หลิวหยุนเซียงมองไปภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนที่จะมองไปที่เซียวชุ่น และพูดอย่างไม่มีอารมณ์“ของแบบที่แพงขนาดนี้ เจ้าเด็กนี่มันจริงๆเลย ทำไมถึงไม่บอกฉันก่อนนะ หากมันหายไปล่ะ หรือถูกทำลายเสียหายจะทำยังไง?”
เซียวชุ่นเอ่ยยิ้มๆ “แม่ แม่ไม่ใช่หรอที่บอกว่าแขวนไว้ในห้องแล้วจะดียังไงล่ะ? แค่แม่ดีใจก็พอแล้ว”
เหยาเสินเงยหน้ามองเขาด้วยความประหลาดใจ เจ้าเด็กคนนี้ทำไมอยู่ดีๆถึงได้พูดดีขนาดนี้ คำพูดนี้มันช่างน่าประทับใจจริงๆ นี่มันไม่ใช่นิสัยของเขาเลย
ภายในใจของเซียวชุ่นคิด ในเมื่อเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว ยังไงสะก็ใช้โอกาสนี้ในการสร้างความประทับใจก็แล้วกัน
ในเมื่อคำพูดนี้ คำพูดเดียวก็สามารถที่จะทำให้แม่ยายนั้นดีใจมีความสุข อีกทั้งยังไม่ต้องเสียเงินเสียเนื้ออีก แล้วทำไมจะต้องไม่ทำด้วยล่ะ
ผู้หญิงหรอ ก็นิสัยคล้ายๆกันหมดนั่นแหละ
ทันใดนั้นความรู้สึกซับซ้อนที่ไม่สามารถที่จะอธิบายได้ของหลิวหยุนเซียงก็ปรากฏขึ้นมากมาย ทั้งปลื้มปริ่ม เสียใจ เพราะของที่แพงขนาดนี้ หากโดนตัวเองทำให้เสียหายขึ้นไป แน่นอนว่าความคิดที่จะฆ่าตัวตายคงจะมีแล้ว
แต่ว่าใบหน้าของเซียวชุ่นนั้นไม่ได้สนใจ เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไร จะมีเพียงแต่ลมหายใจหนักๆที่พ่นออกจากจมูก
เหยาเสินนั้นได้เริ่มที่จะเก็บจานชามช้อนและตะเกียบ
เซียวชุ่นนั้นได้ทำการเก็บภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อ ก่อนที่จะเงยหน้ายิ้ม “แม่ ของพวกนี้แม่มาเก็บเถอะ ถ้าหากคุณอยากจะแขวนไว้อีกล่ะก็ รอพรุ่งนี้ค่อยหาช่างมาทำก็แล้วกัน ”
“ไม่งั้นให้เหยาเสินหาที่จัดเก็บดีๆไหมล่ะ หากไม่ดีถูกฉันทำเสียหายจะทำไง…”หลิวหยุนเซียงเอ่ยอย่างลังเล
ถึงแม้จะพูดเช่นนี้ แต่เธอนั้นก็อยากที่จะยังเอาของวางไว้ที่เธอที่นี่ เซียวชุ่นทำไมจะดูไม่ออก
“พังก็พังไปสิ ไม่เป็นไรหรอก”
“ ถ้าอย่างงั้นก็ได้ งั้นคุณก็ช่วยผมเก็บไปเถอะ โรงงานของคุณที่นั่นจะว่ายังไงมั้ย? หากว่าทำไม่ได้ล่ะ ของพวกนี้นับว่าเก้บไว้เป็นของชิ้นสุดท้ายของคุณไง”หลิวหยุนเซียงเอ่ยถามอย่างงุนงง
เซียวชุ่นพยักหน้า ก่อนที่จะยิ้มและไม่เอ่ยอะไร หลังจากนั้นเขาจึงลุกไปช่วยเหยาเสินเก็บของ
หลิวหยุนเซียงนั้นได้เก็บภาพฉิงไอ๋เซียนเก๋อแล้วก็เดินออกมาจากห้อง
“พวกคุณสองคนอย่ายุ่งไปก่อนเลย ผมทำเอง ยุ่งกันมาทั้งวันแล้ว รีบไปอาบน้ำแล้วนอนเถอะ”
ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วยิ้ม และไม่ได้ยื้อกันต่อไป ก่อนที่ทั้งสองคนจะกลับไปอาบน้ำแล้วแยกกันไปที่ห้องตัวเอง
“คุณมาช่วยฉันนวดหัวไหล่ทีสิ สองวันที่ผ่านมานี้รู้สึกจะแข็งๆตึงๆ” เหยาเสินตอนนี้ไม่ได้รู้สึกเขินอายเหมือนเมื่อก่อนแล้ว และก็คุ้นเคยชินกับแบบนี้ไปสะแล้ว
“โอเค”
เซียวชุ่นก็รีบกระโดดขึ้นไปบนเตียงแล้วไปนวดให้เธอ
“ภาพนั้นใครเป็นคนให้คุณหรอ?” เหยาเสินหลับและเอ่ยถามอย่างสงสัย
เซียวชุ่นจึงได้อธิบายเรื่องในวันนั้นหลินม่านชิงที่เขามีงานหมั้น
