ที่นอกลานพระอาทิตย์ตกดินพอดี ทิวทัศน์ยามฤดูใบไม้ร่วงทำให้คนเคลิบเคลิ้ม
เซียวชุ่นหิ้วกระเป๋าหนังใบยาวของหงส์แดงนั่นขึ้นมา แล้วจึงเดินตามออกไป เดินไปถึงมุมกำแพงแล้วนั่งลงตรงที่เก้าอี้นอนเอนตัวนั้นอย่างโซเซ
เปิดกระเป๋าหนังออก หยิบปืนไรเฟิลกระบอกนั้นขึ้นมา เอาบรรจุกระสุนออกอย่างคล่องแคล่ว หยิบลูกกระสุนหนึ่งเม็ดขึ้นมาเพ่งมองดูอย่างละเอียด
ซ่งหลิงเอ๋อร์กับหงส์แดงมองเขาที่ใช้ปืนได้อย่างช่ำชองเช่นนี้ จึงอึ้งไปพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมาย
เธอจึงเอ่ยถามอย่างอยากรู้อยากเห็น : “อาจารย์ อาจารย์ใช้ปืนเป็นด้วย ?”
เซียวชุ่นเงยหน้ามองเธอแวบหนึ่ง : “พวกเธอเริ่มเลยดีกว่า อย่าสนใจฉันตรงนี้เลย จริงสิ เธอลงมือเบาหน่อยล่ะ อย่าอัดคนเขาตายเชียว”
ซ่งหลิงเอ๋อร์พยักหน้าด้วยท่าทีจริงจัง : “อื้ม”
เธอจึงหันไปมองหงส์แดง “มาเริ่มกัน”
หงส์แดงมองแม่หนูตัวเล็กคนนี้ที่อยู่เบื้องหน้า ใบหน้าไม่ได้สนใจคำพูดของเซียวชุ่น
เธอเนี่ยนะ ?
อายุยังน้อย มองดูแล้วมากสุดก็ยี่สิบต้น ๆ
จะมีฝีมืออะไรได้ ?
“ระวัง !”
น้ำเสียงยั่วยุให้โกรธของซ่งหลิงเอ๋อร์ พลันประชิดตัว ออกไปหนึ่งหมัด เงาที่งดงามสองคนต่อสู้จนรวมเป็นกลุ่มก้อนทันที
เซียวชุ่นนั่งอยู่บนเก้าอี้ ชื่นชมสถานการณ์การต่อสู้ของทั้งสองคนอย่างไม่มีกะจิตกะใจนัก
คลำเอากระสุนนัดนั้นที่หงส์แดงยิงใส่เขาออกมาจากในกระเป๋าอย่างเงียบ ๆ แล้วทำการเปรียบเทียบกับกระสุนที่เอาออกมาจากในบรรจุกระสุน
มองลายดอกไม้บนลูกกระสุน เขาจึงเริ่มขมวดคิ้วเล็กน้อย
สำนักเทพเหรอ ?
หากไม่เหนือความคาดหมายละก็ ผู้หญิงคนนี้น่าจะเป็นสมาชิกของ “สำนักเทพ” มีเพียงนักฆ่าของ“สำนักเทพ” จึงจะเข้าใช้วิธีการใช้ของ “ลายทิพย์” บนลูกกระสุนนี้ได้
ตอนนั้นเขากับอาจารย์ไปท่องเที่ยวที่ต่างประเทศ ได้สร้างองค์กรนักฆ่าอย่าง “สำนักเทพ” นี้ไว้ที่โลกใต้พิภพของต่างประเทศ
“ลายทิพย์” นี้ ตอนแรกยังคงเป็นเขาที่สอนให้เงาหิมะที่เป็นหัวหน้าครูฝึกทหารในตอนนั้น
เพียงแต่ตอนนี้เขาได้เห็น “ลายทิพย์” ที่อยู่บนลูกกระสุนนี้ เหมือนจะมีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างเล็กน้อย อานุภาพก็ย่อมไม่มากเท่าเมื่อก่อนเช่นกัน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะสาเหตุใด
หลังจากอาจารย์และศิษย์ทั้งสองคนจากไป ก็มอบสำนักเทพให้ไว้ในมือของเงาหิมะผู้ที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าครูฝึกทหาร และไม่มีการติดต่อกันอีกนับจากนี้ไป
และก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง
อีกอย่างแต่ไหนแต่ไร “สำนักเทพ” เคลื่อนไหวแต่ที่ต่างประเทศเท่านั้น ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาปรากฏตัวในประเทศแล้วล่ะ ?
