บทที่ 666 เธอปิดบังจนฉันเจ็บปวดมาก
หนุ่มน้อยอายุประมาณ5ขวบยืนอยู่ตรงนั้น ในมือได้ยกจานผลไม้ไว้ ในจานได้ใส่ผลไม้สีสันต่างๆ แต่นี่ไม่ใช่จุดสำคัญ จุดสำคัญคือแม้ว่าหัวคิ้วและแววตาของหนุ่มน้อยจะซ่อนความรวดเร็วและดุดันอยู่ ไม่ว่าจะเป็นหัวคิ้วและแววตา หรือว่าเป็นจมูกริมฝีปาก นึกไม่ถึงว่าก็ทำให้เย่โม่เซินมีความรู้สึกที่กำลังส่องกระจกประเภทหนึ่งอยู่
หนุ่มน้อยที่อยู่ตรงหน้า ราวกับว่าก็คือตัวเองในรุ่นเล็ก
เหมือนกับว่าหัวใจได้ดึงออกมาแล้วครู่หนึ่ง และได้มองใบหน้านั้นที่คล้ายคลึงกันตรงหน้ากับตัวเองไว้ คาดไม่ถึงว่าสมองจะแฮงค์ไปแล้ว
ตอนที่หนุ่มน้อยเห็นถึงเขา ดูเหมือนว่าก็ได้งุนงงไปแล้วครู่หนึ่ง สายตาที่ดำขมับใสสะอาดเหมือนกับลูกแก้ว ภายใต้สายตาที่สะอาดจนไม่มีสารเจือปนใดๆก็ได้มองออกถึงตอนที่หนุ่มน้อยมองเขาอย่างมีความสับสนงุนงงอยู่หน่อยอย่างรวดเร็ว
แต่เร็วมาก หนุ่มน้อยก็ได้มีท่าทีโต้ตอบเข้ามาแล้ว และเท้าก็ได้ก้าวเท้าทีละก้าวทีละก้าวเดินขึ้นไปด้านหน้า
ทุกก้าวเดินของเขาก็เหมือนกับได้เหยียบอยู่บนก้นบึ้งหัวใจของเย่โม่เซิน
ผู้ชายสูงใหญ่ไม่ได้ค้นพบช่วงเวลานี้ทั้งหมด และคาดไม่ถึงว่าปลายนิ้วของตัวเองจะกำลังสั่น
เสี่ยวหมี่โต้วได้เดินไปถึงตรงหน้าเขาแล้ว และได้เห็นถึงสีหน้าที่เปลี่ยนไปจนขาวซีดของเย่โม่เซินได้สำเร็จ
เชี้ย ทำไมพ่อไม่มีประโยชน์เช่นนี้ล่ะ?
เมื่อได้พบเขา คาดไม่ถึงว่าจะเหมือนกับเห็นผียังไงยังงั้น
แย่แล้ว เขาคงไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นผีจริงๆใช่ไหม?
เสี่ยวหมี่โต้ววางจานอยู่บนโต๊ะ เครื่องกระเบื้องกับหน้าโต๊ะได้ชนสัมผัสกันจนส่งเสียงดังกังวานเบาๆ เสี่ยวหมี่โต้วนำไม้จิ้มฟันกี่อันเสียบไปด้านบนหน้าของผลไม้ หลังจากนั้นก็ได้เงยหัวมองไปทางเย่โม่เซิน
“อยากกินผลไม้ไหม?”
เสี่ยวหมี่โต้วมีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความบ้องแบ๊ว เมื่อมองขึ้นมาแล้วก็ไร้เดียงสากับไม่มีพิษภัยเป็นพิเศษ
ผู้ชายสูงใหญ่ได้คุกเข่าลงมา มือที่มีกระดูกและข้อชัดเจนได้ยกขึ้นช้าๆ และได้ค่อยๆเข้าใกล้ไปทางใบหน้ารูปไข่ที่ขาวนุ่มนวลของเสี่ยวหมี่โต้วไว้
“นาย......”
