หลังจากการแต่งงานผ่านไปถึงสามวัน ซึ่งเป็นวันที่เจ้าสาวจะต้องกลับไปเยือนบ้านเดิมพร้อมสามีเพื่อคารวะท่านพ่อท่านแม่ จงเหยียนที่ยังคงต้องแสร้งเป็นคนป่วยไร้ประโยชน์จึงอดที่จะทำท่าซังกะตายมิได้
“ท่านพี่เจ้าคะ เอาไว้เราไปอยู่ในเรือนของเราก่อนท่านก็ไม่ต้องเสแสร้งแล้วนี่ก็เหมือนเราอยู่ที่นี่อย่างไรล่ะ?”
“ถ้าไม่คิดว่าเกรงคนในคฤหาสน์สกุลจงจะเดือดร้อนข้าก็ไม่อยากจะไปรบกวนจวนของเจ้าสักนิด” เขารวบตัวภรรยามากอดแนบอก ยามนี้ยังฟ้าไม่สาง จงเหยียนจึงรีบตื่นขึ้นมาเพื่อกอดหอมนางให้พอเพราะช่วงกลางวันเขาต้องทำตนเป็นคนง่อยเพื่อล่อคนร้ายอีกครั้งตามที่องค์ชายทรงมีพระประสงค์
มู่เยี่ยนฟางยิ้มหวาน ตลอดสามวันสองคืนในเรือนหอแห่งนี้ สามีของนางแทบจะไม่ปล่อยให้นางคลาดสายตา คืนเข้าหอนั้นเขาก็ใช้อย่างคุ้มค่าจนนางแทบจะลุกขึ้นไปคารวะน้ำชาแม่สามีไม่ไหว ดีที่สาวใช้สองคนคอยเคาะประตูขัดเอาไว้มิให้จงเหยียนดื้อดึงได้เขาจึงยอมปล่อยให้นางลุกขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว
“สองคืนแล้วนะเจ้าคะ ท่านพี่ยังไม่พออีกหรือ?” นางหน้าแดงก่ำเมื่อชายหนุ่มทำท่าจะกระตุกสายเสื้อนอนของนางออกอีกครั้ง “ยามนี้ใกล้จะฟ้าเปิดแล้วด้วย พวกเราต้องรีบอาบน้ำนะเจ้าคะ”
“ข้าอยากอยู่กับเจ้าสองต่อสองสักเจ็ดวันเจ็ดคืนน่าจะดี” เขาทั้งพูดทั้ง ซุกหน้าเข้าที่ซอกคอของนาง
“ท่านพี่ เอาไว้เข้าเรือนโน้นไปแล้วข้าก็ต้องคอยเฝ้าท่านเหมือนอยู่ที่นี่ ท่านก็มีเวลาเหลือเฟือแล้วล่ะเจ้าค่ะ”
“เจ้าพูดเองนะ...ถ้าไปถึงที่นั่นพวกเราก็เข้าห้องนอนกันตั้งแต่ตอนบ่ายเลยดีหรือไม่?”
“หือ! ไม่ได้หรอกเจ้าค่ะ เกิดมีคนมาเยี่ยมก็คงจะกลายเป็นเรื่องนินทาไปสามบ้านแปดบ้าน”
“ผู้ใดจะกล้าถือสาหนุ่มสาวที่เพิ่งแต่งงานกันเล่า?”
“ข้านี่ล่ะเจ้าค่ะ! ข้าไม่อยากให้คนซุบซิบนินทา ท่านพี่ก็อดทนหน่อยสิ เจ้าคะ ไว้ตอนกลางคืนข้าก็ตามใจท่านตลอดเลยนี่?”
จงเหยียนยิ้มกรุ่มกริ่มทั้งปากทั้งตาก่อนจะใช้มือควานสะเปะสะปะไปตามเรือนร่างของภรรยาทั้งลูบไล้ทั้งบีบเค้นเป็นเชิงหยอกล้อ มู่เยี่ยนฟางจึงต้องคอยไล่ตีมือเขาเบาๆ
“น้องหญิง พวกเราแอบไปพักที่อื่นกันสักสามสี่คืนดีหรือไม่? ข้าอยากอยู่กับเจ้าตามลำพังบ้าง?”
“ท่านอยากไปที่ใดหรือเจ้าคะ?”
