ตอนที่ 168 เสียคุณพ่อไปแล้ว
ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ฉันจเฝ้าอยู่ข้างๆเขาแล้วฟังเขาสำนึกผิด
หากเวลาสามารถย้อนกลับไปได้ ฉันอยากจะบอกกับคุณว่า พ่อคะ หนูให้อภัยพ่อค่ะ พ่อคะ หนูให้อภัยพ่อแล้วค่ะ พ่อคะ หนูไม่ เคยโกรธพ่อเลย ที่หนูโกรธเพราะ หลายปีมานี่ หนูคิดถึงพ่อมาก
หากเวลาสามารถย้อนกลับไปได้ หนูจะกินอาหารที่พ่อทำ ใช้ชีวิตอยู่กับพ่อ
น่าเสียดาย บนโลกนี้ไม่มียาแก้โรคเสียใจที่หลัง กาลเวลาก็ไม่สามารถย้อนกลับไปได้
จารวีนั่งอยู่ข้างถนนอย่างเดี่ยวดายและสิ้นหวัง กอดร่างของพ่อเอาไว้ ร้องไห้คร่ำครวญ
รถฉุกเฉินใกล้ถึงแล้ว จารวียังนั่งกอดร่างชยรพเอาไว้ ไม่ยอมปล่อยมือ
สติค่อยๆหายไป ค่อยๆเลือนล่างไป
ทุกอย่างบริเวณนี้ ดูโกลาหลดูคลุมเครือ
เหมือนโลกนี้ค่อยๆห่างออกไป มีมือคู่หนึ่งกอดเธอไว้แน่น
เขากอดเธอไว้แน่น ไม่พูดสักคำ ใช้ความเงียบปลอบโยนเธอ
จารวีเสียเจ็บปวดจนลืมร้องไห้ เธอตกลงไปในวังวนของความสำนึกผิด
ทำไมตัวเองเห็นแก่ตัวขนาดนี้ ถ้าให้โอกาสพ่อสักครั้ง มันจะดีแค่ไหน
“ยศพล ฉันมันโง่จริงๆ……”
จารวีพูดอย่างเจ็บปวด ปล่อยตัวเองให้ทิ้งตัวอยู่บนอกยศพล
หลังจากที่ชยรพถูกส่งตัวไปถึงโรงพยาบาล ปั๊มหัวใจไปแต่ครึ่งชั่วโมง คุณหมอก็ออกจากห้องฉุกเฉิน
เผชิญหน้ากับจารวีหน้าห้องฉุกเฉิน คุณหมอรู้สึกเสียใจ
“ขอโทษครับ พวกผมพยายามอย่างเต็มที่แล้ว!”
จารวีวิ่งเข้าห้องฉุกเฉินอย่างคนบ้า บนเตียงผู้ป่วย ชยรพไม่หายใจแล้ว
“พ่อค่ะ พ่อค่ะ พ่อช่วยลืมตามาดูหนูหน่อย…..”
ยศพลค่อยเฝ้าอยู่ห่างๆ เห็นจารวีร้องไห้เสียใจขนาดนี้ เขากลับทำอะไรไม่ได้เลย
จารวีกุมมือชยรพไว้ “พ่อค่ะ หนูให้อภัยพ่อแล้ว พ่อลืมตาได้ไหม? หนูอยากกินกับข้าวฝีมือพ่อ หนูให้อภัยพ่อแล้ว พ่อพูดกับหนูหน่อยได้ไหมคะ?”
จารวีพูดไปด้วยร้องไห้ไปด้วย น้ำเสียงโศกเศร้า คุณหมอที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างซึ้งจนน้ำตาไหล
“คุณจารวีครับ คุณชยรพท่านสิ้นแล้วครับ คุณทำใจเถอะ!”
หมอเดินมาเข็นร่างชยรพไป จารวีจับเตียงไว้ไม่ปล่อย
“พวกคุณจะทำอะไร พวกคุณจะพาพ่อฉันไปไหน?”
จารวีควบคุมสติตัวเองไม่อยู่ ร้องตะโกนเสียงดัง เหมือนหมาบ้า แต่ไม่ยอมปล่อยมือ
ยศพลกอดเธอเอาไว้
“จารวี ฟังนะ พ่อคุณท่านสิ้นแล้ว คุณปล่อยให้ท่านไปเถอะ!”
