แสงสว่างที่ส่องเข้ามาจากนอกห้องมากพอที่จะทำให้มองเห็นโครงร่างของเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งภายในห้องได้อย่างชัดเจน และสามารถมองเห็นพวกเขาได้ทั้งคู่
“มี...มีเรื่องอะไรหรอคะ” พันดาวเอ่ยปากถามเขาก่อน
จิตใต้สำนึกเธอรู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายเธอ แต่ความหวาดกลัวในจิตใจกลับไม่อยู่ในการควบคุม เสียงที่เอ่ยพูดจึงสั่นเล็กน้อย
ชายหนุ่มหยุดอยู่ในตำแหน่งที่ห่างไกลจากเธอหนึ่งเมตร คล้ายกับมองไปรอบๆ อย่างละเอียด
“คุณไม่หวังว่าจะได้พบผมหรอ” เนิ่นนานหลังจากนั้น ก็ตอบเธอกลับด้วยน้ำเสียงแหบพร่า
พันดาวอธิบายความรู้สึกซับซ้อนในใจออกมาไม่ได้ เธอรู้สึกว่า กับภาคิน ในใจเธอมีความหวาดกลัว ความละอายใจ และความเห็นอกเห็นใจ “…ไม่ได้หมายความว่าแบบนี้ ฉัน…ฉันแค่ไม่เข้าใจ…”
“อนาคตคุณจะเข้าใจเอง ตอนนี้คุณแค่ต้องจำฐานะของตัวเองเอาไว้ ผมยังไม่ตาย ผมไม่หวังให้ภรรยาตัวเองมีความสัมพันธ์คลุมเครือ หรือไม่ชัดเจนกับผู้ชายคนอื่น”
แผ่นหลังพันดาวเย็นยะเยือก ขนลุกชัน เธอสงสัยว่ามีดวงตาคู่หนึ่งจับตาดูทุกความเคลื่อนไหว และทุกการกระทำของเธอในจุดที่เธอมองไม่เห็นตลอดเวลาใช่หรือไม่
เธอไม่รู้ว่า สิ่งที่ภาคินรู้คือ เรื่องของเธอกับทิศเหนือใช่หรือไม่ เธอไม่กล้าเอ่ยปากพูดอะไร
ครู่หนึ่ง ก็เห็นภาคินหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากด้านในเสื้อผ้า วางลงบนโต๊ะน้ำชา แล้วเอ่ยว่า “ออดี้ สีขาว จอดอยู่ตำแหน่งขวามือสุดของลานจอดรถหมายเลขหนึ่ง อย่าให้ผมเห็นว่าคุณนั่งรถของผู้ชายคนอื่นกลับมาอีก”
พันดาวตาเบิกกว้าง ไม่รอให้เธอมีปฏิกิริยาตอบสนองอะไร ชายหนุ่มก็เคลื่อนเก้าอี้รถเข็น หมุนตัวหายไปในความมืดมิด
ต่อมา ภายในห้องก็กลับคืนสู่ความสว่าง โทรทัศน์ยังคงฉายรายการเมื่อครู่นี้
เธอมองกุญแจรถบนโต๊ะน้ำชา ความรู้สึกสับสนวุ่นวายเล็กน้อย
หรือว่าที่ภาคินพูดว่าเธอมีความสัมพันธ์คลุมเครือกับผู้ชายนั้น พูดถึงคริส ไม่ใช่ทิศเหนือ?