“เราไปยืมเรือนในป่าไผ่ของเหล่าลู่ดีหรือไม่? ข้าได้ยินว่าตอนที่พวกเขาแต่งงานกันใหม่ๆ ก็เข้าไปนอนที่นั่นกันตามลำพังตั้งหลายวัน ช่างน่าอิจฉา”
“ดีเจ้าค่ะ ที่นั่นปลอดภัยแน่นอนเพราะมีค่ายกลอยู่รายรอบไม่ต้องกลัวโจรผู้ร้าย แต่ถ้ายังจับกุมอู่ฉางชิงและคนที่คิดฆ่าปิดปากท่านไม่ได้พวกเราก็คงไม่ได้ไปกันสักทีนะเจ้าคะ”
“อืม...เรื่องยั่วยุผู้คนนี้เห็นทีเราต้องพึ่งพาคุณชายจินเสียแล้ว”
“ยั่วยุผู้ใดหรือท่านพี่?”
“คนที่อยากจะฆ่าปิดปากข้าน่ะสิ! หากไม่ยั่วให้พวกเขาออกมา เราจะจัดการพวกเขาได้สักทีหรือ?”
เหมือนจินวั่งซู่จะหยั่งรู้ได้ในตอนบ่ายองค์ชายสิบห้าก็ปรากฏตัวพร้อมด้วยคุณชายเจ้าของสำนักข่าวนกกระจิบ ชิงหลานและเว่ยเว่ยที่จวนสกุลมู่ ชิงหลานบอกให้ทุกคนสบายใจว่าเว่ยเว่ยกำลังถูกนางฝึกให้เป็นนักสืบไม่ต้องกลัวว่าจะคุยความลับไม่ได้ สาวน้อยที่เริ่มเดินได้คล่องแคล่วตามติดพี่สาวอยู่ไม่ห่าง มู่เยี่ยนฟางเห็นแล้วก็อดตื่นเต้นมิได้
“เว่ยเว่ย เจ้าเดินได้คล่องแล้วหรือนี่? ฝีมือการรักษาของท่านหมอเกาสองพี่น้องช่างน่าอัศจรรย์นัก!”
“พี่รอง ขุนนางกรมมหาดไทมาสามคน ขุนนางกรมกลาโหมมาสองคนเจ้าค่ะ”
“ดีมาก! งานนี้ดูเหมือนมีคนกินปูนร้อนท้องอยู่ไม่น้อยเทียว พวกเราคงหวังจะมาลอบสอบถามท่านน่ะเจ้าค่ะ” ชิงหลานหันไปทางจินวั่งซู่ที่กำลังอ่านข้อความที่เหล่าสายสืบส่งเข้ามา
“คุณหนูชิง! มีคนเตือนให้พวกเราระวังตัวนะ เพราะดูเหมือนจะมีคนคอยติดตามสังเกตความเคลื่อนไหวของเจ้ากับข้าอยู่หลายวันแล้ว” สีหน้าของคุณชายจินดูเป็นกังวล “ข่าวของพวกเราส่งผลให้พวกเราเสียผลประโยชน์ ต่อไปเจ้ากับข้าคงต้องระวังความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น”
“อืม...สำหรับข้ากำลังสงสัยว่านี่เป็นศัตรูเก่าหรือศัตรูใหม่?”
“เจ้าหมายถึง?”
ชิงหลานจึงบอกเรื่องที่ซิวฮูหยินเคยส่งคนไปตามฆ่านางและมารดาที่จวนเก่าสกุลชิง จินวั่งซู่จึงพยักหน้ารับว่าเรื่องนั้นเขารู้มาบ้าง
“ยามนี้นางยังติดต่อกับใต้เท้าจื้อ ข้าเชื่อว่านางยังคุมแค้นพวกข้าอยู่ ไม่แน่ว่านางอาจจะส่งคนมาตามฆ่าข้าอีก” สีหน้าของชิงหลานกระด้างขึ้น “ข้าคงต้องจัดการศัตรูเก่าให้จบเสียทีจะได้ไม่ต้องคอยหวาดระแวง”
*******************************
ไรท์แนะนำ...อีบุ๊กแนวอีโรติกของไรท์เปิดให้โหลดฟรี 2 เรื่องนะคะ ทาง mebmarket.com คื่อ เรื่องคณิกาของกังเฉินกับสาวใช้ข้างจวนจ้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)