จอมพลไม่ทันระวัง เมื่อถูกแรงเหวี่ยงไปอย่างแรง ก็พุ่งไปข้างหน้าแรงๆ จนเกือบจะชนไปตรงด้านหน้าที่นั่งข้างคนขับ
เขาหันหน้าไปทันที มองมาด้วยสายตาเย็นชา
รถด้านหลังของทั้งสองก็เบรกกะทันหัน
เสียงดังอลหม่าน เสียงด่าด้านนอกกระจกรถทั้งใกล้และไกล มีความไม่ค่อยเป็นจริงเท่าไหร่
“ขอ ขอโทษ ฉันแค่อยากบอกว่า เพิ่ง……เพิ่งได้ใบสมรสมาก็จะให้ฉันไปอยู่บ้านคุณเลยเหรอ?”
วันวิวาห์กะพริบตา ไม่ค่อยแน่ใจ
จอมพลสูดหายใจลึกๆ ระงับความโกรธหว่างคิ้ว คิ้วทรงดาบขมวดแน่น:“ไม่อยากไป?”
“เปล่า!”
วันวิวาห์ส่ายหน้า
เสียงแตรด้านหลังต่อเนื่องกันไปเป็นระลอก
เธอรีบสตาร์ทรถใหม่อีกครั้ง แล้วขับออกไป:“ก็……ก็แค่กะทันหันไปเล็กน้อย ต้องการเวลาเล็กน้อยเพื่อคุ้นเคยตัวตนใหม่”
จอมพลมองไปที่โทรศัพท์ใหม่อีกครั้ง:“โอเค!คุณไม่ต้องไปก็ได้!แต่ตอนที่ผมต้องการคุณ ทางที่ดีคุณควรมาได้เสมอ”
มือที่วันวิวาห์จับพวงมาลัยก็กำแน่น หน้าก็ค่อยๆแดงด้วยความเขินอาย
เธออายจนเหลือบมองจอมพลอย่างรวดเร็ว พูดเสียงเบาอย่างนุ่มนวลและดูกระตุ้งกระติ้ง:“คุณอยากให้ฉันนอนด้วยก็บอกตรงๆ ไม่ต้อง……”
จอมพลที่พิมพ์โทรศัพท์อยู่ก็ออกแรงไปทันที จนพิมพ์ผิด
ความมโนบนใบหน้าของวันวิวาห์ชัดเจนมากไป
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเธอเล็กน้อย พูดด้วยสีหน้านิ่งเฉย:“อย่าคิดมั่วไป ผมกับคุณเป็นสามีภรรยาแค่ในนาม ช่วยยับยั้งตัวเองด้วย”
วันวิวาห์กลอกตาในใจ
เสแสร้ง ทำเป็นคนดี!
ฉันสวยงามเหมือนดอกไม้แบบนี้ ไม่แน่ต่อไปใครกันแน่ที่จะทนไม่ได้!
ทั้งสองถึงโรงเรียนอนุบาลก็ถึงเวลาเลิกเรียนไปแล้ว
เด็กๆส่วนมากมีผู้ปกครองรับไปแล้ว
ตอนที่หนูกะทิเด็กสาวแสนสวยใบหน้าเย็นชาไว้ผมเปียสองข้างถูกคุณครูจูงไปตรงหน้าจอมพล เด็กสาวตัวน้อยดูไม่พอใจ
มองเห็นจอมพล ครูสาวก็ดูบ้าผู้ชาย:“คุณพ่อกะทิคะ วันนี้กะทิตีเพื่อนที่โรงเรียนอีกแล้ว”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา เอาวิดีโอจากกล้องวงจรปิดมาให้จอมพลดู
คนที่หนูกะทิตีด้วยเป็นเด็กผู้ชาย สูงกว่าเธอเล็กน้อย แต่กลับถูกเธอดึงจนผมหลุดออกมาส่วนหนึ่ง……
โหดมาก!
วันวิวาห์ตกตะลึงจนตาค้างพูดอะไรไม่ออก
สาวน้อยโลลิสุดน่ารักแบบนี้ ลงมือได้เยี่ยมมาก……อือ เหมือนกับตอนเธอยังเด็กสุดๆ
ครูยังฟ้องต่อไป:“ผู้ปกครองของเด็กคนนั้นวุ่นวายอยู่ที่โรงเรียนทั้งวัน ฉันโทรหาคุณแล้วแต่ไม่ติด ……”
“ขอโทษครับ ตอนนั้นทำงานอยู่ สร้างความลำบากให้คุณอีกแล้ว ผมจะให้คนติดต่อผู้ปกครองเด็กคนนั้น แล้วจัดการเรื่องราว”
จอมพลพูดจบอย่างเป็นทางการ ก็ละสายตาอันเย็นชาลง มองไปที่ลูกสาว
วันวิวาห์เห็นท่าแบบนี้ ก็รู้ว่าจะเริ่มสั่งสอนแล้ว
โอกาสมาแล้ว!
อยากเอาชนะใจผู้ชาย ก็ต้องพิชิตใจลูกสาวเขาให้ได้ก่อน!
เธอรีบเข้าไป:“กะทิตีกับเด็กคนนั้นต้องมีสาเหตุแน่”
วันวิวาห์ก้มเอวลง พูดอย่างยิ้มแย้ม:“ใช่ไหมจ๊ะ หนู?”