ใบหน้านี้ ทำไมก็ถึงได้เหมือนกับตัวเองเช่นนั้น? แทบจะคือออกมาจากแม่พิมพ์อันเดียวกัน
ความตื่นเต้นก่อนหน้านี้ก็อยู่ในตอนที่หลังจากได้พบกับใบหน้านี้ตรงหน้า ได้หายสาบสูญไปทั้งหมดแล้ว ที่ยังเหลืออยู่ก็มีเพียงความตื่นตกใจกับความยากที่จะเชื่อได้
“เสี่ยวหมี่โต้ว!”
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งได้ตะโกนส่งเข้ามาเบาๆ ช่วงเวลาแรกหานมู่จื่อแทบจะคือวิ่งลงมาชั้นล่าง เมื่อหลังจากที่มาถึงห้องรับแขกและได้พบก็คือภาพฉากบรรยากาศเช่นนี้
ในมือของคนตัวเล็กได้ถือแอปเปิลและกำลังกินอยู่ อีกด้านหนึ่งยังได้มีเสียงเป๊าะๆส่งออกมา และคนโตคนนั้นก็คือได้โค้งเอวไว้ครึ่งหนึ่ง มือที่สั่นระริกแทบจะใกล้สัมผัสไปบนใบหน้าของเสี่ยวหมี่โต้วแล้ว
ได้......พบหน้ากันแล้วเหรอ?
ริมฝีปากแดงของหานมู่จื่อได้สั่นเบาๆ และรู้สึกว่าในหัวได้ว่างเปล่า
ตอนนี้เธอ......ต้องทำอะไร?
จางเสี่ยวเหยียนเห็นว่าสีหน้าเธอผิดปกติ ดังนั้นมาสก์หน้าบนหน้าก็ยังคงวางอยู่ หลังจากที่ลงมาก็ได้เห็นถึงฉากนี้ ก็ได้ตื่นตกใจจนมาสก์หน้าบนใบหน้าก็จะหล่นลงมาแล้ว
พ่อลูกก็ได้เจอกันเร็วเช่นนี้แล้วเหรอ? ไม่มีสัญญาณแม้แต่น้อย และได้เห็นท่าทางยืนใจลอยอยู่ตรงที่เดิมของหานมู่จื่อ จิตใต้สำนึกของจางเสี่ยวเหยียนให้เดินขึ้นไปด้านหน้า และได้ดึงมือของเธอเอาไว้ นำเธอลากมาถึงทางด้านหนึ่ง
“จางเสี่ยวเหยียน ฉัน......”หานมู่จื่อได้คว้าจับข้อมือของจางเสี่ยวเหยียนไว้อย่างทำอะไรไม่ถูก และสายตาได้มีการเคลื่อนย้ายไปอย่างรวดเร็ว
“ฉันรู้ว่าเธอเคร่งเครียด เพียงแต่ว่าเวลานี้เธอยังคงอย่าขึ้นไปแล้วเถอะ” จางเสี่ยวเหยียนได้ยื่นมือออกไปฉีกมาสก์หน้าบนหน้าทิ้งไปตรงๆ และได้ถอนหายใจไปแล้วฟอดหนึ่งพร้อมทั้งส่งเสียงพูดด้วยน้ำเสียงกดต่ำ: “เสี่ยวหมี่โต้วฉลาดเช่นนั้น น่าจะสามารถรับมือได้ ฉันพาเธอขึ้นไปด้านบนสงบใจสักหน่อย?”
สงบใจหน่อย?
อารมณ์ตอนนี้ของหานมู่จื่อลุ่มลึกเป็นอย่างมาก พูดได้ไม่ชัดเจนว่าคืออะไร ซับซ้อนมาก แต่ก็สงบลงมาไม่ได้จริงๆ
แต่ว่าถ้าเธอขึ้นไปด้านหน้า ก็จะพูดอะไร?
“ไปเถอะ” จางเสี่ยวเหยียนลากหานมู่จื่อขึ้นไปด้านบน ในห้องรับแขกชั้นล่างก็ได้กลับคืนสู่ความสงบแล้ว
ผู้ใหญ่คนหนึ่งเด็กคนหนึ่งยังอยู่ตรงนั้น คนใหญ่ได้มีท่าทางคงสภาพเดิมอยู่ตรงที่เดิม คนเล็กได้มีใบหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่สนใจ ตลอดจนยกมือหยิบผลไม้ยัดเอาไปในปากต่อ
เป็นช่วงเวลาของความเงียบ มือของเย่โม่เซินยังคงตกไปไม่ถึงบนใบหน้าของเขา และได้ค่อยๆเก็บกลับมาแล้ว
“นาย......นายชื่อว่าเสี่ยวหมี่โต้ว?”
