คุณชายสามคนที่ยืนอยู่เบื้องหน้าไม่ไกลจากมู่เยี่ยนฟางและชิงหลานชวนกันดูโฉมงามที่เยื้องกรายเข้ามาด้วยความสำราญใจ
“คืนนี้คนงามทั่วทั้งเมืองหลวงมาอยู่ที่นี่กันหมดแล้วภรรยาของเจ้าจะไม่โกรธหรือ?”
“นางไม่มาล่ะดีแล้ว ท้องโตขนาดนั้นยังจะมาตามประกบข้าทำไมกัน? คืนนี้หากว่ามีสตรีน่าพึงใจสักคนข้าก็จะตบแต่งเป็นอนุภรรยา” เจ้าคนเบื่อภรรยาที่ท้องโตหัวเราะหึๆ
“สาวใช้อุ่นเตียงของเจ้าก็กลายเป็นอนุไปแล้วนี่? ยังคิดจะหาเพิ่มอีกหรือ?” บุรุษชุดสีควันหันไปกระเซ้า
“เจ้าก็รู้ว่านางปรนนิบัติข้ามาตั้งแต่รุ่นๆ ย่อมต้องดูแลกันต่อไป เอ๊ะ! ว่าแต่สตรีชุดชมพูงดงามคนนั้นดูเหมือนจะคุ้นๆ นะ”
“ฮ่าๆ นี่เจ้าลืมคู่ขาเก่าเสียแล้วหรือ?”
คุณชายสุยหน้ามุ่ยเมื่อจ้องเขม็งแล้วพบว่าหญิงสาวผู้นั้นคือคนที่เคยสลัดเขาทิ้งอย่างไม่ไยดี
“เผยหนิงเอ๋อร์ นางยังไม่แต่งงานนี่? แต่ก็อย่างว่าล่ะในเมื่อมารดาของนางทำเรื่องน่าอายออกขนาดนั้นตระกูลใดจะกล้ารับเอาไว้”
“คราวนั้นเจ้าก็เคยคิดจะแต่งงานกับนางนี่?”
“ก็ข้าไม่รู้ว่านางเป็นหญิงที่เอาแต่ใจเยี่ยงนี้ พอเห็นคุณชายติงร่ำรวยก็ข้านางก็กระโดดไปเกาะเขาอย่างว่องไว”
บุรุษในชุดสีน้ำเงินจึงเอื้อมมือไปตบบ่าสหายเบาๆ “เจ้าเองก็ใช่ย่อยเสียเมื่อไหร่? นอกจากนางแล้วเจ้าก็ยังคั่วอยู่อีกสองคนนี่?”
“อย่างนี้เขาเรียกพอๆ กัน ว่าแต่คุณชายติงที่เจ้าว่านางเข้าไปเกาะ สุดท้ายหายไปไหนเล่า?”
คนที่ถูกสหายเยาะเย้ยเชิดหน้าขึ้นเล็กๆ “หึ! บุรุษผู้นั้นแสบสันต์เสียยิ่งกว่าข้าหลังจากที่คั่วกับนางได้ไม่นานก็เข้าพิธีวิวาห์ไปกับบุตรสาวเศรษฐีจากเมืองฉู่จิ้ง นางมิได้หัวเสียแต่กลับหันไปคว้าเอาอาจารย์ที่สถาบันเค่อเฉิงผู้หนึ่งมาไว้แก้ขัด”
“เผยหนิงเอ๋อร์ผู้นี้เรียกได้ว่าใจถึงยิ่งนัก!”
