เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ นิยาย บท 20

เสียงร้องไห้และปลอบโยนตรงทางเดินก็หยุดลงทันที

เทียนแขชูเกียรติโล่งอก

แววตาวาเลนไทน์มีประกายความปีติยินดี

วันวิวาห์เหมือนไม่เห็นทั้งหมดนี้:“ถ้าพวกพ่อกับแม่ต้องการของพวกนี้ ฉันจะให้หมด บัตรที่อายัดเหล่านั้นก็ไม่ต้องปลดอายัด ทุกบาททุกสตางค์ของตระกูลโสธรณาลัย ฉันจะไม่เอาไป ฉันจะไปแต่ตัวเปล่า ขอแค่เงื่อนไขเพียงอย่างเดียว……”

“เงื่อนไขอะไร?”เทียนแขถามอย่างทนไม่ไหว

วันวิวาห์ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย เหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยเมย:“พวกเราตัดขาดกัน!ตั้งแต่นี้ไป ฉันไม่มีครอบครัวแบบนี้อีก พวกพ่อกับแม่ก็ไม่มีฉันที่เป็นลูกสาวอีก”

“ตัดก็ตัดสิ เธออยากไป พวกเราก็ไม่ห้าม”

เทียนแขเก็บสัญญาโอนที่พื้นขึ้นมา แล้วยื่นปากกาที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา

“เหอะ!”

วันวิวาห์หัวเราะอย่างเหยียดหยาม:“รีบร้อนไปทำไม ฉันไม่ได้หนีสักหน่อย รอคุณปู่ดีขึ้น ค่อยเอามาให้ฉันเซ็นสิ”

ดันของที่เทียนแขยื่นมา เธอพูดเตือนอย่างเย็นชา:“ถึงแม้ตอนนั้นที่แยกบ้านกัน คุณปู่แบ่งให้พวกเราดูแล แต่ถ้าพวกพ่อกับแม่ยังไม่สนใจไม่ดูแลร่างกายคุณปู่อีก ฉันจะเอาทุกอย่างไปบอกลุงใหญ่กับอาสาม ถึงตอนนั้น พวกพ่อกับแม่ก็คิดละกันว่าจะอธิบายกับพวกเขาอย่างไร!”

พูดจบ ก็หันกลับเดินออกไปก้าวเท้ายาวๆ

ชูเกียรติชี้ไปที่แผ่นหลังเธออย่างโกรธจัด:“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!ทำไมฉันถึงให้กำเนิดแกที่เป็นคนอกตัญญูแบบนี้นะ!”

วาเลนไทน์รีบไปประคองเขาแล้วปลอบ:“พ่อ อย่าโกรธสิเดี๋ยวสุขภาพแย่ งั้นตอนนี้พวกเรา ยังต้องให้คุณปู่ใช้ย่าต่อไหม?”

เทียนแขชิงพูด:“วันวิวาห์ไม่เซ็นชื่อพวกเราก็ไม่จ่าย!”

“ถ้าไม่จ่ายก็รอนอนข้างถนนได้เลย!”

ชูเกียรติตะโกนอย่างโกรธจัด ถอนหายใจ:“ถ้าโดนพวกลุงใหญ่แกรู้ กลัวว่าตอนนั้นพวกเราจะไม่เหลืออะไรน่ะสิ ไปจ่ายค่ารักษาก่อน!ในเมื่อวิวาห์พูดแบบนั้นแล้ว รอปู่แกฟื้นมาเธอไม่ผิดสัญญาแน่”

วาเลนไทน์กับเทียนแขสบตากัน

ถึงไม่ยินยอมเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องไปชำระ

……

ที่ช่องชำระเงิน

วันวิวาห์แน่ใจว่าเทียนแขจ่ายค่ารักษาแล้ว จึงกลับไปขึ้นรถ

โมโมะสำรวจเธอ:“ทำไมมีสภาพแบบนี้ล่ะ?หรือว่าอาการป่วยของคุณปู่ปรมะไม่ค่อยดี?”

วันวิวาห์พิงไปที่เก้าอี้นั่ง นิ้วมือเรียวยาววางไว้ที่ใบหน้า แล้วส่ายหน้า

เธอเล่าเรื่องที่อยู่ชั้นบนเมื่อกี๊ไปคร่าวๆ

โมโมะโกรธจนสีหน้าดูเหยเก ผลักประตูลงจากรถ:“รังแกกันเกินไปแล้ว ฉันจะไปหาพวกเขา!”

“โม”

วันวิวาห์ดึงชายเสื้อด้านหลังของโมโมะ พูดด้วยเสียงเหนื่อยล้า:“ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์ แบบนี้แหละ ตอนนี้พวกเขาชำระเงินแล้ว แค่คุณปู่ดีขึ้นมา ให้พวกเขาไปก็ให้ไปเถอะ”

ถึงแม้ในใจของโมโมะจะไม่ยอมนัก แต่สุดท้ายนี่ก็เป็นเรื่องที่บ้านของวันวิวาห์

จู่ๆ เธอก็คิดอะไรได้:“ที่จริงนอกจากพ่อเลวๆของเธอแล้ว พวกเรายังมีอีกทาง สามารถรักษาปู่เธอได้ดีเช่นกัน”

“วิธีไหน?”

“จอมพล!”

โมโมะพูดอย่างตื่นเต้น:“เธอลืมแล้วเหรอ เขาเป็นหมอ ทำไมพวกเราต้องใกล้เกลือกินด่างด้วย?”