“ครั้งหน้าหากมีเรื่องอะไรคุณช่วยบอกฉันก่อนได้ไหม จะให้คุณมาทำให้ตกใจทุกครั้งฉันคงจะเป็นโรคหัวใจก่อนพอดี” เหยาเสินแกล้งบ่นๆ
“รับทราบ เจ้านาย”
เซียวชุ่นยิ้มและเอ่ยอู้อี้คนเดียว ผมพูดไปแล้วคุณก็ไม่เชื่อ เช็กพันล้านของผม อีกนิดเดียวก็จะถูกคุณเอาไปทิ้งแล้ว
“อากาศเย็นแล้ว นอนกับพื้นคงจะไม่ค่อยสบาย คุณไปนอนบนที่นอนเถอะ” เหยาเสินพูดอย่างลังเล
ถึงแม้ที่จะได้ย้ายเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แล้ว มีห้องมากมาย แต่ว่าทั้งสองคนกลับยังคงชินกับการไม่แยกห้องนอน และมักจะคิดว่าเหยาเสินนั้นคือเตียงนอน และเขาก็นอนกับพื้น
เมื่อพูดจบใบหน้าของเธอก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นร้อนผ่าว และร้อนจนไปถึงลำคอ ก่อนที่ใจของเธอนั้นจะเริ่มเต้นแรง
“ไม่ต้องหลอก เพิ่มเตียงนอนให้ผมก็พอแล้ว” เซียวชุ่นเอ่ยตอบอย่างไม่ลังเล
เหยาเสิน:“……”
“ลงไปข้างล่าง!”
แต่ว่าซ่งหลิงเอ๋อร์ไม่ได้โทรศัพท์มา แต่ว่าได้ส่งข้อความมา สองพยางค์ แบ่งกัน
เซียวชุ่นส่ายหัวอย่างอดไม่ได้ ทั้งๆที่บอกเธอไปแล้วว่าไม่ต้องให้
แต่ช่างมันเถอะ หากไม่รับล่ะก็ เจ้าเด็กน้อยคนนี้คงจะไม่จบแน่ๆ อีกทั้งยังเป็นจอมยุทธ์หญิงซ่ง จะมาพูดไม่เป็นคำพูดได้อย่างไร
เหยาเสินที่เห็นเขาทั้งรับโทรศัพท์ อีกพักก็ตอบข้อความ ก่อนจะอดถามไม่ได้ “ผู้บริหารเซียวทำไมถึงได้ยุ่งขนาดนี้ล่ะ?”
“เหยาเสินคุณก็ชมเกินไป แค่ยุ่งๆเรื่องไม่เป็นเรื่องเฉยๆ” เซียวชุ่นเอ่ยไปงั้นๆ
เหยาเสินกรอกตาขาวใส่เขา ก่อนที่จะลงไปด้านล่าง
หลังจากกินข้าวเช้า เหยาเสินก็ขับรถและพาเขาไปที่บริษัท
เมื่อเดินไปที่ประตูทางทิศตะวันออกของหน้าทางเข้าคฤหาสน์รถก็ดันมาเสีย ทำให้เหยาเสินนั้นร้อนรนมาก ก่อนที่จะโทรหาศูนย์บริการ4S ก่อนที่จะมีรถเฟอรารี่สีแดงขับมา เมื่อลดกระจกลงก็พบกับหญิงสามรูปงามที่อายุน้อยผู้หญิง ที่ใส่แว่นตาสีดำใหญ่ และมีใบหน้ารูปไข่ ก่อนที่จะขมวดคิ้ว
“ไม่คิดว่าจิ่นซิ่วกั๋วจี้จะมีรถพังๆแบบนี้ รีบๆลากหนีไปเถอะ น่าอายคนจะตาย!”
ทันใดนั้นใบหน้าของเหยาเสินก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ในเวลานั้นเธอสับสน และไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร
“ คุณโม่ ที่ทำให้คุณล่าช้าในการเดินทาง ขอโทษด้วยนะ”
ยามหนุ่มน้อยรูปหนึ่ง ที่เดินเข้ามาพร้อมยิ้มๆ และเอ่ยขึ้น
นี่คือดาราที่มีเชื่อเสียงของเมืองเจียงไห่ ชื่อว่าโม่ยี่ไป๋
มีนักธุรกิจหรือแบรนด์ต่างๆตามตื๊อเธอมากมาย แม้แต่คนรวยยังอยากจะรู้จักกับเธอ แต่ว่าพวกเขานั้นทำไม่ได้
อีกทั้งออดี้คันข้างหน้าก็เหมือนจะเพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ เมื่อมองไปแล้วไม่น่าจะเป็นคนรวยอะไร แต่ก็เป็นเพราะมีอำนาจของจิ่นซิ่วกั๋วจี้เลยทำได้เข้ามาพักที่นี่
เมื่อเกิดเรื่องดังนั้น รปภ ถึงได้เข้ามาพูดคุยแล้วเอ่ยด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และขาดไม่ได้ที่อยากจะลงไปคุกเข่าและเลียขา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...