เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ นิยาย บท 48

“แกหมายถึงแฟนเก่าแกเหรอ?”

เมื่อได้ยินคำว่าแฟนเก่า สีหน้าของภาชิระก็ดูแย่ขึ้นในทันที

นายเมฆเมินเฉย“เมื่อคืนเธอพักที่นี่ ตอนเช็กอิน เกือบถูกคนลวนลามในลิฟต์ ฉันในฐานะผู้ดูแลโรงแรม จึงเชิญเธอมาทานอาหารเช้าเพื่อเป็นการไถ่โทษ ทำไม?”

ภาชิระร้อนรนในทันที“ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ”

หันหลังแล้ววิ่งออกไป อยากจะไล่ตาม

นายเมฆคว้าตัวเขาไว้“เธอไม่ได้เป็นอะไร”

“น้าเล็ก!”

นายเมฆพูดอย่างเมินเฉย“เหมือนเธอจะอารมณ์ไม่ดี แกทิ้งเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ? ตอนนี้จะวิ่งไล่ตามไปเพื่ออะไร ? ไปสร้างความลำบากใจให้เขา?!”

ความรู้สึกของภาชิระก็จุกแน่นขึ้นในทันที!

เขายืนนิ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย“น้าเล็ก รู้สึกว่าน้า……จะห่วงใยเธอเกินไปหรือเปล่า?”

สัญชาตญาณของผู้ชายบอกเขา ว่าเวลาที่น้าเล็กพูดถึงวิวาห์ ในแววตามีประกายบางอย่าง

นายเมฆพยักหน้าให้อย่างจริงจัง“ฉันรู้สึกดีกับเธอ หากเป็นไปได้ ฉันอาจจะจีบเธอ”

“เธอเป็นแฟนเก่าของผม!”

“แกก็พูดเอง ว่าเป็นแฟนเก่า ”

สีหน้าของภาชิระดูแย่ขึ้นในทันที พูดอย่างหนักแน่นว่า“น้ากับเธอจะคบกันไม่ได้ !”

มุมปากนายเมฆยกหยัก ยิ้มอย่างไม่เข้าใจว่า“แกคิดว่า ความเห็นของแกสำคัญเหรอ ?”

เขาตบไปที่ไหล่ของหลานชาย“แกทิ้งผู้หญิงดีๆแบบนี้ไป แล้วหมั้นกับพี่สาวเธอ ตอนนี้ก็ยังมาหวงก้างเธออีก ที่เสียหน้าก็มีแต่แกคนเดียว กลับไปดูแลคุณหนูใหญ่ตระกูลโสธรณาลัยของแกเถอะ”

ภาชิระโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ในการมา ก็จึงต้องอดทนไว้ ไม่กล้าแผลงฤทธิ์

เขาทำหน้านิ่ง พูดเสียงแข็ง“น้าเล็ก มีเรื่องหนึ่ง อยากจะขอความช่วยเหลือ”

นายเมฆยกข้อมือขึ้นมองดูเวลา“ เอาเนื้อๆ ฉันขอฟังก่อน ”

ภาชิระเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกพ่อปลดออกจากตำแหน่งให้เขาฟัง

“ดังนั้น อยากให้น้าช่วยพูดเรื่องดีๆของผมต่อหน้าพ่อหน่อย ”

“แค่นี้?”

ภาชิระพยักหน้าให้อย่างคาดหวัง

“ไม่ช่วย”

นายเมฆปฏิเสธออกไปตรงๆ

ภาชิระไม่อยากเชื่อ“น้าเล็ก!”

นายเมฆก้าวเดินออกไปยังด้านนอก“แกไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรผิด ถึงมีสภาพนี้ได้ ต่อให้ฉันจะช่วยแกไป ก็ต้องมีครั้งต่อไปอีก กลับไปแล้วทบทวนตัวเอง ถูกลงโทษซะบ้างจะได้หลาบจำ ต่อไปจะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก”

“น้าเล็ก!”

นายเมฆก้าวขึ้นรถ ปิดประตูอย่างไม่สนใจและจากไป

ภาชิระยืนอยู่คนเดียวลำพังที่หน้าประตูโรงแรม

ผู้คนเดินผ่านไปมา เขาเหมือนเด็กกำพร้าที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง ไม่มีใครยอมรับ

……

โรงพยาบาลอุ่นรัก ห้องพักผู้ป่วยพิเศษเด็ก

ประตูห้องหนูกะทิไม่ได้ปิดสนิท วันวิวาห์ยังไม่ได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงตำหนิอันคมเข้มของจอมพลดังลอดออกมา

“……แค่ผู้เชี่ยวชาญก็เชิญตัวมาไม่ได้ ฉันเลี้ยงพวกคุณไว้จะมีประโยชน์อะไร……หากคนฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉันจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาอีกทำไม ? เชิญมาดื่มน้ำชาด้วยหรือไง ?!”

