เสียงร้องไห้และปลอบโยนตรงทางเดินก็หยุดลงทันที
เทียนแขชูเกียรติโล่งอก
แววตาวาเลนไทน์มีประกายความปีติยินดี
วันวิวาห์เหมือนไม่เห็นทั้งหมดนี้:“ถ้าพวกพ่อกับแม่ต้องการของพวกนี้ ฉันจะให้หมด บัตรที่อายัดเหล่านั้นก็ไม่ต้องปลดอายัด ทุกบาททุกสตางค์ของตระกูลโสธรณาลัย ฉันจะไม่เอาไป ฉันจะไปแต่ตัวเปล่า ขอแค่เงื่อนไขเพียงอย่างเดียว……”
“เงื่อนไขอะไร?”เทียนแขถามอย่างทนไม่ไหว
วันวิวาห์ยกมุมปากขึ้นอย่างเยาะเย้ย เหลือบมองพวกเขาอย่างเฉยเมย:“พวกเราตัดขาดกัน!ตั้งแต่นี้ไป ฉันไม่มีครอบครัวแบบนี้อีก พวกพ่อกับแม่ก็ไม่มีฉันที่เป็นลูกสาวอีก”
“ตัดก็ตัดสิ เธออยากไป พวกเราก็ไม่ห้าม”
เทียนแขเก็บสัญญาโอนที่พื้นขึ้นมา แล้วยื่นปากกาที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา
“เหอะ!”
วันวิวาห์หัวเราะอย่างเหยียดหยาม:“รีบร้อนไปทำไม ฉันไม่ได้หนีสักหน่อย รอคุณปู่ดีขึ้น ค่อยเอามาให้ฉันเซ็นสิ”
ดันของที่เทียนแขยื่นมา เธอพูดเตือนอย่างเย็นชา:“ถึงแม้ตอนนั้นที่แยกบ้านกัน คุณปู่แบ่งให้พวกเราดูแล แต่ถ้าพวกพ่อกับแม่ยังไม่สนใจไม่ดูแลร่างกายคุณปู่อีก ฉันจะเอาทุกอย่างไปบอกลุงใหญ่กับอาสาม ถึงตอนนั้น พวกพ่อกับแม่ก็คิดละกันว่าจะอธิบายกับพวกเขาอย่างไร!”
พูดจบ ก็หันกลับเดินออกไปก้าวเท้ายาวๆ
ชูเกียรติชี้ไปที่แผ่นหลังเธออย่างโกรธจัด:“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!ทำไมฉันถึงให้กำเนิดแกที่เป็นคนอกตัญญูแบบนี้นะ!”
วาเลนไทน์รีบไปประคองเขาแล้วปลอบ:“พ่อ อย่าโกรธสิเดี๋ยวสุขภาพแย่ งั้นตอนนี้พวกเรา ยังต้องให้คุณปู่ใช้ย่าต่อไหม?”
เทียนแขชิงพูด:“วันวิวาห์ไม่เซ็นชื่อพวกเราก็ไม่จ่าย!”
“ถ้าไม่จ่ายก็รอนอนข้างถนนได้เลย!”
ชูเกียรติตะโกนอย่างโกรธจัด ถอนหายใจ:“ถ้าโดนพวกลุงใหญ่แกรู้ กลัวว่าตอนนั้นพวกเราจะไม่เหลืออะไรน่ะสิ ไปจ่ายค่ารักษาก่อน!ในเมื่อวิวาห์พูดแบบนั้นแล้ว รอปู่แกฟื้นมาเธอไม่ผิดสัญญาแน่”
วาเลนไทน์กับเทียนแขสบตากัน
ถึงไม่ยินยอมเท่าไหร่นัก แต่ก็ต้องไปชำระ
……
ที่ช่องชำระเงิน
วันวิวาห์แน่ใจว่าเทียนแขจ่ายค่ารักษาแล้ว จึงกลับไปขึ้นรถ
โมโมะสำรวจเธอ:“ทำไมมีสภาพแบบนี้ล่ะ?หรือว่าอาการป่วยของคุณปู่ปรมะไม่ค่อยดี?”