“ยศพล คุณมันเลว พ่อฉันยังไม่ตาย เดียวพ่อก็ฟื้นแล้ว เขาต้องอยากฟังคำว่า ฉันอภัยเขาแล้ว
จารวีร้องไห้ฟูมพาย ยังไงก็ไม่ยอมปล่อยมือ
ยศพลจึงส่งสายตาให้คุณหมอ คุณหมอส่ายหัว แล้วเดินออกไป
จารวีนั่งจับเตียงไว้อย่างดื้อดึง เฝ้าไว้ไม่ยอมไปไหน ร้องไห้จนเหนื่อย แล้วก็จ้องมองอย่างงงงัน
เวลาเหมือนหยุดอยู่ตรงนี้ ความเจ็บปวดเพิ่มขึ้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด เธอจารวีถูกสะกดให้อยุ่ในนี้ หาทางออกไม่ได้ตลอดไป
โลกของเธอมืดมน…..
ยศพลเฝ้าอยู่ข้างกายเธอ ยื่นแขนที่ยาวโอบเธอจากด้านหลัง อยู่เงียบๆเป็นเพื่อนเธอตรงนี้
เขารู้ว่า เธอต้องการเสลาในการเยียวยาหัวใจตัวเอง
เขาใช้มือเช็ดคราบน้ำตาบนหน้าเธอ เขาตบบ่าเธอเบาๆ
“คุณยังมีผมนะ…..”
จารวีไม่เอะเสียง ไม่พูดไม่จา เหมือนวิญญาณเร่ร่อน
จนกระทั่งฟ้ามืด เธอก็ยังไม่ขยับตัวแม้แต่น้อย ไม่ดื่มน้ำ ไม่ทานข้าว คนทั้งคนจะกลายเป็นไม้แกะสลักอยู่แล้ว
“จารวี น้องเป็นไงบ้าง….”
ร่างของมนต์ตรีปรากฏที่ห้องผู้ป่วย ยศพลมองเขาด้วยสายตาเยือกเย็น คุณมาทำอะไร?
แม้คำพูดยังไม่ได้ออกจากปาก แต่สีหน้าท่าทางไม่ชอบใจอย่างมาก
จารวีมองหน้ามนต์ตรี น้ำตาเหมือนสร้อยมุกที่ขาดจากกัน ไหลอย่างไม่หยุด
“พี่มนต์…..คุณพ่อ…..”
มนต์ตรียืนนิ่งไปสักครู่ จ้องมองร่างที่มีผ้าขาวคลุมอยู่ เขาส่ายหน้าเบาๆ
“จารวี อย่าเสียใจไปเลย คุณลุงเขายอมตายเพื่อเธอ เขาตายอย่างมีค่า เธออย่าเสียใจไปเลย
น้ำตาของจารวีเช็ดอย่างไรก็ไม่หมด
พี่มนต์ เป็นเพราะฉันเอง ฉันผิดเอง ก่อนเขาจะตาย ยังไม่มีโอกาสได้บอกเขาเลยว่าให้อภัยแล้ว อันที่จริงฉันไม่เกลียดเขา จริงๆ ฉันไม่เคยเกลียดเขาเลย แค่โทษเขาที่ทิ้งฉันไปตอนเด็ก ฉันนึกว่าเขาไม่รักฉัน
ใช่ไง เมื่อก่อนไม่รู้ว่าพ่อรักเธอ ตอนนี้รู้แล้วว่าพ่อรักเธอ แต่มันก็สายไปแล้ว
“จารวี ปล่อยให้ลุงชยรพไปสบายเถอะ!”
ภายใต้การโน้มน้าวของมนต์ตรี ในที่สุดจารวีก็ยอมปล่อยมือ ยอมให้คุณหมอเข็นร่างของชยรพไปห้องดับจิต
การตายของชยรพ ส่งผลกระทบต่อจารวีมาก เธอเปลี่ยนไปเป็นคนโศกเศร้า
จมอยู่กับความเจ็บปวดที่สูญเสียพ่อไป ถอนตัวไม่ขึ้น
ยศพลถึงแม้จะไม่ชอบมนต์ตรี แต่เห็นว่าจารวียอมฟังที่เขาพูด เขาจึงไม่ได้ไล่เขาตามอำเภอใจ
สภาพร่างกายของจารวีไม่ค่อยดีนัก หลังจากที่ชยรพตาย เธอไม่ได้ไปร่วมงานศพเขาด้วยซ้ำ แต่นอนอยู่โรงพยาบาลตลอด
แต่สุรีย์วัลย์กลับมาเยี่ยมจารวีเอง นี้ทำให้จารวีแปลกใจมาก
ยศพลมองมนต์ตรี ในสายตามีความสะใจนิดๆ
มนต์ตรีมองจารวีตาค้าง “จารวี เมื่อก่อนชอบกินเกาลัดคั่วน้ำตาลมากไม่ใช่เหรอ?”
