จงเหยียนหน้าบึ้ง ไม่ยอมตอบคำถามของสหายซ้ำยังเม้มปากกำหมัดแน่น
“เจ้าไปกินข้าวเที่ยงเถอะ ยามนี้เหลือแต่เจ้าคนเดียวแล้วที่ยังมิได้กิน”
“ข้าไม่หิว!” องครักษ์จงเดินหลบกังเฉินออกไปยืนระบายอารมณ์อยู่สวนด้านข้าง เขาคว้ากระบี่ออกมาฟันต้นหญ้าที่สูงเกะกะอยู่ใกล้กำแพงวัดด้วยความโมโห ในเมื่อเสี่ยวลิ่งไม่สนใจเขา จงเหยียนก็คิดว่าจะไม่มองหน้านางอีก
“ในเมื่อเจ้าไม่สนใจข้า! ข้าก็จะไม่สนใจเจ้าเช่นกัน!”
เสี่ยวลิ่งที่เดินผ่านมาด้านหลังเห็นจงเหยียนยืนอยู่ท่ามกลางพงหญ้าแล้วยังใช้กระบี่ฟันพวกมันอย่างหงุดหงิดก็นึกสงสัย ปกตินางเห็นองครักษ์จงผู้นี้นิ่งเฉยเย็นชาอยู่เป็นนิจ เหตุใดวันนี้จึงดูสติหลุดจนน่ากลัว? นางยืนดูอยู่เป็นนาน เหมือนเขาจะพึมพำอยู่คนเดียวซ้ำๆ แต่นางไม่ได้ยินว่าเขาพูดว่าอะไร? นานเกือบสองเค่อ องครักษ์หนุ่มค่อยเก็บกระบี่แล้วหันหลัง...เขาตกใจที่เห็นเสี่ยวลิ่งยืนดูอยู่
“องครักษ์จง ท่านมีเรื่องไม่สบายใจหรือ?”
จงเหยียนหน้าตึง เขาเพิ่งสัญญากับตนเองว่าจะไม่มองหน้านางอีก แต่นี่นางกลับมายืนทำหน้าสีหน้าห่วงใยไต่ถาม องครักษ์หนุ่มเสมองไปทางอื่น...ในเมื่อนางไม่มีใจให้ เขาย่อมต้องรักษาหน้าตนเองเอาไว้ด้วยการตัดใจจากนางซะ!
เสี่ยวลิ่งเห็นเขาไม่พูดไม่จาซ้ำยังเดินหนีไปอีกทางก็รู้สึกไม่พอใจ ก่อนจะไปเมืองหลวงเขายังมาดักรออยากพูดคุยกับนาง แต่พอกลับมากลายเป็นอีกคนที่เย็นชา ซ้ำยังทำหน้าเหมือนนางติดหนี้เขาแล้วไม่ยอมจ่าย
“ท่านหยุดเดี๋ยวนี้!” นางวิ่งตามหลังจงเหยียนเต็มฝีเท้าจนไปยืนกางแขนขวางเขาเอาไว้ได้ องครักษ์จงหยุดยืนแต่กลับไม่ยอมมองหน้าคนตรงหน้า มือหนึ่งกำด้ามกระบี่แน่น อีกมือก็กำหมัด สีหน้าไม่สู้ดีนัก เสี่ยวลิ่งนึกโมโห...เป็นเขาที่ทำให้นางต้องขายหน้าคนทั้งอำเภอ นี่เขาไม่รู้หรือไรว่าจนป่านนี้ทั้งตลาดยังคนนินทาเรื่องนางไม่เลิก
“ข้าถามท่าน เหตุใดจึงไม่ตอบข้าดีๆ? ทำราวกับข้าเป็นคนน่ารังเกียจนัก ทีข้าถูกผู้อื่นหัวเราะเยาะเพราะท่าน ข้าก็ยังหน้าด้านหน้าทนความอดสูมาได้”
จงเหยียนตกตะลึง เมื่อถูกนางตวาดด้วยความโมโห เขายังไม่ทันได้ตอบอันใด เสี่ยวลิ่งก็วิ่งกลับไปยังวิหารเก้าเทพ พลันได้สติก็คิดทบทวนคำพูดของนาง แต่คิดเท่าใดก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี จึงได้แต่เดินเหม่อกลับไปยังอาคารที่องค์ชายสิบห้ายังทรงงานอยู่
“เจ้าไม่หิวจริงๆ หรือ?” กังเฉินหันมากระซิบถามสหายรัก “สีหน้าของเจ้าดูไม่สู้ดี ซีดเซียวเหมือนจะเป็นลมอยู่รอมร่อ”
“กังเฉินเจ้าเคยได้ยินเรื่องซุบซิบในอำเภอนี้เกี่ยวกับเสี่ยวลิ่งหรือไม่?”
“เรื่องของนางกับเจ้าน่ะหรือ? ข้าเพิ่งได้ยินวันที่พวกเรากลับมาจากเมืองหลวงนั่นล่ะ”
องครักษ์จงผงะเล็กน้อย “คนในตลาดพูดกันว่าอย่างไรหรือ?”
