เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊ นิยาย บท 101

”เหยาเสินได้มองไปที่เซียวชุ่น และเอ่ยตอบกลับอย่างยิ้มๆ“พวกเราอยากจะลองสักหน่อย ไม่แน่นะว่าอาจจะโชคดีก็ได้”

พูดตามจริงเลยนะ ตอนนี้บริษัทนั้นยังไม่เข้าที่เข้าทางดี ในอนาคตจะเป็นอย่างไรภายในใจเธอนั้นก็ไม่อาจรู้ได้

หลิวหยุนเซียงได้ใจอ่อน เมื่อได้ยินเสิ้นสิ้งเย่พูดดังนี้ก่อนที่เขาจะจ้องเพ่งเล็งมองไปที่เซียวชุ่น เพราะเขากลัวว่าแม้แต่ลูกสาวของเขาก็จะโดนลักไปสะหมด

เมื่อได้ยินเสิ้นสิ้งเย่พูดถึงว่าไม่มีแม้แต่ก้นหลุมลึก เขานั้นก็ได้ร้อนรนขึ้นมา และความรู้สึกดีๆที่สะสมมาตั้งหลายวัน ในตอนนี้ก็สลายหายไปราวกับก้อนเมฆ

แต่ด้วยที่ข้างๆเขานั้นมีแขก เธอจึงพูดเสียงดังไม่ได้ ก่อนที่จะเอ่ยด่าเขาเบาๆด้วยสีหน้าเย็นชา“คุณมันไอตัวซวย ทำอะไรไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง”

พวกคนที่มีฝีมือดีนั้นมองแค่แวบเดียวก็รู้แล้ว

โดยที่ธุรกิจของซิงเหอ คีเอเจอร์นั้นเป็นเพราะสามีที่ไร้ประโยชน์ของเธอเป็นคนเริ่ม และได้มองเซียวชุ่นต่ำลงไปอีก

“พวกคุณมันไม่รู้หรอกว่ามันลึกตื้นหนาบางยังไง พวกเขานั้นได้คลุกคลีอยู่กับศูนย์การค้ามาสิบยี่สิบปียังไม่ค่อยที่จะเข้าใจ คุณมาพูดเบาๆสบายๆว่า ไม่แน่อาจจะโชคดี?” หากเอาพวกของมีค่าลงไปล่ะก็ มันก็ไม่แน่ว่าจะมีผลที่ดีนะ

คนพวกนี้คิดว่าตัวเองเป็นผู้ใหญ่ บวกกับที่ตอนนี้ที่ดื่มเหล้าเข้าไป ดังนั้นในตอนนี้พวกเจ้าจึงทำการสั่งสอนอย่างไม่ไว้หน้าใดๆ

เหยาเสินตอนนี้ราวกับจะทั้งร้องไห้และหัวเราะ เพียงแต่ทำได้แค่ยิ้มบางๆ และประคองความนิ่งสงบไว้

“แม่หนู ให้ฉันพูดนะ หากบริษัทนั้นเธอยังทันที่จะถอนมือล่ะก็ ให้รีบถอนมือทิ้งสะนะ บริษัทของคุณอาเฉินอีกไม่นานก็จะย้ายกลับไปที่เมืองเจียงไห่ พอถึงเวลานั้นเดี๋ยวฉันจะหาตำแหน่งงานให้ มาทำงานกับฉันที่นี่เป็นยังไงบ้าง” เสิ้นสิ้งเย่เอ่ย

เมื่อเสิ้นยี่ได้ยินดังนั้น ภายในใจก็แอบตื่นเต้น

หากเหยาเสินสามารถมาทำงานร่วมกับบริษัทของเขามันก็จะดีมากๆ ผู้หญิงสวยคนนี้แตะไม่ได้จริงๆ มองทุกวันเอาไว้บำรุงสายตาก็พอ หากมีโอกาสได้สัมผัสจริงๆล่ะก็ แน่นอนว่าฉันจะไม่ปล่อยไปเลย

