เหตุที่ซ่งเจิ้นไห่พาหวางเย๋มาที่บ้านเก่าแก่ตระกูลเหยาโดยตรง แต่กลับไม่ได้โทรติดต่อกับเซียวชุ่นก่อน นั่นก็เป็นเพราะว่ามันยากมากกว่าที่เขาจะนัดหวางเย๋ได้ แต่กลับพบว่าตัวเองน่าจะมึนไปแล้ว เขาไม่ได้มีช่องทางการติดต่อกับเซียวชุ่นเลยแม้สักทาง
รู้เพียงแค่ว่าเขาคือเขยแต่งเข้าของตระกูลเหยา เช่นนี้จึงได้พาหวางเย๋มาที่ตระกูลเหยาด้วยตนเอง
“นายท่านตระกูลเหยา วันนี้มาโดยไม่ได้รับเชิญ รบกวนพวกคุณแล้ว”
ซ่งเจิ้นไห่ยกน้ำชาขึ้นมาจิบ วันนี้ซ่งหลิงเอ๋อร์บอกว่าตัวเองมีเรียน จึงไม่ได้ติดตามเขามาด้วย
“ท่านซ่งพูดอะไรอย่างนั้น ท่านกับท่านหวางมาเยือนถึงที่ในวันนี้ ทำให้บ้านที่ต่ำต้อยของฉันสว่างไสวขึ้นมา ถือเป็นเกียรติของพวกเราตระกูลเหยา” เหยาเจิ้นชูยิ้มอย่างเอาอกเอาใจ
นอกจากเหยาเจิ้นชู ยังมีญาติสายตรงของเขาอีกหลายคนที่อยู่ตรงนั้น แต่ก็ทำได้เพียงคอยยืนเป็นเพื่อนอยู่ข้าง ๆ เท่านั้น
ซ่งเจิ้นไห่ก้มหน้าลงเล็กน้อย พลางพูดตอบ “ผู้เพื่อนเซียวจะมาถึงเมื่อใดหรือ?”
“ฉันได้ติดต่อไปแล้ว น่าจะใกล้ถึงแล้ว” เหยาเจิ้นชูพูดพร้อมรอยยิ้ม
“พวกตระกูลของเหยาเจี้ยนกั๋วก็ช่างหยิ่งผยองเสียจริง กล้าดีอย่างไรให้ท่านซ่งกับท่านหวางรอพวกเขาเช่นนี้” หลี่ชิงเหลียนพึมพำ
“ก็ใช่น่ะสิ ปกติแล้วพวกเขาไม่แม้แต่จะมีคุณสมบัติที่จะสามารถเข้าบ้านเก่าแก่ได้ด้วยซ้ำ ในที่สุดก็ได้มีโอกาสในวันนี้ ยังไม่รู้จักถนอมเอาไว้อีก ช่างไม่รู้จักมารยาทเสียจริง” หนึ่งในคนพวกนั้นหัวเราะเยาะขึ้นมา
ซ่งเจิ้นไห่เบือนหน้าหนีอย่างหมดความอดทน ทั้งสองคนรีบเงียบปากลงในทันที
ราว ๆ สิบนาทีต่อมา บ้านของเหยาเสินก็รีบตามาจนถึงบ้านเก่าแก่ตระกูลเหยา
หวางเย๋มองปราดเดียวก็จำได้ว่าเซียวชุ่นคือคนที่เห็นโรคของตนในวันนั้น มองไปด้วยความตื่นเต้นอย่างควบคุมไม่ได้ แต่ทว่าโรคของเขาเป็นความลับ เขาไม่ควรที่จะแสดงออกมากเกินไป ทำได้เพียงพยักหน้าเบา ๆ เป็นการทักทายเท่านั้น
แน่นอนว่าเซียวชุ่นก็รู้ว่าเขาถึงแล้ว ได้เตรียมใจมาบ้างแล้ว ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจแต่อย่างใด
“ผู้เพื่อนเซียว ข้าช่างมึนหรือเกิน เดิมทีจะจะโทรหาคุณตั้งแต่เมื่อวาน แต่ก็พบว่าฉันไม่มีเบอร์คุณ ทำอะไรไม่ได้ จึงได้มาหาคุณที่นี่ด้วยตนเอง”
ซ่งเจิ้นไห่พูดพร้อมเสียงหัวเราะ ดูท่าทางและสติแล้วดีกว่าเมื่อสองวันก่อนมาก
เซียวชุ่นยิ้มบาง ๆ “ท่านซ่งดูแล้วร่างกายดีขึ้นเยอะเลย”
“นั่นก็เป็นเพราะฝีมือมหัศจรรย์ของคุณ ไม่เช่นนั้นคนแก่ ๆ อย่างฉันคงจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้แล้ว” ซ่งเจิ้นไห่เอ่ยชม
“เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น” เซียวชุ่นพูดเบา ๆ
ทั้งสองคุยกันอย่างออกรสออกชาติ แต่ในสายตาของคนตระกูลเหยา กลับไม่เป็นที่พึงพอพอใจ
เซียวชุ่นเป็นคนที่พวกเขาคิดว่าเป็นสวะเท่านั้น แต่ในเวลานี้กลับสามารถคุยอย่างออกรสกับซ่งเจิ้นไห่ซึ่งมีสถานะสูงส่งในเมืองเจียงไห่เช่นนี้ มีสิทธิ์อะไร?
สิ่งนี้ทำให้คนไม่น้อยรู้สึกไม่พอใจ ในใจรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมา
“แต่ว่าก็เป็นเพียงแค่สวะที่บังเอิญโชคดีเท่านั้น ท่านซ่งดูจะเอ็นดูไอ้หมอนี่มากเหลือเกิน”
“ถ้าหากตระกูลเราสามารถเกาะกิ่งไม้สูงอย่างท่านซ่งได้ เช่นนั้นบริษัทของตระกูลเราต้องรุ่งเรืองเฉียดฟ้าแน่นอน ไม่ต้องใช้เวลามากก็สามารถกลายเป็นกิจการที่เป็นเสาหลักของพวกเราตระกูลเหยา”
“เหยาเจี้ยนกั๋วกลับไม่รู้จักใช้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระดับนี้ ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดกิจการของตระกูลเขาถึงไม่ไปไหนเสียที”
กลุ่มคนตระกูลเหยาพึมพำเบาออกมา แต่ว่าครั้งนี้เสียงค่อนข้างเบา ซ่งเจิ้นไห่และคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงกลางนั้นไม่มีทางได้ยิน มีเพียงแค่เซียวชุ่นคนเดียวเท่านั้นที่มีสัมผัสทั้งห้าดีมากและได้ยินอย่างชัดเจน แต่เขาก็แค่เค้นเสียงหัวเราะเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้สนใจอะไร
ก็แค่เสียจากฝูงกบในกะลา เหตุใดจึงต้องใส่ใจด้วย
ซ่งเจิ้นไห่ลากเซียวชุ่นมาที่ที่นั่งของผู้นำ ให้นั่งอยู่ข้าง ๆ ตัวเอง
เซียวชุ่นก็ไม่ได้เกรงใจอะไร นั่งลงไปด้วยความเป็นธรรมชาติ ยิ่งเรียกเสียงพึมพำจากเหล่าลูกหลานของตระกูลเหยา
“แนะนำให้ผู้เพื่อนเซียวรู้จักเสียหน่อย ท่านนี้คือปรมาจารย์แพทย์แผนจีน ‘หวางเย๋’ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังเลื่องลือไปทั่ว” ซ่งเจิ้นไห่มองไปทางหวางเย๋และเอ่ยแนะนำ
เซียวชุ่นพยักหน้าไปทางหวางเย๋ ถือเป็นการทักทาย
ตั้งแต่การแสดงออกของหวางเย๋เมื่อวาน เขาก็สามารถมองออก หวางเย๋ดูเหมือนจะไม่อยากให้คนนอกรู้ถึงอาการป่วยหนักของตน เซียวชุ่นก็พอจะเดาออกว่าเรื่องเป็นอย่างไร ดังนั้นจึงได้ทำเหมือนเป็นการเจอกันครั้งแรก
หวางเย๋หัวเราะออกมาพร้อมกับคำพูดถ่อมตน
ซ่งเจิ้นไห่หัวเราะรวน “ฉันมีความคิดบางอย่าง วันนี้ว่างอยู่พอดี ไม่เช่นนั้นทั้งสองแลกเปลี่ยนความรู้กันสักหน่อยเป็นอย่างไร?”