แต่ว่าเธอไม่ได้นั่งรถของคริสแค่ครั้งสองครั้งแล้ว ทำไมภาคินเพิ่งจะมาตักเตือนเธอตอนนี้กัน
ไม่มีเวลาจะสนใจข้อสงสัยที่มากเกินไป แต่ในใจกลับรู้ดีว่า เธอควรจะรักษาระยะห่างกับเพศตรงข้ามทุกคน ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ศิษย์อาจารย์หรือว่าความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน
หยิบกุญแจรถขึ้นมามองครู่หนึ่ง จู่ๆก็รู้สึกเบิกบานใจเล็กน้อย
ตอนเรียนมหาวิทยาลัย เธอก็สอบใบขับขี่แล้ว ก่อนหน้านี้เป็นเพราะเรื่องเงินถึงไม่ได้ซื้อรถ ในภายหลังก็ชินกับการเรียกแท็กซี่หรือนั่งรถเมล์ จึงลืมเรื่องซื้อรถไปเสียสนิท
อีกอย่าง เธอก็ชอบรถออดี้รุ่นนี้มาก ถ้าเปลี่ยนเป็นเธอ เธอต้องตัดใจซื้อไม่ลงแน่นอน
ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่ห้อง แล้วหยิบกุญแจห้องกับกุญแจรถลงไปที่ชั้นล่างอย่างอดใจรอไม่ไหว
พันดาวนิ่งอึ้งไปวินาทีหนึ่ง แล้วยืดหลังตรง เอ่ยขึ้นด้วยความภูมิใจว่า “สามีเป็นคนซื้อให้”
ทิศเหนือแค่นเสียงหัวเราะ คล้ายกับว่ากำลังเยาะเย้ยอะไร พันดาวขมวดคิ้ว ถลึงตาใส่เขา ล๊อคประตูรถ แล้วหมุนตัวเดินตรงไปยังทิศทางของลิฟต์โดยสาร และได้ยินเสียงฝีเท้าของทิศเหนือเดินตามอยู่ข้างหลังเช่นกัน
ตอนที่ใกล้จะถึงลิฟต์โดยสาร พันดาวก็หยุดแล้วหันกลับมาเตรียมถามทิศเหนือว่าตามเธอมาทำไม แต่กลับพบว่าทิศเหนือก้าวเท้ายาวผ่านข้างกายเธอไป โดยไม่ได้มองเธอเลยด้วยซ้ำ เขากดเปิดประตูลิฟต์โดยสาร เข้าไปแล้ว ถึงได้เงยหน้ามองเธอ “จะเข้ามั้ย”
พันดาวขมวดคิ้ว ยืนนิ่งไม่ขยับ ไม่เข้าใจว่าเขาจะทำอะไรกันแน่
คล้ายกับว่าเขาแค่ถามเป็นพิธีประโยคหนึ่ง เอ่ยจบก็กดปิดประตูลิฟต์โดยสารเสียอย่างนั้น
พันดาวขึ้นลิฟต์โดยสารด้านข้าง คิดเพ้อเจ้อ คำนึงถึงความปลอดภัย จึงกดหมายเลข 191 ในโทรศัพท์มือถือ ถ้าหากอีกครู่หนึ่งทิศเหนือทำอะไรจริงๆ เธอจะแจ้งตำรวจ!
“ติ๊ง” ลิฟต์โดยสารถึงชั้นที่เป็นจุดหมาย ประตูค่อยๆ เปิดออก พันดาวยื่นหน้าออกไปมอง ทิศเหนือเดินผ่านหน้าเธอไปพอดี ทำให้เกิดลมเบาๆ ระลอกหนึ่ง ตามมาด้วยกลิ่นน้ำหอมของผู้ชายที่ไม่รู้จักชื่อ
เห็นทิศเหนือเดินจากไปโดยไม่ปรายตามองมา พันดาวก็มองแผ่นหลังของทิศเหนืออย่างไม่เข้าใจ เดิมคิดว่าทิศเหนือจะขวางเธออยู่ที่หน้าประตู
หลังจากตามไป ถึงได้ค้นพบว่า เขายืนอยู่นอกประตูห้องข้างๆ เธอ ก้มหน้าใส่รหัสกับกุญแจรหัส จากนั้นก็เปิดประตูห้อง แล้วเดินเข้าไป
นี่ทำให้พันดาวสับสนวุ่นวายไปชั่วขณะ และรู้สึกประหลาดใจ เขาพักอยู่ห้องข้างๆ เธอ?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เหนือดาวยังมีเรา