จารวีอมยิ้มส่ายหัว “ขอโทษค่ะ พี่มนต์ ตั้งแต่ท้อง ก็เกิดไม่ชอบกินของหวาน ดังนั้นขนาดนั้นเกาลัดคั่วน้ำตาลก็ไม่ชอบแล้ว”
สายตามนต์ตรีมีความเจ็บปวดที่มองไม่เห็น
เธอเปลี่ยนไปแล้ว เธอไม่ชอบทุกอย่างที่เป็นเขาอีกแล้ว
“นี้เป็นซุปไก่ที่ฉันตุ๋นเองกับมือ เธอต้องดื่มให้หมดนะ!”
ยศพลยกซุปไก่ของตัวเองตุ๋น ตักมาถ้วยหนึ่งวางบนมือจารวี แต่ก็กลัวว่าเธอจะร้อน จึงเป่าให้เย็นก่อนให้เธอ
ใบหน้าจารวีเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุข ค่อยๆดื่มซุปที่ยศพลตักให้จนหมด
รอยยิ้มบนหน้าเธอ ความเอาแต่ใจของเธอ ความสุขของเธอ ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเขาอีกแล้ว
สีหน้าของมนต์ตรีอับอายและหดหู่
ในใจเหมือนมีที่ที่หนึ่ง ตกลึกลงไปข้างใน
“ดื่มหมดแล้ว รสชาติดีที่เดียว !” จารวีชม ยศพลรับถ้วยจากมือเธอ ย่อตัวลง ใช้ปากของเขาประกบปากของเธอ ชิมรสชาติที่ติดอยู่บนริมฝีปากเธอจนหมด ถึงพูดอย่างพอใจว่า “รสชาติไม่เลวจริงๆ”
“ยศพล คุณมันหลงตัวเอง…..”จารวีหัวเราะ
มนต์ตรียืนขึ้นอย่างอับอาย
“จารวี ผมมีเรื่องต้องทำไปก่อนนะ คุณพักผ่อนมาก พรุ่งนี้ผมมาเยี่ยมใหม่…..”
ไม่รอให้จารวีตอบ มนต์ตรีออกไปอย่างรวดเร็ว
เห็นผู้หญิงที่ตัวเองชอบ กำลังจู๋จี๋กับชายอื่น คิดว่าผู้ชายทั้งโลก คงไม่มีคนไหนทนได้
จิตใจของมนต์ตรีถูกเหยียบย้ำอย่างหนัก
ยศพลมองตามมนต์ตรีอย่างคิดหนัก
“ดูแล้ว พี่มนต์ของคุณจะเป็นห่วงคุณมากนะ ที่งานศพพ่อคุณ เขาวิ่งวุ่นช่วยทั้งหน้าทั้งหลัง ตอนนี้คุณเข้าโรงพยาบาล ยังมาเยี่ยมคุณทุกวันอีก พี่ชายคนนี้ทำในหน้าที่ได้ดีจริงๆ
ในคำพูดแฝงด้วยความหึงหวง จารวีฟังออกในทันที
เธอหัวเราะเบาๆ “ยศพล คุณทำได้แค่นี้เหรอ? คุณคิดว่าฉันเป็นองค์หญิงหรือไง ชายทั้งโลกถึงได้จะมาชอบฉัน?”
ยศพลหัวเราะ เหอะๆ เขาหันหน้ามา ยื่นมือจับหน้าจารวีไว้ แล้วก็จูบอย่างดูดดื่ม
จนจารวีแทบหายใจไม่ออก เขาถึงยอมปล่อย
“คุณพูดถูก คุณเป็นองค์หญิง ผู้ชายบนโลกใบนี้ต่างก็ชอบคุณทั้งนั้น แต่ว่า ถ้าใครคิดจะมายุ่งกับคุณละก็ ผมไม่ปล่อยมันไปแน่
“คุณคิดมากไปแล้ว พี่มนต์เขามีสุรีย์วัลย์อยู่แล้ว…..”
รอยยิ้มยศพลมีความนัยแฝงอยู่ “คำนั่นเหมือนเดิม เขารักผู้หญิงคนนั้นซิแปลก!”
จารวีฟังจบ ก็เริ่มคิดหนัก หรือว่าพี่มนต์ไม่ได้รักสุรีย์วัลย์เหรอ? ทำไมเธอถึงดูไม่ออก
แต่ว่าเรื่องนี้มันไม่สำคัญอีกต่อไป ที่สำคัญคือตอนนี้เธอใช้ชีวิตอย่างมีความสุขก็พอ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เล่ห์รักเมียตัวน้อย