะ? เธอแหกตาดูสิว่าฉันโทรหาเธอไปตั้งกี่สาย!”
ไปแรด? ถ้าการที่เธอไปโรงพยาบาลเพื่อตรวจเลือดกับส่องกล้องมันเรียกว่าว่าไปแรดมันก็คงจะจริง เพราะยังไงแล้วตอนนี้เธอก็เหมือนขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าไปสู่นรกอย่างสมบูรณ์แล้ว
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้เธอก็เริ่มปวดกระบอกตาอีกครั้ง แต่หลี่จิงเซินไม่ได้สังเกตเห็นว่าดวงตาของเซินจือชูนั้นเริ่มแดงแล้ว เขายังคงใช้สายตาต่อว่าเรื่องที่เธอไม่ได้รับสายโทรศัพท์ของเขา
เซินจือชูหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าเขย่าหน้าจอสีดำให้ดูแล้วพูดว่า "แบตเตอรี่หมดน่ะ"
เธอมีโทรศัพท์มือถือทั้งหมด 2 เครื่อง เครื่องแรกเอาไว้ใช้ทำงาน ส่วนอีกเครื่องหนึ่งสำหรับรอการติดต่อจากหลี่จิงเซิน สองวันที่ผ่านมาเธอโดนกระเพาะทรมานอย่างรุนแรง เลยลืมชาร์จแบตเตอรี่ถึงได้ทำให้ไม่ได้รับสายของเขาตลอดทาง
“มีเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่าคะ?” คนที่จะทำให้หลี่จิงเซินรีบร้อนถึงขนาดโทรศัพท์หาเธอหลายสายขนาดนี้ ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าทำเพื่อใคร
หลังจากที่เธอคิดถึงเรื่องนี้หลี่จิงเซินก็คว้ามือของเธอแล้วกระชากออกมาข้างนอก "หมิงเยว่ได้รับบาดเจ็บเสียเลือดมาก เธอต้องไปโรงพยาบาลกันฉัน"
เป็นดังคาด ความกังวลใจของเขามีไว้สำหรับเซี่ยหมิงเยว่เท่านั้น
หัวใจของเธอเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
เซี่ยหมิงเยว่มีปัญหาเรื่องการแข็งตัวของเลือดอย่างรุนแรง และกรุ๊ปเลือดของเธอนั้นหายาก และคนที่มีกรุ๊ปเลือดตรงกันกับเธอก็บังเอิญเป็นเซินจือชู
ร่างกายของเซินจือชูเปียกปอนจากฝน ผมยาวราวกับสาหร่ายเปียกราบอยู่ที่หลัง ริมฝีปากขอเธอซีดเผือด มือของเธอก็เย็นเป็นน้ำแข็ง แต่หลี่จิงเซินไม่ได้สังเกตเห็นสิ่งเหล่านี้เลย โรงพยาบาลที่เซี่ยหมิงเยว่พักอยู่นั้นอยู่ใกล้ ๆ แถวนี้ เดินทางแค่สิบนาทีก็ถึงแล้ว แต่หลี่จิงเซินนั้นร้อนใจมาก ๆ เขารีบลากตัวของเซินจือชูไปโยนที่เบาะหลังของรถยนต์
หลี่จิงเซินขับรถอยู่สายตาของเขาจ้องมองไปข้างหน้า พอเขาเหลือบมองกระจกมองหลังโดยบังเอิญ เมื่อมองเห็นใบหน้าที่ขาวซีดของเซินจือชูเข้า
เขาก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว: “ทำไมหน้าซีดอย่างกับผี”
...เพิ่งจะสังเกตนี่เอง
เซินจือชูยกมุมปากของเธออย่างเย้ยหยัน ลำคอของเธอเหมือนมีหวงเหลียนติดอยู่ เธอเปิดหน้าต่างรถและมองไปที่ฝนที่ตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายของเธอแข็งไปหมด ลมหายใจที่ปล่อยออกมาก็กลายเป็นควัน ขนตาของเธอสั่นเล็กน้อย
หลี่จิงเซินเหลือบมองเธออย่างเย็นชา เมื่อเห็นว่าเธอไม่พูดอะไร ความรู้สึกหงุดหงิดก็ผุดขึ้นในใจเขาอย่างไม่มีเหตุผล