เย่โม่เซินเปิดปากช้าๆ เขาได้ยินเสียงของตัวเองยังคงมีความสั่นระริกอยู่
เสี่ยวหมี่โต้วมองเขาไว้ และได้กะพริบตา
รสชาติที่หวานๆเปรี้ยวๆได้นองทั่วอยู่ในช่องปากไปชั่วขณะ และได้กระตุ้นปุ่มสัมผัสรสชาติของเย่โม่เซินมองสายตาของเด็กคนนี้ตรงหน้าไว้ ความคิดในหัวของเขาก็ได้ไหลมาบรรจบกันช้าๆ
เขาช่างเหมือนกับหุ่นยนต์ยังไงยังงั้น การเคลื่อนไหวที่แข็งทื่อในการนำแอปเปิลเคี้ยวจนแตกและกลืนลงไป
“คุณอา อร่อยไหม?” เสี่ยวหมี่โต้วเห็นว่าเขาได้กินแอปเปิลลงไปแล้ว จึงช่วยไม่ได้ที่จะยิ้มตาหยีถามออกมาประโยคหนึ่ง
“คุณอา?”
ลูกตาดำของเย่โม่เซินได้หรี่ขึ้นเล็กน้อย ในน้ำเสียงก็มีร่องรอยของความแหบแห้ง: “ห้ามเรียกคุณอา”
เสี่ยวหมี่โต้วได้หันไปกะพริบตาใส่เขาต่อ และได้กินผลไม้เป๊าะๆต่อ จากนั้นก็ได้ถามเขาด้วยความประหลาดใจ: “ถ้าเช่นนั้นต้องเรียกว่าอะไรล่ะ?”
เย่โม่เซินก็ไม่รีบร้อน และสายตาก็ได้ล็อกแน่นไปอยู่ที่ใบหน้าเล็กๆนี้ไว้ และมือก็ได้ยื่นขึ้นช้าๆไปกุมอยู่บนใบหน้าเล็กๆของเขา หลังจากนั้นก็ได้เคลื่อนย้ายไปทางด้านหลัง ฝ่ามือใหญ่ๆที่สั่นระริกได้นำก้อนเล็กๆตรงหน้ากอดเข้าสู่ในอ้อมอกของตัวเอง
“คุณอา?”
น้ำเสียงของหนุ่มน้อยที่ยิ่งเพิ่มความสงสัยได้ส่งมาจากในหน้าอก
เย่โม่เซินได้หลับตาลง ประมาณว่าแม้แต่ตัวเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกตัว ขากับตาก็ล้วนกำลังสั่นไว้เบาๆ
หลังจากที่มือใหม่ๆได้กดท้ายทอยของหนุ่มน้อย เบ้าตาของเย่โม่เซินก็ร้อนขึ้นเล็กน้อย น้ำเสียงก็ได้หนักแน่นลึกซึ้ง
“อย่าเรียกคุณอา ต้องเรียกว่าพ่อ”
ผู้หญิงที่สมควรตาย! คาดไม่ถึง......ว่าจะปิดบังเขามานานเช่นนี้ มิน่าล่ะ......มิน่าล่ะเธอห้ามไม่ให้ตัวเองไปตรวจสอบเธอ มิน่าล่ะเธอก็ไม่ต้องการให้เขารู้ถึงการมีอยู่ของเด็กคนนี้มาตลอด
มิน่าล่ะทุกครั้งที่เอ่ยถึงเด็กคนนี้ขึ้นเธอก็มีอารมณ์ตื่นเต้น แววตาได้เปล่งประกายระยิบระยับ
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้......
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้!!!
ที่เธอท้องก็คาดไม่ถึงว่าจะเป็นลูกของตัวเอง!
เสี่ยวหมี่โต้วเป็นลูกของเขาเย่โม่เซิน
มู่จื่อ......เธอปิดบังจนฉันเจ็บปวดมาก!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เจ้าสาวมือสองของคุณชายเย่