จากที่เขาได้ประมือกับหงส์แดง ก็พอจะเดาออกว่าเธอเป็นเพียงนักฆ่าระดับกลางคนหนึ่ง
หากทิ้งฝีมือการยิงปืนไป แล้วประชิดตัวประหมัดละก็ กำลังเสมอกัน
ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของซ่งหลิงเอ๋อร์อย่างแน่นอน เขาก็เลยไม่ต้องเครียดไป
เขาหยิบตะไบโลหะผสมขนาดเล็กกระจิ๋วอันหนึ่งออกมาจากในกระเป๋าหนัง และหยิบลูกกระสุนที่ยังไม่ได้แกะสลัก “ลายทิพย์” พลันเริ่มแกะสลักอย่างตั้งอกตั้งใจ
ลูกกระสุนที่ผ่านการจัดการ อานุภาพจะเพิ่มขึ้นมหาศาล
สามารถทำลายเกราะชี่ที่อยู่ทั่วร่างของผู้ที่ฝึกบู๊ได้ ผู้ที่ฝึกบู๊ช่วงปฐมภูมิก็ไม่แน่ว่าจะแบกรับไหว
ทว่า หากเลยสองร้อยเมตรละก็ จะทำให้สูญเสียความแม่นยำเล็กน้อย ผลกระทบไม่มากนัก
สามนาทีต่อมา ลายทิพย์บนลูกกระสุนก็แกะสลักเสร็จเรียบร้อย ดูประณีตและงดงามเปลี่ยนแปลงไปมากเมื่อเทียบกับก่อนหน้า ส่วนทั้งสองคนบนสนามก็ได้ผู้แพ้ผู้ชนะแล้วเช่นกัน
ไม่เหนือความคาดหมาย ซ่งหลิงเอ๋อร์เป็นผู้ชนะ
เธอเชิดหน้าเรียวเล็ก เอ่ยถามอย่างลำพองใจเอามาก ๆ : “ยอมไหม ?”
ใบหน้าขาวสะอาดของหงส์แดงระเรื่อ นัยน์ตาสีฟ้าที่อยู่ใต้ขนตายาวคู่นั้นฉายแววความแข็งกร้าวเป็นประกาย
“ฉันไม่ยอม อีกสักตั้ง!”
“อีกสักตั้งก็อีกสักตั้ง !”