วันวิวาห์โกรธจนสมองเบลอไปหมด พอได้ยินก็ตะลึง:“ลืมไปจริงๆ”

โมโมะไม่เชื่อเธอ:“เธอไม่ได้ลืมหรอก เธอชินแล้วที่เจอปัญหาต้องจัดการเอง เธอว่ามาสิ ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเคยขอร้องใครพึ่งใครบ้าง?”

เรื่องที่ไม่ดี ยุ่งยาก ลำบาก ก็สู้เองคนเดียวมาเสมอ แต่พอมีอะไรดีๆ ก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะแชร์ความสุขนั้นให้ทุกคน

วันวิวาห์ไม่พูดจา

คนอื่นต่างคิดว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน มีพวกพี่ชายน้องชายปกป้อง จะต้องเหมือนเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยแน่

แต่ความจริงล่ะ?

เธอไม่เคยเอาทุกอย่างจากที่บ้านมาแน่นอน เธอจึงคุ้นเคยกับการพึ่งพาตัวเองมานานแล้ว

โมโมะโอบเธออย่างสงสาร:“เธอฝึกตัวเองให้เข้มแข็งขนาดนี้ เทียบกับน้ำตาของยัยแรดนั่นไม่ได้เลย”

จากกำลังใจที่ล้างสมอง วันวิวาห์ก็ใจเต้น ตัดสินใจไปลองขอความช่วยเหลือจากจอมพล

แค่เธอแน่ใจว่าคุณปู่ไม่เป็นไร เรื่องอื่นๆเธอสามารถคิดหาวิธีแก้ไขได้ด้วยตัวเอง

ตอนเย็นเลิกเรียน

วันวิวาห์ตะลึง เงยตาขึ้นอย่างแปลกใจ

สบตาเข้ากับใบหน้าชายหนุ่มที่ดูมีมิติ โครงร่างชัดเจนดี ทั้งๆที่ดูสภาพเหมือนเย็นชาห่างเหิน แต่คิดไม่ถึงว่าจะติดตามเรื่องของเธอ

“ที่แท้คุณก็รู้เหรอ?”

คิดแล้วก็ใช่ ลงสื่อตั้งเยอะอย่างนั้น เขารู้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร

อีกอย่าง ยังไงวาเลนไทน์ก็เป็นหลานสะใภ้เขาในอนาคต ก็ต้องติดตามไปบ้างแหละ

วันวิวาห์รีบอธิบาย:“คุณเข้าใจผิดแล้ว เรื่องเล็กๆแบบนั้น ฉันแก้ไขเองได้ ฉันมาหาคุณเพื่อปู่ฉัน เขาหมดสติไปหลายเดือนแล้ว ใช้ยานำเข้าตัวหนึ่ง ยังฟื้นมาอย่างยากลำบาก ก็แค่ ……”

“ผมเป็นหมอด้านเนื้องอก รักษาปู่คุณไม่ได้”จอมพลตัดบทเธออย่างเฉยเมย:

วันวิวาห์กล้ำกลืนคำที่จะพูดออกมาลงไป

เธอเงียบไปสักพัก ผิดหวังเล็กน้อย:“ก็ใช่ แต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน งั้นข้าวมื้อนี้ถือว่าขอบคุณบัตรของคุณละกัน รีบกินเถอะ”

ยอมแพ้แบบนี้เหรอ?

จอมพลขมวดคิ้วเล็กน้อย

เธอหน้าด้านมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆก็ดูชิลแบบนี้?

ชายหนุ่มชิมไปคำหนึ่ง แล้วพูดนิ่งๆ:“เห็นแก่ที่คืนนี้คุณทำอาหารพอใช้ได้ คุณขอร้องผมสิ ผมอาจจะพิจารณาหาเพื่อนร่วมงานไปดู”

หลังจากที่ซึมก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้น ความผิดหวังถูกแทนที่ด้วยความปีติสุขใจ รอยยิ้มจากมุมปากแพร่กระจายไปยังแววตา

วันวิวาห์รีบถือแก้วไวน์ไปด้านข้างชายหนุ่ม คำหวานๆถูกพูดออกมาเหมือนไม่คิดเงิน:“ที่รักเจ๋งที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่หล่อเหลา แต่ยังใจอ่อนและเอาใจเก่ง ชาติที่แล้วฉันทำบุญมาเยอะแน่ๆ ชาตินี้เลยได้เจอคุณ ……”

หนูกะทิในห้องรับแขกหดหู่ใจอย่างมาก

เธออยากกินข้าวเงียบๆ ทำไมต้องให้เธอมาเห็นคนรักกันด้วย?

เด็กสาวจ้องเขม็งอย่างดุเดือด:“พวกพ่อสองคนบวกอายุกันแล้วก็เกินห้าสิบ ปล่อยหนูอยู่เงียบๆไม่ได้เหรอ?”

วันวิวาห์:“……”

จอมพล:“……”

หนูกะทิกระโดดลงจากเก้าอี้ทานข้าว ดึงกระเป๋าหนังสือมาแล้วหยิบใบแจ้งเตือนออกมา วางลงบนโต๊ะ:“บ่ายวันศุกร์มีกีฬาสีครอบครัว แต่อายุพวกพ่อรวมกันแล้วก็เกยีษณได้เลย น่าจะเข้าร่วมไม่ไหว งั้นก็อย่าไปเลย”

น้ำเสียงเด็กสาวดูไม่แคร์ แต่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งกำลังคาดหวังอย่างชัดเจน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