“ใช่แล้ว เหยาเสิน ถึงแม้บริษัทของผมจะไม่ใหญ่มาก แต่ว่าบริษัทนั้นในทุกๆปีจะมีกำไรเป็นพันล้าน หากคุณมาที่นี่แน่ แน่นอนว่าจะมีเวทีเอาสำหรับให้คุณได้พัฒนาผลงานและแสดงลงงานตัวเอง คุณไม่สนใจหรอ” เขาได้เอ่ยออกมาอย่างเร่งรีบ

เหยาเสินยิ้มเล็กน้อย และเอ่ย“ คุณเสิน ข้อเสนอของคุณนั้นฉันขอรับไว้ในใจก็แล้วกันค่ะ แต่ว่าพวกฉันยังอยากจะลองทำกันเองดู”

เดิมทีนั้นเธอไม่มีจิตใจในความเชื่อเรื่องที่จะทำให้เกิดบริษัทซิงเหอ คีเอเจอร์

ปกติแล้วจะมีแต่เซียวชุ่นเท่านั้นมีคอยผลักเธอออก เมื่อตอนนี้ได้ยินที่เขาพูดดังนี้ความอยากเอาชนะในใจเธอก็ได้ตื่นขึ้น และภายในใจก็แอบวางแผนไว้แล้วว่าเธอจะเริ่มสร้างบริษัทขึ้นกับเซียวชุ่น

“เจ้าเด็กน้อย ช่างมันเถอะ ในเมื่อเจ้าไม่ยอมฟังที่คุณอาเสิ่นพูดห้าม ถ้าอย่างงั้นก็คิดสะว่าอาเฉินไม่ได้พูดก็แล้วกัน”

เหล่าเสิ่น พวกเด็กน้อยชอบหาเรื่องกัน อีกทั้งความคิดยังไม่ค่อยที่จะตรงเป็นปกติกับความเป็นจริงอีก เจ้าอย่าไปสนกังวลสนใจเรื่องของเหยาเสินเลย ไปกังวลเรื่องงานแต่งงานของเสิ้นยี่บ้านเจ้าเถอะ ปีนี้ก็ไม่เด็กแล้วนะ น่าจะหาแฟนได้แล้ว” มีคนเอ่ยขึ้น

“ให้ฉันพูดหรอ ตอนแรกพวกคุณทั้งสองตระกูลน่าจะจับให้ทั้งสองคนหมั้นกันเลย พวกคุณดูสิทั้งสองคนเหมาะสมกันขนาดไหน ชายฉลาดกับหญิงงาม ไม่งั้นตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับเรื่องภรรยาของเสิ้นยี่แล้ว จะได้ไม่ต้องกังวลเรื่องอะไรอีก”

เซี่ยไห่จวินเดินถือเหล้าเข้ามา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยสีแดงก่อนที่จะหันมามองที่เสิ้นยี่และเหยาเสิน ก่อนจะเอ่ย และไม่ได้สนใจเลยว่ามันจะเหมาะสมหรือไม่ที่พูดออกมา

บนโต๊ะกินข้าวตอนนี้ที่เต็มไปด้วยแต่ความอึดอัด

“ลุงเซี่ย เป็นเพราะผมโชคไม่ดีเอง” เสิ้นยี่ที่พูดและมองไปที่เหยาเสินอย่างล้อเล่น

เหยาเสินยิ้มขึ้น และไม่ได้พูดเอ่ยอะไรขึ้นมา

เสิ่นยี่หันไปมองที่เซียวชุ่น“พี่เซียว ตอนนี้พี่เซียวทำงานอะไรหรอ?”