คนที่มีชื่อในบทสนทนายังไม่ทันได้พูดอะไร คนอื่น ๆ จากตระกูลเหยาก็ส่งเสียงพึมพำขึ้นมาในทันที
เหยาเจิ้นชูเป็นคนเริ่มเอ่ยปาก “ท่านซ่ง ท่านพูดเล่นหรือ เซียวชุ่นเจ้าคนสะ... คนหนุ่มเมื่อครู่ก็ยังพูดอยู่ว่า เขาเพียงแค่อ่านตำราแพทย์มาไม่กี่เล่ม จะสามารถแลกเปลี่ยนความรู้กับท่านหวางได้อย่างไรกัน”
“ท่านซ่ง ท่านยกยอเซียวชุ่นสูงเกินไปแล้ว ท่านหวางเป็นผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นเทพเซียนปรมาจารย์แพทย์แผนจีน จะเอาเขามาเทียบได้อย่างไร?”
คนอื่นก็ไม่ได้อยู่กันว่าง ๆ ค่อย ๆ พากันถกเถียงตามความเห็นของตัวเอง
“คนนี้หรือ? แข่งฝีมือกับท่านหวาง? นี่ถ้าหากถูกลือออกไปคนเขาจะคิดว่าล้อกันเล่นแน่”
“ใช่มั้ยล่ะ ท่านหวางต้องมาขายหน้าเพราะคนแบบนี้”
ซ่งเจิ้นไห่สีหน้าค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นความลำบากใจขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่ตอนนี้อยู่ในพื้นที่ของคนอื่น ไม่สะดวกจะทำอะไร
เซียวชุ่นยกน้ำชาตรงหน้าขึ้นจิบด้วยสีหน้านิ่งเรียบ หัวเราะเบา ๆ โดยไม่ได้พูดอะไร
ในขณะนั้นเอง หวางเย๋ก็ค่อย ๆ ลุกขึ้นยืนด้วย เดินไปด้านหน้าและพูดขึ้น “ไม่ต้องแข่งแล้ว ฉันยอมแพ้”
ท่านหวางพูดว่าอะไรนะ? เขาบอกว่าเขายอมแพ้?
เขาเป็นถึงปรมาจารย์แพทย์แผนจีนที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่ว แม้แต่จะแข่งก็ยังไม่ได้แข่ง แต่กลับยอมแพ้ง่าย ๆ?
นี่มันเป็นไปไม่ได้!
ผู้คนตระกูลเหยาต่างคิดว่าตัวเองฟังผิดไป มองไปที่หวางเย๋ที่ยืนอยู่ตรงกลางด้วยความประหลาดใจ ไม่เพียงแค่คนจากตระกูลเหยาเท่านั้น แม้แต่ซ่งเจิ้นไห่ก็ยังมองไปที่หวางเย๋ด้วยสายตาเหลือเชื่อ ความตกใจของเขาก็ไม่ได้น้อยไปกว่าคนของตระกูลเหยาแม้แต่น้อย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เขยเลือดร้อน ตะลุยอาณาจักรบู๊
ไม่อัพต่อแล้วเหรอครับ...