วันวิวาห์พิงไปที่เก้าอี้นั่ง นิ้วมือเรียวยาววางไว้ที่ใบหน้า แล้วส่ายหน้า
เธอเล่าเรื่องที่อยู่ชั้นบนเมื่อกี๊ไปคร่าวๆ
โมโมะโกรธจนสีหน้าดูเหยเก ผลักประตูลงจากรถ:“รังแกกันเกินไปแล้ว ฉันจะไปหาพวกเขา!”
“โม”
วันวิวาห์ดึงชายเสื้อด้านหลังของโมโมะ พูดด้วยเสียงเหนื่อยล้า:“ช่างเถอะ ไม่มีประโยชน์ แบบนี้แหละ ตอนนี้พวกเขาชำระเงินแล้ว แค่คุณปู่ดีขึ้นมา ให้พวกเขาไปก็ให้ไปเถอะ”
ถึงแม้ในใจของโมโมะจะไม่ยอมนัก แต่สุดท้ายนี่ก็เป็นเรื่องที่บ้านของวันวิวาห์
จู่ๆ เธอก็คิดอะไรได้:“ที่จริงนอกจากพ่อเลวๆของเธอแล้ว พวกเรายังมีอีกทาง สามารถรักษาปู่เธอได้ดีเช่นกัน”
“วิธีไหน?”
“จอมพล!”
โมโมะพูดอย่างตื่นเต้น:“เธอลืมแล้วเหรอ เขาเป็นหมอ ทำไมพวกเราต้องใกล้เกลือกินด่างด้วย?”
วันวิวาห์โกรธจนสมองเบลอไปหมด พอได้ยินก็ตะลึง:“ลืมไปจริงๆ”
โมโมะไม่เชื่อเธอ:“เธอไม่ได้ลืมหรอก เธอชินแล้วที่เจอปัญหาต้องจัดการเอง เธอว่ามาสิ ตั้งแต่เด็กจนโต เธอเคยขอร้องใครพึ่งใครบ้าง?”
เรื่องที่ไม่ดี ยุ่งยาก ลำบาก ก็สู้เองคนเดียวมาเสมอ แต่พอมีอะไรดีๆ ก็แทบจะรอไม่ไหวที่จะแชร์ความสุขนั้นให้ทุกคน
วันวิวาห์ไม่พูดจา
คนอื่นต่างคิดว่าเธอเป็นลูกสาวคนเดียวของบ้าน มีพวกพี่ชายน้องชายปกป้อง จะต้องเหมือนเป็นเจ้าหญิงตัวน้อยแน่
แต่ความจริงล่ะ?
เธอไม่เคยเอาทุกอย่างจากที่บ้านมาแน่นอน เธอจึงคุ้นเคยกับการพึ่งพาตัวเองมานานแล้ว
โมโมะโอบเธออย่างสงสาร:“เธอฝึกตัวเองให้เข้มแข็งขนาดนี้ เทียบกับน้ำตาของยัยแรดนั่นไม่ได้เลย”
จากกำลังใจที่ล้างสมอง วันวิวาห์ก็ใจเต้น ตัดสินใจไปลองขอความช่วยเหลือจากจอมพล
แค่เธอแน่ใจว่าคุณปู่ไม่เป็นไร เรื่องอื่นๆเธอสามารถคิดหาวิธีแก้ไขได้ด้วยตัวเอง
ตอนเย็นเลิกเรียน
วันวิวาห์ตะลึง เงยตาขึ้นอย่างแปลกใจ
สบตาเข้ากับใบหน้าชายหนุ่มที่ดูมีมิติ โครงร่างชัดเจนดี ทั้งๆที่ดูสภาพเหมือนเย็นชาห่างเหิน แต่คิดไม่ถึงว่าจะติดตามเรื่องของเธอ
“ที่แท้คุณก็รู้เหรอ?”