เซี่ยวชุ่นเงยหน้าก่อนจะเอ่ยอย่างไม่ใส่อารมณ์“อ้อ ก็พวกทำงานทั่วๆไปอะ”

“พี่ชุ่น พี่นี่โชคดีจริงๆเลย ได้แต่งงานกับผู้หญิงเก่งแบบนี้ อยากก็ยากจะเรียนรู้วิธีหาเมียดีๆมาเลี้ยงแบบนี้”

เสิ่นยี่พูดน้ำเสียงที่แอบแฝงไปด้วยใบมีดที่แหลมคมซ่อนอยู่“น้องสาวของฉันแต่งงานไปกับคุณก็คงลำบากน่าดูเลย”

เซียวชุ่นวางตะเกียบลง ก่อนที่จะใช้ทิชชู่เช็ดปาก และจ้องมองไปที่เขา “เจ้าเรียนไม่ได้หรอก”

เสิ่นยี่เอ่ยอย่างยิ้มๆ“ใช่สิ ผิวของผมมันไม่ได้หนาขนาดนั้นนะ แน่นอนว่าเรียนยังไงก็ไม่ได้หรอก”

“ท้องฟ้าโปร่ง กลุ่มเมฆ พืชเขียวเต็มไปหมด ลำธารสายน้ำสะพานแม่น้ำที่ถูกแบ่งแยกกัน”

“บ้านนั้นอยู่ที่ไหน คงจะอยู่ที่ใดสักแห่งในที่ที่มีหรอกและห่างไกล”

ในตอนนี้เหยาเจี้ยนกั๋วคือเพื่อนคนเดียวของกงเนี่ย ปกติแล้วเขาชอบที่จะเก็บภาพและตัวอักษรต่างๆสะสมไว้ และก่อนที่จะได้ยืนอยู่หน้ารูปภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อและเอ่ย

“เหล่าเสิน ภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อที่ใหญ่โตขนาดนี้เจ้าไปซื้อที่ไหนหรอ ถึงแม้จะเป็นของของปลอมก็เถอะ แต่ว่าเลียนแบบได้ไม่เลวเลยนะ สักแสนกว่าบาทหรอ?”

กงเนี่ยเอ่ยถาม

เหยาเจี้ยนกั๋วย้ายเข้ามาก็มี เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภาพนี้นั้นมาจากไหน เพราะมัวแต่ไปมองหลิวหยุนเซียง

หลิวหยุนเซียงเมื่อได้ยินว่ามีภาพที่แขวนไว้ที่ฝาผนังนั้นมีราคาหลักแสนภายในตาก็อดไม่ได้ที่จะเปล่งประกาย ก่อนจะนึกถึงแล้วมองไปที่เซียวชุ่น

เธอจะไปรู้ได้ยังไงว่าจะหาภาพนี้ซื้อได้จากที่ไหน?

คงต้องบอกความจริง “ภาพนี้เซียวชุ่นได้ไปข้างนอกแล้วเอามาฝากน่ะ ฉันมองแล้วมันก็ไม่เลว เลยเอามาแขวนไว้ที่นี่ พอได้ใช่ไหมล่ะ”

“ไม่เลวเลย ไม่เลวเลย”กงเนี่ยเอ่ยอย่างชื่นชม

ก่อนที่จะหันไปมองที่เซียวชุ่น“ลูกเขาเซียวชุ่น ภาพนี้เจ้าเอามาจากมือใครหรอ? มีวิธีที่จะช่วยฉันซื้อซักหนึ่งรูปไหม?”

เซียวชุ่นหัวหน้าไปมองภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อที่แขวนไว้ข้างผนัง ก่อนจะพูดเบา“น่ากลัวมากเลยน่ะ จริงๆแล้วเจ้าของภาพนั้นเขาได้เสียชีวิตไปแล้ว”

กงเนี่ยถอนหายใจ

ภาพจริงของปรมาจารย์จางนั้นซื้อไม่ไหว แล้วก็หาซื้อไม่ได้ด้วย หากจะซื้อภาพปลอมมาแขวนไว้ที่บ้านมามองมองก็ดูไม่เลยเลว น่าเสียดายจริงๆ

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