“เก็บนางไว้เป็นอนุก็พอได้แต่หากจะให้เป็นฮูหยินเอก ข้าว่าไม่รู้วันใดจะต้องอับอายผู้อื่นหากถูกขุดเรื่องเก่าๆ ของนางขึ้นมา” บุรุษที่เคยเป็น ‘คนเก่า’ ของเผยหนิงเอ๋อร์ส่ายศีรษะ
ชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางที่อยู่ข้างหลังไม่ไกลได้ยินถ้อยสนทนาของบุรุษทั้งสามอย่างชัดเจน เมื่อพวกเขาไปทักทายกับเหล่าสตรีงดงามกลุ่มหนึ่งเรียบร้อยจึงแสร้งวนเวียนเดินไปไกลเพื่อจะได้รู้ชื่อแซ่
องค์ชายสิบห้าทอดพระเนตรเห็นชิงหลานกับมู่เยี่ยนฟางกำลังยืนสนทนาอยู่กับบุรุษสามคนก็รีบหันไปสะกิดจงเหยียนให้มองตามพระดัชนี (นิ้วชี้) องครักษ์หนุ่มเห็นเช่นนั้นก็หน้าตึง
“ให้กระหม่อมเข้าไปขวางหรือไม่พะยะค่ะ?”
“ใจเย็นๆ ก่อน ดูท่าทางคุณชายพวกนั้นเอาไว้ หากว่าดูไม่น่าไว้ใจเจ้าก็เข้าไปได้เลย”
จงเหยียนอยากจะกราบทูลเหลือเกินว่าตอนนี้ก็ดูไม่น่าไว้วางใจแล้ว ไม่ว่าผู้ใดจะมายืนสนทนากับคู่หมั้นของเขาก็ล้วนดูแล้วไม่น่าไว้ใจทั้งนั้น!
องครักษ์หนุ่มร้อนใจที่คู่หมั้นของตนมีหนุ่มๆ รุมล้อมก็ถวายบังคมขอออกมาขัดตาทัพเอาไว้ก่อน องค์ชายสิบห้าเห็นคุณชายสุยยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้กับชิงหลานก็พลันหน้ามืดตามัวรีบเสด็จตามมาทันที จงเหยียนกำลังจะร้องทักทว่าเสียบตบบ่าหนักๆ จากด้านหลังทำให้เขาต้องหัน เมื่อเห็นว่าเป็นองค์ชายจึงรอให้พระองค์เสด็จนำหน้า
“นั่น! ร้านนั้นคนเลือกเยอะแยะมีโคมสวยๆ มากมายเจ้าไปเลือกเอาสักอันสิ” หมิงเฉิงอวี่เสด็จนำหน้านางเข้าไปยืนอออยู่ข้างหลังคนกลุ่มใหญ่ที่กำลังเลือกอยู่ก่อน
จงเหยียนเดินจูงมือคู่หมั้นคนงามตามหลังองค์ชายมาไม่ห่างนัก องครักษ์ผู้อื่นคอยอารักขาอยู่ห่างออกไปอีกเล็กน้อย มู่เยี่ยนฟางชี้ให้องครักษ์ดูโคมไฟที่วาดภาพกระต่ายน้อยนางอยากจะปล่อยโคมไฟกับเขาเพราะท่านแม่ของนางบอกว่าการปล่อยโคมกับคู่รักจะทำให้ได้เป็นครอบครัวเดียวกันในวันหน้า
“เจ้าเชื่อเรื่องนี้ด้วยหรือ?” จงเหยียนยิ้มน้อยๆ เขาไม่เคยปล่อยโคมเลยสักครั้ง ในวัยเด็กท่านแม่กับพี่ๆ ปล่อยโคมกันทีไรเขาก็เอาแต่ยืนส่ายหน้า
“อย่าบอกนะว่าท่านไม่เคยปล่อยร่วมกับผู้ใดเลยน่ะ?”
ชายหนุ่มทำหน้าเหวอ “เจ้ารู้ได้อย่างไร?”
“ใบหน้าของท่านมันฟ้องน่ะสิ! ไม่ว่าท่านจะคิดอะไรอยู่ในใจ ยามนี้ข้าก็พอจะเดาออกแล้ว” นางยื่นหน้ามาใกล้ จงเหยียนยิ้มหวานตอบกลับ
“เจ้ารู้ใจข้าไปหมดเช่นนี้ เมื่อไหร่พวกเราจะได้แต่งงานกันเสียที!”
มู่เยี่ยนฟางย่นจมูก...ใช่ว่านางจะไม่อยากนี่นา!
“เรื่องนี้ก็คงต้องแล้วแต่ฝีมือของท่าน”
*****************************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)