ซ่งหลิงเอ๋อร์ทำปากจู๋ เอ่ยด้วยใบหน้าไม่มีความสุข
ตอนที่กำลังจะออกกระบวนท่าก็ถูกเซียวชุ่นเรียกให้หยุด
เขาก็เดินมาพร้อมกับถือปืนไรเฟิลกระบอกนั้นไว้ในมืออย่างไม่รีบไม่ร้อน โยนลูกกระสุนที่ตัวเองแกะสลักเสร็จแล้วให้กับหงส์แดงพลางเอ่ย : “เธอสู้เขาไม่ชนะหรอก นี่สิถึงจะเป็นสิ่งที่เธอถนัด”
หงส์แดงแบมือออก จับลูกกระสุนที่อยู่ในมือก็ปรากฏอยู่ต่อหน้า สายตาแข็งทื่อในไปทันที
อย่างไรเสียเธอกลายเป็นนักฆ่าคนหนึ่งที่ปฏิบัติตามหลักการของอาชีพมาตลอด จึงยังไม่สามารถพูดเกลี้ยกล่อมให้ตัวเองละทิ้งหลักการและประนีประนอมเอาตอนนี้ได้
เซียวชุ่นเอ่ยอย่างเมินเฉย : “หากว่าเธอเต็มใจที่จะติดตามฉันละก็ นับจากวันนี้ไปเธอก็ไม่ใช่นักฆ่าอีกแล้ว ฉันว่า ไม่มีใครเกิดมาแล้วก็เต็มใจที่จะเป็นนักฆ่าหรอก”
องค์กรอื่นเขาไม่เข้าใจหรอก
แต่คนในสำนักเทพ ส่วนใหญ่ล้วนเป็นผู้ลี้ภัยที่ตอนนั้นเขากับอาจารย์รับเอามาจากตอนที่เดินทางผ่านช่วงที่ประเทศวุ่นวายจากภัยสงคราม ล้วนเป็นคนที่เกลียดชังประเทศชาติ พลัดจากที่อยู่อย่างคนสิ้นเนื้อประดาตัว ไร้ที่อยู่อาศัย
หงส์แดงใจเต้นรัว จู่ ๆ ก็สูดลมหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วเอ่ย : “หงส์แดงยินดีที่จะรับใช้ท่าน แต่ว่า……ในเมื่อเป็นแบบนี้ องค์กรที่ตั้งอยู่จะไม่ปล่อยฉันไปอย่างแน่นอน อาจจะชักนำความยุ่งยากมาให้ท่าน”
“สำนักเทพมีกี่คนที่อยู่ฮั๋วเซี่ย ?”
หงส์แดงมีสีหน้าอึ้งไป : “ท่านรู้จักสำนักเทพ ?”
“ไม่เพียงแค่รู้หรอกนะ ยังพอรู้แหล่งกำเนิดอยู่มากทีเดียว” เซียวชุ่นยิ้มตอบ
หงส์แดงยิ้มแข็งทื่อไปเลย
เธอควรจะคิดได้ตั้งนานแล้ว สามารถแกะสลักลายทิพย์ที่ประณีตและงดงามยอดเยี่ยมขนาดนั้นออกมาได้ ทำไมจะไม่มีความเกี่ยวเนื่องกับองค์กรเลยสักนิดบ้างเล่า
ทว่าอีกฝ่ายไม่ยินดีที่จะพูด เธอก็ไม่ควรถามมากนัก
“มีแค่สามคน นอกฉันแล้วยังมีผู้ติดต่อคนหนึ่ง แล้วก็มีผู้บังคับบัญชาโดยตรงของฉัน เพียงแต่ว่า……” เธอพูดอ้ำ ๆ อึ้ง ๆ
“เธอไม่ต้องเครียดไป ฉันจะไม่ให้เธอเปิดเผยว่าคนพวกนี้เป็นใครหรอก พวกเขาอยู่ที่ไหน” เซียวชุ่นโบกมือพร้อมกับเอ่ย
“ช้าเร็วก็ได้เจอ ไม่ใช่หรอกหรือ ?”
เขาแสยะยิ้มเย็นชาที่มุมปาก อากัปกิริยาดุจมีสติปัญญาเฉียบแหลมและรับมือได้กับทุกเรื่อง
“หลิงเอ๋อร์ คืนนี้ให้เธออาศัยอยู่ที่นี่คืนหนึ่งเป็นการชั่วคราวได้ไหม ?”
เซียวชุ่นเห็นว่าฟ้ามืดแล้ว จึงหันหน้าไปถามซ่งหลิงเอ๋อร์
“เดี๋ยวฉันจะจัดการสถานที่ให้เธอเอง”
“ได้อยู่แล้ว ตอนนี้เป็นคนกันเองแล้วไม่ใช่หรอกเหรอ” ซ่งหลิงเอ๋อร์เอ่ยพร้อมกับหัวเราะฮี่ ๆ
“พี่สาว ฉันชื่อว่า ซ่งหลิงเอ๋อร์ จากนี้พี่ก็เรียกว่าฉัน หลิงเอ๋อร์ เหมือนกับอาจารย์เลยแล้วกัน”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...