เด็กสาวหนูกะทิกลอกตาใส่ ใบหน้าเล็กๆนั้น“เชิด”ใส่ หันไปด้านข้าง
วันวิวาห์:“……”
ไม่เป็นไร เธอเป็นผู้ใหญ่ ไม่ถือสาเด็ก!
วันวิวาห์ยืนขึ้นมา มองไปที่ครูด้วยรอยยิ้ม:“ปกติเด็กสาวจะไม่ชอบเล่นกับเด็กผู้ชายอยู่แล้ว เด็กผู้ชายคนนั้นต้องแหย่กะทิของพวกเราก่อนแน่ค่ะ”
หนูกะทิจึงหันหน้า มองเธออย่างนิ่งๆ:“ถือว่าคุณยังมีสมอง”
เธอปล่อยมือของครู มาตรงหน้าวันวิวาห์เงยหน้าเล็กๆขึ้น:“แต่อย่าคิดว่าคุณพูดเพื่อหนูแล้ว หนูจะชอบคุณนะ ทุกวันมีคนที่อยากจีบพ่อหนูตั้งมากมากมาย”
พอเห็นแบบนี้แล้ว วันวิวาห์ก็คิดว่าควรจะเป็นคนไกล่เกลี่ยในความยุติธรรมซะหน่อย:“อย่าเข้มงวดสิ ทำเอาเด็กตกใจหมด เด็กๆนี่ ตีกันเป็นเรื่องปกติ ตอนเด็กๆฉันก็ชอบตีกับคนอื่น และก็ไม่เคยแพ้ด้วย เด็กผู้ชายในห้องต่างกลัวฉัน พอตีไปมากๆ หลายๆเรื่องแก้ไขแล้ว ก็จะง่ายขึ้น”
เด็กสาวหนูกะทิพยักหน้าอย่างจริงจัง ตาโตๆมีความสุขแวบผ่านเล็กน้อย:“ทุกคนต่างก็ยุ่ง ลงมือได้ก็ลงมือไม่ต้องพูดหรอก เสียเวลาแล้วยังไม่ได้อะไรอีก”
มือที่วันวิวาห์ขับรถก็ลื่นลง
คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่า น้าชายของภาชิระจะมีลูกสาวตัวร้ายที่น่ารักแบบนี้
จอมพลโกรธจนสีหน้าดูเหยเก เหลือบมองหญิงสาวอย่างเย็นชาที่ขับรถอยู่แต่ก็ไม่ลืมชูนิ้วโป้งให้ลูกสาว กัดฟันพูดอย่างเย็นชา:“มีความคิดแย่ๆเข้ากันได้ดีเชียว!”
วันวิวาห์หัวเราะ สบตากับหนูกะทิที่กระจกมองหลัง แป๊บเดียวก็ละออกจากกัน ในนั้นมีความหมายซ่อนอยู่มากมาย
ตระกูลจรัสพิบูรณ์อยู่ไม่ไกลจากโรงเรียนอนุบาล ขับรถไม่กี่นาทีก็ถึง
เป็นที่แฟลตใหญ่ดูทั่วๆไปหลังหนึ่ง
ไม่ได้เรียบง่ายและเป็นสีโทนเย็นสอดคล้องกับบุคลิกของจอมพลเลย กลับกัน ตัวบ้านยังจัดได้อบอุ่นเป็นพิเศษ และดูมีความเป็นเด็กไปทุกที่
ตรงทางเดินวางเก้าอี้เปลี่ยนรองเท้าเด็กเขากวางสีส้ม บนตู้วางรองเท้าติดสติ๊กเกอร์ตัวสูงไว้ บนโซฟาห้องรับแขกคลุมด้วยผ้าลายแครอทน่ารักๆ ผ้าม่านเป็นสีโทนโอรส ด้านบนมีกิ่งไม้และดอกไม้ลายปักสามมิติด้วยมือ ลายเล็กๆนั้นมีความอบอุ่น
ระเบียงทั้งสองข้างวางกล่องเก็บของและชั้นวางของ ด้านในวางหนังสือและของเล่น
จอมพลพาลูกสาวกลับไปเปลี่ยนชุดที่ห้อง
วันวิวาห์เยี่ยมชมบ้านเสร็จ ก็แปลกใจเล็กน้อย:“คิดไม่ถึงเลยจริงๆ คุณน้าที่เย็นชาจะติดดินแบบนี้?”
บ่นอุบอิบอยู่นั้น โทรศัพท์ก็ดังขึ้น
เป็นชูเกียรติผู้เป็นพ่อโทรมา
วันวิวาห์ลังเลเล็กน้อย แล้วกดรับ:“……พ่อ”
“มาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้ คุณปู่ฟื้นแล้ว”
วันวิวาห์ดีใจจนเสียงสั่น:“ค่ะ!ฉัน ฉันจะไปเดี๋ยวนี้”
สามเดือนก่อน คุณปู่ไม่ระวังเลยล้มจนหมดสติ
ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!
เธอวางสาย กำลังเตรียมไปหาจอมพลเพื่อลาก็เห็นเขาออกมาจากห้องของลูกสาว
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