ตอนที่ ๔
“ฉันไม่ตุกติกหรอก ปล่อยได้แล้ว” เมื่อเป็นอิสระแล้วเธอก็ขยับห่างเขาไปทันที
“บอกมาว่าอยากได้ค่าจ้างเท่าไหร่ เดี๋ยวผมจะเอาเงินมาให้” นิคเตอร์จับแขนเล็กให้เดินตามมานั่งกินข้าวด้วยกัน
“คุณจะไม่ไปแต่งตัวก่อนเหรอคะ” แล้วเธอจะได้หนีกลับบ้าน ส่วนอาหารมื้ออื่นๆ เห็นทีต้องไปจ้างหลานชาย ป้าแช่มมาส่งให้ซะแล้ว จะได้ไม่ต้องมาเจอหน้าเขาอีก แต่! ตอนนี้เธอต้องเก็บเงินให้ได้มากที่สุดนี่น่าจะได้เอาไปใช้หนี้เสี่ยทรงพล
“ไม่ล่ะ ผมชอบแบบนี้” เขาตอบกลับแบบหน้าด้านๆ
ชลินทราถอนหายใจเฮือกใหญ่กับความหน้าด้านของเขา แล้วถ้าไม่อยากได้คนเช่าบ้านนะ เธอจะไปบอกให้ป้าจุรีมาไล่อีตาฝรั่งชีกอคนนี้ออกไปจากบ้านเช่าซะเดี๋ยวนี้ แต่จะว่าไปดูท่าทางเขาก็ท่าจะเป็นคนมีเงินอยู่นะ แล้วทำไมไปพักโรงแรมหรูๆ อยู่ล่ะ แต่ก็ช่างเถอะ! เรื่องของเขา
“แต่ฉันไม่ชอบคนแต่งตัวไม่เรียบร้อย” ชลินทราแย้งเสียงแข็ง
“ไม่ชอบให้ผมใส่อะไรใช่ไหม ได้สิ เดี๋ยวผมจะถอดออก เพราะปกติผมก็ชอบแก้ผ้านั่งกินข้าวอยู่แล้ว” นิคเตอร์ตอบกลับหน้าตาย
“คนทุเรศ! เชิญคุณกินข้าวไปคนเดียวเถอะ” ประณามอย่างเหลืออดแล้วเธอก็สะบัดแขนจนหลุดแต่เพียงครู่เดียวก็ถูกมือใหญ่ยึดไว้เช่นเดิม
“โซ่! อย่าขัดใจผมได้ไหม ผมสั่งอะไรก็ให้ทำตามเถอะ ถ้าไม่อยากให้ผมโมโห” คนถูกขัดใจบอกเสียงกร้าว
...ชลินทราหยุดดิ้นแล้วเงยหน้ามองผู้ชายตัวโตๆ ที่ไม่รู้มีปัญหาอะไรกับเธอนักหนา
“ฟังฉันให้ดีๆ นะคุณนิคเตอร์ ฉันกับคุณไม่ได้เป็นอะไร ฉะนั้น! อย่ามาทำเสียงแบบนี้ใส่ฉัน แล้วก็ห้ามมาสั่งให้ฉันทำนั่นทำนี่ด้วย ปล่อย!” ชลินทราใช่มือข้างที่ว่างสะบัดใส่หน้าหล่อเหลา จากนั้นเธอก็วิ่งออกจากบ้านไปอย่างรวดเร็ว
นิคเตอร์มองตามทั้งโกรธทั้งเสียหน้า ที่หญิงสาวปฏิเสธน้ำใจจากเขา ก่อนจะเดินไปหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรหา โคบี้ที่ตอนนี้กำลังรอขึ้นเครื่องเดินทางกลับ
“ได้ครับคุณนิค” หลังได้รับคำสั่งแล้วโคบี้ก็รับคำแข็งขัน ก่อนจะเดินลากกระเป๋าออกจากสนามบินแล้วเดินทางไปหาโรงแรมไม่ไกลจากบ้านเช่าที่เจ้านายหนุ่มเช่าอยู่เพื่อทำงานด่วนให้เจ้านาย
โครม!
