งานกีฬาสานสัมพันธ์ครอบครัวจบลงแล้ว พวกเขาสามคนกินข้าวข้างนอกเสร็จ จึงจะกลับบ้าน
จอมพลมีงานด่วนต้องสะสาง วันวิวาห์จึงรับภารกิจอาบน้ำให้หนูน้อยจอมป่วน
อาบน้ำให้เด็กครั้งแรก วันวิวาห์เลิ่กลั่กเล็กน้อย
โชคดีที่หนูกะทิไม่ดื้อไม่ซน จึงสำเร็จภารกิจอย่างรวดเร็ว
ตอนอุ้มหนูกะทิออกจากอ่างอาบน้ำ แล้วคิดจะเอาผ้าเช็ดตัวคลุมให้ เธอก็เหลือบไปเห็นปานรูปพระจันทร์เสี้ยวที่หลังเอวของเด็ก
เธอชะงักงัน“เอ๋ หนูก็มีปานรูปพระจันทร์เสี้ยวตรงนี่ด้วยเหรอ?”
เด็กน้อยทำตาขวางใส่“มีปานแล้วแปลกตรงไหน? กบในกะลา”
“ไม่แปลกหรอกที่มีปาน แต่ปานของหนูเหมือนกับปานด้านหลังเอวของฉันเลย”
วันวิวาห์ดึงเสื้อตัวเองขึ้น แล้วเผยเอวด้านหลังให้ดู
เป็นปานที่มีตำแหน่ง รูปลักษณ์และสีเหมือนกัน
เพียงแต่ปานของเธอใหญ่กว่าหนูกะทิเล็กน้อย
เด็กน้อยก็รู้สึกประหลาดใจขึ้นมา
ทว่าไม่นานเด็กน้อยก็เก็บความรู้สึกนี้ไว้ พูดราวกับเป็นผู้ใหญ่ว่า“ก็ไม่น่าแปลกหรอกค่ะ จากการสำรวจ จะมีคนมีรูปปาน และคนพวกนี้อาจจะมีรูปปานหรือไฝเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้แปลกอะไร”
วันวิวาห์คลุมผ้าเช็ดตัวให้หนูกะทิ จากนั้นก็อุ้มขึ้นมา
“จู๊บ”
เธอจูบใบหน้าเล็กแก้มยุ้ยเสียงดัง พลางกล่าวแย้มยิ้ม“ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ได้เจอกันหนึ่งในล้าน แสดงว่ามีวาสนา และที่สำคัญ ตอนนี้ฉันเป็นหม่ามี๊ของหนูด้วย”
“คิก”
เด็กน้อยยิ้มอย่างยโส “อยากให้หนูเรียกว่าหม่ามี๊ น้าต้องจัดการเอาคุณพ่อให้อยู่หมัดก่อน ”
วันวิวาห์หงอยเลยทีนี้
ไอ้เด็กบ้านี้ อายุเล็กเดียว แต่สายตากลับเฉียบแหลม ที่แท้ก็ดูออกทุกอย่าง
เธอหัวเราะ พลางนวดเส้นผมเปียกแฉะของเด็กน้อย “ท่านผู้ว่าวางใจได้ค่ะ ดิฉันจะพยายามจัดการคุณพ่อท่านให้อยู่หมัดค่ะ”
หลังจากที่กล่อมหนูน้อยนอนแล้ว วันวิวาห์ก็กลับห้องนอน และจอมพลก็สะสางงานเรียบร้อยแล้วเช่นกัน
เธอเข้าไปหาด้วยความอยากรู้“ที่รักขอถามอะไรหน่อย”
“ว่ามาสิ”
“แม่ของกะทิเป็นคนแบบไหน คนที่คู่ควรคุณได้ และมีลูกสาวน่ารักและฉลาดแบบนี้ ต้องเป็นผู้หญิงเก่งและสวยมากใช่ไหมคะ?”
“ไม่รู้” จอมพลเงียบไปชั่วครู่“พูดตรง ๆก็คือ ผมไม่รู้จักเธอคนนั้น”
“หา?”
วันวิวาห์ประหลาดใจเหลือแสน
จอมพลกล่าวเสียงเรียบเฉย“หนูกะทิเกิดมาโดยไม่คาดหมาย ผมพึ่งรู้หลังจากคลอดกะทิแล้ว ถ้าแม่ของเธอไม่ได้เสียเลือดมากจนตาย ลูกก็คงหาผมไม่เจอ”
วันวิวาห์รู้สึกสลดใจ
หนูกะทิน่าสงสารมาก
เพื่อทำลายบรรยากาศหนักอึ้ง เธอจึงหัวเราะอย่างหยอกล้อว่า“ดูไม่ออกเลย ผู้ชายเป็นการเป็นงานอย่างคุณมีวันไนท์สแตนด์กับเขาด้วย”
จอมพลขมวดคิ้วมุ่น เตือนเสียงเย็นเยียบ“อย่าใช้ความคิดสกปรกของคุณมาคาดเดาผม”
“เชอะ”
วันวิวาห์เบะปากอย่างดูแคลน กล้าทำแล้วยังกลัวคนอื่นว่าอีก?!
“เก็บไว้ดี ๆ”
เขาโยนนามบัตรใบหนึ่งใส่เธอ
วันวิวาห์รีบรับมา“ทำไมเหรอคะ?”