“พวกเขาพูดกันว่าเจ้ากับนางเคยขี่ม้าตัวเดียวกัน ที่แท้เป็นการหลอกให้นางมีความหวัง สุดท้ายเจ้าก็มิได้จริงจังเพราะนางเป็นแค่สาวใช้ ตอนนี้นางถูกเจ้าทอดทิ้งกลายเป็นสตรีมีตำหนิ แต่เดิมอายุของนางก็เลยวัยจะออกเรือนยังมามีเรื่องของเจ้าอีก จากนี้คงไม่มีบุรุษใดมองนางแล้ว”
“บัดซบ! ผู้ใดกล้าพูดเช่นนั้น?”
“เขาพูดกันทั้งตลาด เย็นนี้เจ้าลองไปร้านน้ำชากับข้าดีหรือไม่? จะได้ยินกับหูดูกับตาตนเอง”
“ยามนี้นางก็มีกังซือเฉินมาสนใจแล้วนี่? จะหาว่าไม่มีบุรุษกล้ามาสนใจได้อย่างไร?”
กังเฉินเห็นว่าสหายของตนยังเสแสร้งทำทีเหมือนไม่เกี่ยวข้องกับเสี่ยวลิ่งจึงคิดจะทำให้จงเหยียนแสดงตัวสักหน่อย คนผู้นี้ปกติทำตัวเย็นชาไม่สนใจผู้ใด คราวนี้กลับดูหงุดหงิดวุ่นวายใจเพราะสาวใช้สกุลชิง กังเฉินนึกอยากจะเห็นสหายร้อนรนดูสักครั้ง
“มิใช่แค่น้องชายข้าหรอกที่มาตีสนิทกับนาง เมื่อวานข้าแวะไปร้านน้ำชามา ได้ยินว่าคุณชายนิ่งเองก็สนใจในตัวนางเช่นกัน เขาเอ่ยกับสหายร่วมโต๊ะว่าอยากจะสู่ขอนางไปเป็นอนุภรรยาเพราะเห็นว่านางขยันขันแข็ง ข้าได้ยินเต็มสองหู”
“บุตรคหบดีนิ่งน่ะหรือ?”
“ใช่!...แต่จะว่าไปก็ดีเหมือนกันนะ ข้าได้ยินมาว่าคุณชายนิ่งผู้นี้ยังไม่ตบแต่ง ฮูหยินเอก ตระกูลนิ่งได้รับการยกย่องจากคนที่นี่ว่ามีคุณธรรมและน้ำใจ หากว่านางได้เข้าไปเป็นอนุภรรยาคนแรกก็คงจะได้รับการดูแลอย่างดี ไม่ต้องลำบากอีกต่อไป”
“จริงของเจ้า ต่อให้แม่หลีกหนีนางเพียงใดก็คงไม่พ้น ที่ผ่านมาแม่อ่อนแอไม่อาจจะรักษาฐานะคุณหนูไว้ให้เจ้าได้ เอาแต่หลบหนี แม้จะยอมมาอยู่ในจวนเก่าแห่งนี้นางก็ยังไม่ละเว้นพวกเราอยู่ดี”
เหล่าลู่นั่งฟังอยู่เงียบๆ มองหน้าจังฮูหยินด้วยความเห็นใจ “ข้าน้อยเองก็ผิดที่ปกปิดฮูหยินหลายอย่างขอรับ”
คนทั้งสามหันไปมองเหล่าลู่พร้อมกัน “เรื่องใดหรือ?”
“จำตอนที่ฮูหยินเห็นรอยเลือดข้างกำแพงเมื่อครั้งที่เพิ่งมาอยู่จวนนี้ใหม่ๆ ได้หรือไม่ขอรับ?”
จังฮูหยินพยักหน้ารับทว่าดวงตายังแข็งค้าง ส่วนเสี่ยวลิ่งนั้นผงะด้วยความตกใจ “มีคนคิดจะฆ่าพวกเราหรือ?”
“ครั้งนั้นมีคนลอบเข้ามาคิดจะฆ่าฮูหยินกับคุณหนู ข้าจึงได้จัดการพวกเขาแล้วลากไปทิ้งยังแม่น้ำ”
“ถ้าเช่นนั้น ศพนิรนามที่ลอยน้ำไปติดตลิ่งตำบลใกล้ๆ ครั้งนั้นก็เป็นฝีมือท่านน่ะสิ” เสี่ยวลิ่งร้องออกมาด้วยความตกใจจนชิงหลานต้องหันมาทำท่าให้ลดเสียง
เหล่าลู่พยักหน้ารับ “มิใช่แค่ครั้งนั้น คนจวนใหญ่ส่งคนมาถึงห้าครั้งด้วยกัน ยามนั้นข้าไม่อยากให้ทุกคนเป็นกังวลจนมิได้เล่าให้พวกนั้นฟัง แต่ยามนี้คุณหนูก็หายป่วยและยังมีวิทยายุทธ์อีก ข้าเห็นว่าเรื่องนี้คงต้องบอกทุกคนจะได้ระวังตัว”
ชิงหลานจึงเอ่ยสำทับ “เมื่อไม่กี่วันก่อนก็มีมือสังหารลอบเข้าจวนของเรา หากไม่ได้เหล่าลู่ ท่านแม่ ข้า และเจ้าคงจะไม่รอดชีวิตแล้วล่ะ”
เสี่ยวลิ่งหน้าซีดเผือด “ศพนิรนามหลายคดีที่อำเภอเฉิน ที่แท้ก็คือฝีมือท่านนี่เอง มิน่าจึงไม่เคยจับคนร้ายได้”
******************
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เกิดอีกคราเป็นชายาตัวร้าย(มีEbook)