เสียงรถมอเตอร์ไซด์ล้มดังลั่นหลังจากเจ้าของวางขาตั้งไม่ดีแต่ถึงอย่างนั้นชลินทราก็ไม่คิดจะกลับไปยกรถขึ้น แต่เธอเลือกที่จะเดินปึงปังเข้าไปในบ้าน โดยมีจุรี หลานสาวและหลานชายของป้าแช่มมองตาม
“นังโซ่ มันเป็นอะไรของมัน ตอนไปก็ดีๆ อยู่นี่น่า” พูดจบแล้วก็หันมาผัดข้าวต่อ กระทั่งจัดการทำอาหารให้ลูกค้าหมดทุกคนแล้วจุรีก็เดินมาหาหลานสาวที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่
“เป็นอะไรยัยโซ่ ถึงได้หน้าบูดเป็นตูดกลับมา”
“เปล่าจ้ะป้า ว่าแต่ลูกค้าไปหมดแล้วเหรอ” ถามไปแล้วก็แปลกใจที่ป้าเปิดร้านเร็วกว่าที่บอก
“แกอย่ามาเปลี่ยนเรื่องยัยโซ่ ตกลงเป็นอะไร หรือว่าฝรั่งที่มาเช่าบ้านทำอะไรแก”
“ก็ไปเรียกค่าเสียหายกับฝรั่งคนนั้นไง มันลวนลามแกใช่ไหมยัยโซ่ล่ะ แกถึงได้หนีกลับมา” จุรียอมปล่อยมือจากแขนหลานสาว ก่อนจะหันมาประจันหน้าคาดคั้นเอาความจริง
“เปล่านะป้า แต่ที่ฉันหนีเนี่ย เพราะฉันยังไม่ได้ตกลงจะกินข้าวด้วยแต่ฝรั่งคนนั้นก็บังคับฉันให้อยู่ ก็แค่นี้เองป้า ป้าอย่าไปเรียกร้องอะไรนะ” ชลินทราทำเสียงอ้อนๆ ไม่อยากให้ป้า
“แต่แกกับฉันต้องรีบหาเงินไปคืนเสี่ยทรงพลนะยัยโซ่” พูดเรื่องนี้ขึ้นมาจุรีก็กลุ้มจนหัวแทบระเบิด เพราะเวลาแค่สามวันใครจะไปหาเงินมาทันได้อย่างไร ครั้นพอโทรไปจะขอกู้กับเจ๊มาลัย ทางนั้นก็บอกจะคิดดอกเพิ่มจากเดิม
“ฉันรู้ป้า” ชลินทราตอบกลับด้วยสีหน้าเครียดๆ ตามติดมาด้วยเสียงถอนหายใจ เห็นทีว่าเธอคงต้องกลับไปตกลงกับ อีตาฝรั่งแล้วว่าจะอยู่กินข้าวเป็นเพื่อน ก่อนที่สองป้าหลานจะพากันเงียบไป สักพักหลานชายป้าแช่มก็เรียกให้ไปทำอาหารเมื่อลูกค้ามา แล้วลูกค้าที่ว่าก็ไม่ใช่ใครไหน แต่เป็นเจ๊มาลัยกับลูกน้องหน้าเหี้ยม
“น้ำจะท่วมบ้านหรือเปล่าว่ะ เจ๊มาลัยมากินข้าวที่ร้านกู” จุรีเอ่ยออกมาดังๆ ก่อนจะมองที่หน้าบ้านก็เห็นเจ๊มาลัยมากับลูกน้อง
“นั่นสิป้า ปกติเจ๊แกจะมาแค่เก็บเงินนี่น่า”
“ช่างมันเถอะ อยากจะมาก็มา แต่ถ้าจะมากินฟรี นังจุรีจะเอาตะหลิวฟาดปากให้สักทีสองที” จุรีเดินออกไปทำอาหารที่เจ๊มาลัยสั่งมาสามสี่อย่าง กระทั่งกินกันเรียบร้อยแล้วเจ๊มาลัยก็ชักดาบจริงๆ
จุรีพยายามจะเอาตะหลิวเข้าไปทำร้ายเจ๊มาลัย แต่ก็โดนลูกน้องของเจ๊มาลัยพุ่งเข้ามาจะทำร้าย
“หยุดนะ!” ชลินทราคว้ามีดอีโต้มาขู่ชายร่างใหญ่ฟ่อๆ ก่อนที่พวกนั่นจะเดินออกไปขึ้นรถ แต่มิวายชี้หน้าชลินทรา ที่ก็หวั่นๆ เหมือนกัน
“หน็อย...อีเจ๊มาลัย มีเงินตั้งเยอะตั้งแยะ แต่ดันมาแดกของกูฟรี กูขอแช่งให้มึงโดนเผานั่งยางกันทั้งแก๊งเลย!” จุรีตะโกนด่าไล่หลัง ก่อนที่ชลินทราจะเข้ามาขอให้ป้าหยุดด่า เพราะกลัวว่าถูกลูกน้องของเจ๊มาลัยกลับมาทำร้าย
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เพลิงสวาทพันธนาการใจ