ขาของวันวิวาห์หยุดลง ไม่กล้าเดินต่อ

สามวันแล้ว กะทิยังไม่ฟื้น?!

เธอทั้งรู้สึกผิดและเสียใจ น้ำตาคลอเบ้าอย่างควบคุมไม่ได้

ก่อนที่เธอจะกักเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ภายในห้องก็มีเสียงราวกับลูกแมวน้อยของหนูกะทิดังขึ้น“ตาพล เสียงดังไปแล้ว……”

วันวิวาห์น้ำตาซึม ทันใดนั้นก็ยืดตัวตรง

ภายในห้องผู้ป่วย เสียงพูดตำหนิของจอมพลก็หยุดลงทันที เสียงเท้าที่ก้าวเดินเต็มไปด้วยความเร่งรีบ“ฟื้นแล้วเหรอ?อย่าขยับ”

เสียงกริ่งเรียกก็ดังขึ้น

วันวิวาห์รีบปาดน้ำตา หลบถอยหลังซ่อนตัวไปยังมุมทางเดิน

ไม่กี่วินาทีกวินทร์นำทีมอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญวิ่งผ่านหน้าเธอไป ตรงเข้าไปในห้องคนป่วยทันที

หมอไม่ออกมากันสักที วันวิวาห์รออยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจและเป็นกังวล

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ต่างก็ทยอยกันออกมา

เธอรีบตามไป แล้วขวางหนึ่งในนั้นเอาไว้ “ หมอค่ะ ขอถามหน่อย เด็กเป็นยังไงบ้าง ?”

จอมพลอึ้งเล็กน้อย หน้านิ่ง“ช่างกล้านะ โทษใครล่ะ?”

พ่อลูกจ้องมองสบตากัน ไม่มีใครยอมใคร

สุขภาพหนูกะทิยังไม่สู้ดี จึงจ้องได้ไม่นาน จากนั้นก็หลับไปพร้อมกับความโกรธ

จอมพลเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบ กดโทรหาวีระ“ไปเช็กกล้องวงจรปิดในร้านอาหารของวันที่วันวิวาห์พากะทิไปที ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”

คลิปวิดีโอถูกส่งมายังห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว

หน่วยความจำมีขนาดใหญ่เกินไป วีระก็จึงได้นำเอาคอมพิวเตอร์มาด้วย

จอมพลนั่งอยู่ในส่วนห้องพักด้านนอกห้องผู้ป่วย เปิดวิดีโอดู

บังเอิญกับที่กวินทร์มาดูเด็กน้อยพอดี ก็จึงดูไปพร้อมกัน

ภาพเริ่มตั้งแต่วันวิวาห์พาหนูกะทิเข้ามาในร้าน

เด็กน้อยหลุดพ้นจากการควบคุมของคนเป็นพ่อ กินดื่มอย่างอิสระ พอเข้ามาถึงก็สั่งหม้อไฟที่มีรสชาติเผ็ดที่สุด

วันวิวาห์ทั้งกล่อมทั้งพูดหลอก สุดท้ายก็จึงเลือกน้ำซุปเผ็ดน้อยและซุปมะเขือเทศน้ำใส

ในระหว่างที่กิน ตะเกียบของหนูกะทิก็คอยแต่จะยื่นไปในน้ำซุปสีแดง

การกินอาหารมื้อนี้ของวันวิวาห์นั้นเต็มไปด้วยความกดดัน สายตาคอยจับจ้องมองไปที่ตะเกียบของหนูกะทิอยู่ตลอด

เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เด็กน้อย เธอค่อยดูแลเด็กน้อยอยู่ตลอด ต้มผักแล้วคีบให้ จนตัวเองก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย

เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนที่ภาชิระปรากฏตัว

เขาพาวันวิวาห์ออกไป

เด็กน้อยฉวยโอกาสนี้ แอบเอาผักจุ่มไปในน้ำซุปสีแดง…… จนมันแดงแจ๋ก็จึงใส่เข้าปากไปในทันที

วันวิวาห์ออกไปแค่เพียงครู่เดียว หนูกะทิก็กินพริกไปเพียงแค่ไม่กี่คำ พอเห็นคนเดินกลับเข้ามา ก็แกล้งทำเป็นเชื่อฟังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

วันวิวาห์ก็ย่อมไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ

……

หลังวิดีโอจบลง ภายในห้องก็เงียบงัน

เสียง“จิ๊”ของกวินทร์ดังขึ้น “พูดตามตรง การกระทำของเจ้าตัวเล็กอย่าว่าแต่วันวิวาห์เลย เป็นใครก็ถูกหลอกเอาได้ง่ายๆ”

อีกความหมายก็คือ หากพี่พลดูลูกเอง ก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