เมื่อเซินจือชูตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ภายในห้องพักผู้ป่วยเหลือเธออยู่เพียงคนเดียว
โทรศัพท์ก็ไม่มีแบตเตอรี่ เซินจือชูไม่รู้ว่าเธอหลับไปนานแค่ไหน พอมองดูท้องฟ้านอกหน้าต่างก็ยังมืดอยู่
เซินจือชูลุกขึ้นสวมรองเท้า หยิบกระเป๋าแล้วเดินออกไป เมื่อเธอผ่านห้องของเซี่ยหมิงเยว่เธอเห็นประตูที่แง้มเอาไว้ เธอก็อดไม่ได้ที่จะหยุดฝีเท้าของตัวเองลง
คนที่พักอยู่ห้องนี้คือเซี่ยหมิงเยว่และคนที่อยู่เป็นเพื่อนเธอก็คือสามีทางนิตินัยของเธอหลี่จิงเซิน
เซี่ยหมิงเยว่มีใบหน้าอ่อนเยาว์ไร้เดียงสา เธอสวมใส่ชุดโรงพยาบาลลายทางขาวฟ้าแต่มันก็ยังไม่สามารถบดบังความสวยสง่างามบริสุทธิ์ ผิวของเธอขาวผ่อง ดวงตาทรงอัลมอนด์คู่นั้นของเธอมันเปล่งประกาย เซินจือชูคิดว่าบางทีหลี่จิงเซินอาจจะชอบความใสซื่อบริสุทธิ์ที่มันออกมาจากภายในของเซี่ยหมิงเยว่ พอเอามาเทียบกับตัวเธอแล้ว เธอเหมือนเป็นนางมารร้ายที่มีจิตใจชั่วร้าย
ความใจดีของหลี่จิงเซินที่มีต่อเซี่ยหมิงเยว่มันทำให้เธออิจฉา พอเห็นนาน ๆ เข้าเธอก็รู้สึกเจ็บปวด
คนที่ไม่รู้จักหลี่จิงเซิน อาจจะคิดว่าเขาเกิดมาพร้อมกับนิสัยเย็นชา แต่เซินจือชูรู้ดี อันที่จริงแล้วเขามอบความอ่อนโยนทั้งหมดให้กับเซี่ยหมิงเยว่ จนไม่เหลือให้ใครอีกแล้ว
แน่นอนว่า... เขาเคยดีกับเธอมาก่อน แต่ตอนนี้มันไม่เหลือแล้วแม้แต่นิดเดียว
ในที่สุด "การแอบดู" ของเธอก็ดึงดูดความสนใจของคนสองคนที่อยู่ข้างใน เซี่ยหมิงเยว่พอเห็นเธอก็ทำตัวสั่นกลายเป็นกระต่ายสีขาวตัวเล็ก ๆ ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังหลี่จิงเซิน
สีหน้าของเธอฉายแววขี้ขลาด ดวงตาแดงก่ำ ราวกับว่าเธอได้เห็นคนชั่วจิตใจเหี้ยมโหด
หลี่จิงเซินตบไหล่เซี่ยหมิงเยว่เบา ๆ และมองมาด้วยสายตาเย็นชา เมื่อเขาเห็นเซินจือชูยืนอยู่ข้างประตู ความรู้สึกหงุดหงิดก็ผุดขึ้นในใจ
ความหงุดหงิดบนใบหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความขยะแขยงอย่างไม่ปิดบัง และเอ่ยตำหนิ: "เธอยืนเป็นผีอยู่ตรงนั้นทำซากอะไร?"
เซินจือชูยืนอยู่ที่ประตูและมองดูคนสองคนที่ตัวติดกันเหมือนกาวอยู่ข้างใน ชั่วขณะหนึ่งมันรู้สึกแทงตาของเธอมาก เธอไม่ได้อยากจะมองมันแต่เธออดไม่ได้ เพราะนั่นคือหลี่จิงเซินที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อน หลี่จิงเซินที่เธอใฝ่ฝัน
ยิ่งมองยิ่งตาพร่ามัว...มันเจ็บมาก เจ็บจนเหมือนใจจะแตกสลาย
หลี่จิงเซินเอาตัวเซี่ยหมิงเยว่ไปหลบอยู่ข้างหลังเขา และจ้องมาที่เธอ เมื่อเห็นใบหน้าที่ซีดขาวไร้เลือดของเซินจือชู ความรู้สึกสับสนก็ผุดขึ้นมาในหัวใจของเขา จากนั้นหัวคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากัน
“ในเมื่อเธอตื่นแล้ว ก็กลับไปซะ”
เซินจือชูลังเลอยู่ครู่หนึ่งและถามด้วยน้ำเสียงแหบพร่า "คืนนี้คุณจะกลับมาไหม? "
เมื่อเห็นสายตาระแวงของหลี่จิงเซิน เซินจือชูก็ขี้เกียจจะอธิบายให้เขาฟัง เธอไม่เข้าใจว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมาเธอทำเรื่องเลวร้ายอะไร ถึงทำให้หลี่จิงเซินระแวงเธออย่างกับระแวงโจร
หัวใจของคนเราก็ทำมาจากเลือดเนื้อ แม้ว่าเธอจะทำให้เขาได้คบกับเซี่ยหมิงเยว่ แต่ในช่วงเวลาสี่ปีของการแต่งงานของพวกเธอ เซินจือชูคอยรับใช้เขาเหมือนเป็นแค่แม่บ้านคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าจะไม่สามารถเป็นครอบครัวเดียวกันและแต่งงานกันอย่างมีความสุขได้ แต่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอก็ไม่เคยถามเกี่ยวกับเรื่องของเขากับเซี่ยหมิงเยว่เลยสักครั้ง
แต่ก่อนหลี่จิงเซินยังมีความหวาดกลัว ยังแอบย่องมาหากัน แต่หลังจากที่ตระกูลเซินตกอับหลุดออกจากอันดับตระกูลเศรษฐี เธอก็ไม่สามารถข่มขู่อะไรหลี่จิงเซินได้อีกเลย
เธอไม่ได้พูดถึงอะไรเกี่ยวกับเขาและเซี่ยหมิงเยว่ แต่ใช่ว่าเธอจะไม่คิดเล็กคิดน้อย? มันจะเป็นไปได้ยังไง?