“นักสะกดจิต นัดยากมาก ตอนไปให้แจ้งเป็นชื่อผม”
คิก!
มีคนรู้จักทำอะไรก็ง่ายขึ้นจริง ๆ กลายเป็นคนมีเส้นซะงั้น
วันวิวาห์รับไว้ด้วยความดีใจ“ขอบคุณค่ะ ที่รักเก่งที่สุดเลย”
เธอส่งจูบให้ ก่อนจะหมุนกายไปด้านหน้าตู้เสื้อผ้า แล้วหาชุดนอนไปอาบน้ำ
“เดี๋ยวก่อน”
“ยังมีเรื่องอะไรอีกคะ?” วันวิวาห์หันหน้ามามอง
ภาชิระเม้มปากแน่น อธิบายว่า“เลนไทน์เธอ……”
“อย่ามาพูดถึงผู้หญิงคนนั้นกับฉันอีก เธอคือตัวซวย ตอนแรกภายในครอบครัวตระกูลโสธรณาลัยก็ยุ่งอยู่แล้ว ตัววุ่นวายคนนี้กลับมา ความขัดแย้งจึงยิ่งรุนแรงขึ้น นายเข้าไปมีส่วนร่วมกับเรื่องบ้าบอพวกนั้น ย่อมไม่มีจุดจบที่ดีแน่”
ภาชิระอดโต้ตอบด้วยความโกรธขึ้งไม่ได้“คุณพ่อครับ ทำไมต้องมีอคติต่อเลนไทน์ด้วยครับ?ถึงเธอจะพึ่งกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลโสธรณาลัย แต่เธอก็เป็นคนดีมีน้ำใจนะครับ เป็นผู้หญิงที่อ่อนโยน ใจกว้าง พวกเรารักกันจริง คุณพ่อดีต่อเธอหน่อย่ไม่ได้เลยหรือครับ?”
“ปัง”
ภาศุยกมือตบหน้าลูกชายอย่างจัง
“รักกันจริง? ตอนนายกับวันวิวาห์คบกัน ฉันก็ลืมตาข้าง หลับตาข้าง แต่เป็นเพราะว่าวันวิวาห์ ฉันจึงฝืนยอมรับ แล้วใครจะไปรู้ว่านายจะไปมั่วกับพี่สาวแทน ผู้หญิงที่แย่งผู้ชายจากน้องสาว จะเป็นคนดีได้ยังไง?”
ไม่รอให้ภาชิระแย้งกลับ เขาก่นด่าต่อไปว่า“วาเลนไทน์พึ่งกลับมาอยู่ในบ้านตระกูลโสธรณาลัย วันวิวาห์ก็โดนไล่ตะเพิดออกไป หากผู้หญิงแบบนี้เรียกว่าเป็นคนดีและใจกว้างล่ะก็โลกนี้คงไม่มีใครเป็นคนดีและใจกว้างอีกแล้ว ดูอย่างครั้งนี้สิ ทำไมนายถึงขัดใจคุณชายกวินทร์? เพราะนายตาบอดไง แถมยังคิดว่าคนอื่นจะตาบอดเหมือนนายด้วย ตอนนี้หนีไสหัวออกไปเลย ยิ่งไกลยิ่งดี ไม่ต้องมาให้ฉันเห็นหน้าอีก”
ภาชิระข่มอารมณ์โกรธไว้ จับแก้มร้อนวูบวาบแล้วหมุนกายเดินออกไป
เมื่อเดินออกจากบริษัท ท้องฟ้าด้านนอกกว้างใหญ่ไพศาล ทว่าเขากลับงงงวย ไม่รู้ควรไปที่ใด
ภาชิระโทรหาวาเลนไทน์“เลนไทน์ พ่อผมปลดผมออกจากตำแหน่งเพราะเรื่องทำให้คุณชายกวินทร์เคืองใจที่โรงแรม พ่อผมยังไล่ผมออกจากบริษัทด้วย ตอนนี้ผมอารมณ์ไม่ดี ……”
เขายังพูดไม่จบ วาเลนไทน์ก็รีบแทรกบททันที“ภาชิระ ขอโทษนะคะ ตอนนี้ฉันประชุมอยู่ ไว้ว่างเมื่อไหร่พวกเราค่อยคุยกันนะ”
“เลน......”
“ตู๊ดๆๆ”
ในมือถือส่งเสียงที่ตัดสายทิ้งแล้วมา
ภาชิระมองมือถืออย่างงุนงง“ทำไมไม่เหมือนตอนจินตนาการเลย?”
เวลาเช่นนี้ ในฐานะคู่หมั้นของเขา ไม่ใช่ควรปลอบประโลมและให้กำลังใจเขาหรอกหรือ?
ภาชิระนึกถึงวันวิวาห์โดยปริยาย
ตอนคบกับเธอ เขาก็เคยหดหู่ใจ ซึ่งวันวิวาห์จะทิ้งทุกอย่างในมือ แล้ววิ่งมาปลอบใจเขาโดยไม่สนใจสิ่งอื่น
ส่วนตอนนี้……
แต่ที่เขาเลือกคบกับวาเลนไทน์ก็เพื่ออนาคตของเขากับวันวิวาห์
หรือว่าด้วยการกระทำเช่นนี้ เขาก็ต้องสูญเสียเธอไปจริง ๆ ?!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