คิดแล้วก็ใช่ ลงสื่อตั้งเยอะอย่างนั้น เขารู้ไม่ใช่เรื่องยากอะไร
อีกอย่าง ยังไงวาเลนไทน์ก็เป็นหลานสะใภ้เขาในอนาคต ก็ต้องติดตามไปบ้างแหละ
วันวิวาห์รีบอธิบาย:“คุณเข้าใจผิดแล้ว เรื่องเล็กๆแบบนั้น ฉันแก้ไขเองได้ ฉันมาหาคุณเพื่อปู่ฉัน เขาหมดสติไปหลายเดือนแล้ว ใช้ยานำเข้าตัวหนึ่ง ยังฟื้นมาอย่างยากลำบาก ก็แค่ ……”
“ผมเป็นหมอด้านเนื้องอก รักษาปู่คุณไม่ได้”จอมพลตัดบทเธออย่างเฉยเมย:
วันวิวาห์กล้ำกลืนคำที่จะพูดออกมาลงไป
เธอเงียบไปสักพัก ผิดหวังเล็กน้อย:“ก็ใช่ แต่ละคนมีด้านที่เก่งไม่เหมือนกัน งั้นข้าวมื้อนี้ถือว่าขอบคุณบัตรของคุณละกัน รีบกินเถอะ”
ยอมแพ้แบบนี้เหรอ?
จอมพลขมวดคิ้วเล็กน้อย
เธอหน้าด้านมากไม่ใช่เหรอ ทำไมจู่ๆก็ดูชิลแบบนี้?
ชายหนุ่มชิมไปคำหนึ่ง แล้วพูดนิ่งๆ:“เห็นแก่ที่คืนนี้คุณทำอาหารพอใช้ได้ คุณขอร้องผมสิ ผมอาจจะพิจารณาหาเพื่อนร่วมงานไปดู”
หลังจากที่ซึมก็มีจุดเปลี่ยนเกิดขึ้น ความผิดหวังถูกแทนที่ด้วยความปีติสุขใจ รอยยิ้มจากมุมปากแพร่กระจายไปยังแววตา
วันวิวาห์รีบถือแก้วไวน์ไปด้านข้างชายหนุ่ม คำหวานๆถูกพูดออกมาเหมือนไม่คิดเงิน:“ที่รักเจ๋งที่สุดแล้ว ไม่ใช่แค่หล่อเหลา แต่ยังใจอ่อนและเอาใจเก่ง ชาติที่แล้วฉันทำบุญมาเยอะแน่ๆ ชาตินี้เลยได้เจอคุณ ……”
หนูกะทิในห้องรับแขกหดหู่ใจอย่างมาก
เธออยากกินข้าวเงียบๆ ทำไมต้องให้เธอมาเห็นคนรักกันด้วย?
เด็กสาวจ้องเขม็งอย่างดุเดือด:“พวกพ่อสองคนบวกอายุกันแล้วก็เกินห้าสิบ ปล่อยหนูอยู่เงียบๆไม่ได้เหรอ?”
วันวิวาห์:“……”
จอมพล:“……”
หนูกะทิกระโดดลงจากเก้าอี้ทานข้าว ดึงกระเป๋าหนังสือมาแล้วหยิบใบแจ้งเตือนออกมา วางลงบนโต๊ะ:“บ่ายวันศุกร์มีกีฬาสีครอบครัว แต่อายุพวกพ่อรวมกันแล้วก็เกยีษณได้เลย น่าจะเข้าร่วมไม่ไหว งั้นก็อย่าไปเลย”
น้ำเสียงเด็กสาวดูไม่แคร์ แต่ใบหน้าที่เย่อหยิ่งกำลังคาดหวังอย่างชัดเจน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