เขารู้สึกว่าวันนี้มีบางอย่างผิดปกติกับเซินจือชู
แต่หลังจากคิดดูแล้ว จะเกิดอะไรขึ้นกับเซินจือชูมันก็ไม่เกี่ยวกับเขา สิ่งที่เขาควรให้ความสนใจมากที่สุดตอนนี้คือร่างกายของเซี่ยหมิงเยว่ เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เขาก็เหยียบคันเร่งด้วยเท้าขวาของเขา และรถก็เคลื่อนที่ด้วยความเร็วที่มากกว่าเดิม
ในช่วงเวลาที่ยากลำบากและยากที่สุดที่หลี่จิงเซินต้องการเธอมากที่สุด เธอกลับได้ทีขี่แพะไล่แล้วยังบีบบังคับให้เขาจำยอม
หลี่จิงเซินเกิดในตระกูลหลี่ที่โด่งดัง เขาเกิดมาเหนือกว่าคนอื่น ๆ ที่นิสัยใจคอแบบนี้ก็เป็นเพราะเขาเกิดมาพร้อมกันต้นทุนชีวิต เขาเสพแต่สิ่งที่ดีที่สุด ผู้คนรอบตัวต่างตามใจเขาเอาเขาเป็นศูนย์กลาง และเขาเป็นครั้งแรกที่ ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยได้ยินแม้แต่ประโยคต่อว่าสักคำ นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกข่มขู่บีบบังคับ
เซินจือชูรู้ว่าสิ่งที่หลี่จิงเซินเกลียดที่สุดคือการถูกบังคับให้ทำในสิ่งที่เขาไม่ต้องการทำ ดังนั้นตอนที่เธอเห็นหลี่จิงเซินยอมเซ็น “สัญญาขายตัว” โดยไร้ซึ่งความลังเล เธอก็รู้ว่าตัวเองแพ้แล้วทันที
เมื่อเห็นว่าเขาสามารถทำเพื่อเซี่ยหมิงเยว่ได้ขนาดนี้ หัวใจของเธอก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด แต่หลังจากนั้นเธอปลอบใจตัวเองมาตลอดว่า แต่งงานกันไปเดี๋ยวก็จะรักกันเองนั่นแหละ ไม่แน่นานไปหลี่จิงเซินอาจจะทำดีกับเธอเหมือนที่ทำกับเซี่ยหมิงเยว่ก็ได้
น่าเสียดายที่ผลกรรมจากสวรรค์ไม่ได้เข้าข้างเธอ เซินจือชูไม่คาดคิดเลยว่า บาปกรรมที่เธอทำไว้มันจะตามทันเร็วขนาดนี้
จู่ ๆ เธอก็ป่วยเป็นมะเร็งโดยไม่ทันตั้งตัว น่าสมน้ำหน้าจริง ๆ !
เมื่อเห็นว่าเข็มเจาะเข้าไปในผิวหนัง เลือดสีแดงก็ค่อย ๆ ไหลออกมา เซินจือชูเจ็บจนหน้าซีดขาวไปหมด มันเจ็บมากจริง ๆ เจ็บมากกว่าตอนที่ส่องกล้องเสียอีก
พยาบาลที่เจาะเลือดไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ผอมบางและอ่อนแอขนาดนี้มาก่อน เธอจ้องมองไปที่ข้อมือสีขาว และถามเสียงเบาว่า "ทนไหวไหมคะ? "
เซินจือชูส่ายหน้าอย่างเวียนหัวและพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "เจาะเลยค่ะ ฉันไม่เป็นไร"
นางพยาบาลเจาะเลือดไปได้แค่ 60% และเธอก็ไม่กล้าทำต่อ มือของเซินจือชูเย็นเกินไป ตอนนี้มันไม่ใช่อุณหภูมิของคนปกติแล้ว
ก่อนที่เซินจือชูจะสลบไป เธอก็ได้ยินประโยคสุดท้ายจากหลี่จิงเซินที่ถามพยาบาลว่า "พอไหม? ถ้าไม่พอก็เจาะต่อเลย"
หลายปีที่ผ่านมา หลี่จิงเซินกลายเป็นคนที่จิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ได้อย่างไร?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้านาย อาชญากรรมของมาดามไม่ได้ถึงตาย