ตั้งแต่แต่งงานกับหลี่จิงเซิน เซินจือชูก็กลายเป็นคนไม่เหลืออะไร เธอเป็นมะเร็งกระเพาะอาหารและกำลังจะตาย แล้วยังต้องช่วยคนอื่นเพื่อให้มีชีวิตอยู่ ขนาดชีวิตตัวเธอเองก็จะไม่เหลืออยู่แล้ว แต่ใครบ้างที่คิดจะช่วยให้เธอมีชีวิตอยู่ต่อ?
ทันใดนั้นหัวใจของเซินจือชูก็รู้สึกราวกับว่ามันกำลังถูกแทงด้วยเข็มนับพันเล่ม ความเจ็บปวดก็ลามไปทั่วร่างกาย และแม้แต่ปลายนิ้วก็สั่นด้วยความเจ็บปวด
ตอนนั้นเซินจือชูคิดอย่างหัวรั้นว่า แหวนเวลาใส่ไปนาน ๆ มันก็จะพอดีเอง แต่เธอไม่คิดว่าจะใส่จนสุดท้ายแล้วมันจะหลวมหลุดจากนิ้วของเธอเอง
เช่นเดียวกับความสัมพันธ์ของเธอกับหลี่จิงเซิน
เซินจือชูขดตัวท่ามกลางสายฝนที่ตกหนัก ท้องของเธอมันปวดแสบปวดร้อนอย่างรุนแรง เธอรีบปิดปากของเธอและส่งเสียงจะอาเจียน เธอปวดกระบอกตาจนแดงไปหมด น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
ฝนยังคงตกอยู่ และคนที่อยู่เดินบนถนนก็กางร่มขึ้นทีละคน เซินจือชูย่อตัวลงบนพื้นแล้วหยิบแหวนขึ้นมาทาบบนหน้าอกของเธอ รอจนกระทั่งความเจ็บปวดที่ท้องหายไปถึงลุกขึ้นยืน
เธอเหมือนเป็นวิญญาณเร่ร่อนในสายฝน ขณะที่หลุดอยู่ในภวังค์เธอก็ชนคนเข้า พอชนเข้าเธอถึงได้สติและรีบลนลานเอ่ยคำขอโทษ ฝ่ายตรงข้ามเป็นคู่แม่ลูกวัยรุ่น หญิงสาวจูงมือเด็กน้อยและเอ่ยด้วยเสียงอ่อนโยน. "ไม่เป็นไรค่ะ"
เด็กน้อยเงยหน้าขึ้นและมองไปที่ดวงตาแดงก่ำของเซินจือชูและถามเสียงเบาว่า “พี่สาวร้องไห้อยู่เหรอ?”
ผู้หญิงคนนั้นลูบหัวเด็กน้อย และเหลือบมองเซินจือชูอย่างขอโทษ แล้วลากเด็กออกไป
คู่แม่ลูกหันหลังให้กับเธอ เซินจือชูได้ยินเด็กถามแม่ของเขาว่า “ทำไมพี่สาวถึงร้องไห้? พี่เขากลัวจนร้องไห้เหรอครับ?”
“พี่เขาโตเป็นผู้ใหญ่แล้วจะกลัวได้ยังไง...”
เสียงฝนโปรยปราย และเซินจือชูก็เริ่มไม่ได้ยินเสียงของสองแม่ลูกว่าพูดกันว่าอะไร
เซินจือชูกุมท้องของตัวเองเบา ๆ เธอเงยหน้าขึ้นและกลั้นน้ำตาไว้ กลัว? เธอจะไม่กลัวได้ยังไง เธอกลัวเวลาไปโรงพยาบาลคนเดียว กลัวเวลาที่ต้องส่องกล้อง กลัวตอนที่ถูกคุณหมอเรียกเข้าไปในห้องตรวจคนเดียว ยิ่งตอนที่ได้รับผลตรวจว่าป่วยระยะสุดท้ายเธอยิ่งกลัว กลัวจนเหมือนเลือดหยุดไหล มันหนาวเหน็บไปหมดทั้งตัว
แต่สิ่งที่เซินจือชูกลัวมากกว่าคือ การตายเพียงลำพังโดยไม่มีใครอยู่เคียงข้าง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้านาย อาชญากรรมของมาดามไม่ได้ถึงตาย