“แกหมายถึงแฟนเก่าแกเหรอ?”
เมื่อได้ยินคำว่าแฟนเก่า สีหน้าของภาชิระก็ดูแย่ขึ้นในทันที
นายเมฆเมินเฉย“เมื่อคืนเธอพักที่นี่ ตอนเช็กอิน เกือบถูกคนลวนลามในลิฟต์ ฉันในฐานะผู้ดูแลโรงแรม จึงเชิญเธอมาทานอาหารเช้าเพื่อเป็นการไถ่โทษ ทำไม?”
ภาชิระร้อนรนในทันที“ทำไมไม่พูดให้เร็วกว่านี้ล่ะ”
หันหลังแล้ววิ่งออกไป อยากจะไล่ตาม
นายเมฆคว้าตัวเขาไว้“เธอไม่ได้เป็นอะไร”
“น้าเล็ก!”
นายเมฆพูดอย่างเมินเฉย“เหมือนเธอจะอารมณ์ไม่ดี แกทิ้งเธอไปแล้วไม่ใช่เหรอ ? ตอนนี้จะวิ่งไล่ตามไปเพื่ออะไร ? ไปสร้างความลำบากใจให้เขา?!”
ความรู้สึกของภาชิระก็จุกแน่นขึ้นในทันที!
เขายืนนิ่ง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย“น้าเล็ก รู้สึกว่าน้า……จะห่วงใยเธอเกินไปหรือเปล่า?”
สัญชาตญาณของผู้ชายบอกเขา ว่าเวลาที่น้าเล็กพูดถึงวิวาห์ ในแววตามีประกายบางอย่าง
นายเมฆพยักหน้าให้อย่างจริงจัง“ฉันรู้สึกดีกับเธอ หากเป็นไปได้ ฉันอาจจะจีบเธอ”
“เธอเป็นแฟนเก่าของผม!”
“แกก็พูดเอง ว่าเป็นแฟนเก่า ”
สีหน้าของภาชิระดูแย่ขึ้นในทันที พูดอย่างหนักแน่นว่า“น้ากับเธอจะคบกันไม่ได้ !”
มุมปากนายเมฆยกหยัก ยิ้มอย่างไม่เข้าใจว่า“แกคิดว่า ความเห็นของแกสำคัญเหรอ ?”
เขาตบไปที่ไหล่ของหลานชาย“แกทิ้งผู้หญิงดีๆแบบนี้ไป แล้วหมั้นกับพี่สาวเธอ ตอนนี้ก็ยังมาหวงก้างเธออีก ที่เสียหน้าก็มีแต่แกคนเดียว กลับไปดูแลคุณหนูใหญ่ตระกูลโสธรณาลัยของแกเถอะ”
ภาชิระโกรธจนหน้าดำหน้าแดง เมื่อคิดถึงจุดประสงค์ในการมา ก็จึงต้องอดทนไว้ ไม่กล้าแผลงฤทธิ์
เขาทำหน้านิ่ง พูดเสียงแข็ง“น้าเล็ก มีเรื่องหนึ่ง อยากจะขอความช่วยเหลือ”
นายเมฆยกข้อมือขึ้นมองดูเวลา“ เอาเนื้อๆ ฉันขอฟังก่อน ”
ภาชิระเล่าเรื่องที่ตัวเองถูกพ่อปลดออกจากตำแหน่งให้เขาฟัง
“ดังนั้น อยากให้น้าช่วยพูดเรื่องดีๆของผมต่อหน้าพ่อหน่อย ”
“แค่นี้?”
ภาชิระพยักหน้าให้อย่างคาดหวัง
“ไม่ช่วย”
นายเมฆปฏิเสธออกไปตรงๆ
ภาชิระไม่อยากเชื่อ“น้าเล็ก!”
นายเมฆก้าวเดินออกไปยังด้านนอก“แกไม่รู้ตัวเองเลยว่าทำอะไรผิด ถึงมีสภาพนี้ได้ ต่อให้ฉันจะช่วยแกไป ก็ต้องมีครั้งต่อไปอีก กลับไปแล้วทบทวนตัวเอง ถูกลงโทษซะบ้างจะได้หลาบจำ ต่อไปจะได้ไม่ทำผิดซ้ำอีก”
“น้าเล็ก!”
นายเมฆก้าวขึ้นรถ ปิดประตูอย่างไม่สนใจและจากไป
ภาชิระยืนอยู่คนเดียวลำพังที่หน้าประตูโรงแรม
ผู้คนเดินผ่านไปมา เขาเหมือนเด็กกำพร้าที่ถูกคนทั้งโลกทอดทิ้ง ไม่มีใครยอมรับ
……
โรงพยาบาลอุ่นรัก ห้องพักผู้ป่วยพิเศษเด็ก
ประตูห้องหนูกะทิไม่ได้ปิดสนิท วันวิวาห์ยังไม่ได้เข้าไปใกล้ ก็ได้ยินเสียงตำหนิอันคมเข้มของจอมพลดังลอดออกมา
“……แค่ผู้เชี่ยวชาญก็เชิญตัวมาไม่ได้ ฉันเลี้ยงพวกคุณไว้จะมีประโยชน์อะไร……หากคนฟื้นขึ้นมาแล้ว ฉันจะเชิญผู้เชี่ยวชาญมาอีกทำไม ? เชิญมาดื่มน้ำชาด้วยหรือไง ?!”
ขาของวันวิวาห์หยุดลง ไม่กล้าเดินต่อ
สามวันแล้ว กะทิยังไม่ฟื้น?!
เธอทั้งรู้สึกผิดและเสียใจ น้ำตาคลอเบ้าอย่างควบคุมไม่ได้
ก่อนที่เธอจะกักเก็บอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ ภายในห้องก็มีเสียงราวกับลูกแมวน้อยของหนูกะทิดังขึ้น“ตาพล เสียงดังไปแล้ว……”
วันวิวาห์น้ำตาซึม ทันใดนั้นก็ยืดตัวตรง
ภายในห้องผู้ป่วย เสียงพูดตำหนิของจอมพลก็หยุดลงทันที เสียงเท้าที่ก้าวเดินเต็มไปด้วยความเร่งรีบ“ฟื้นแล้วเหรอ?อย่าขยับ”
เสียงกริ่งเรียกก็ดังขึ้น
วันวิวาห์รีบปาดน้ำตา หลบถอยหลังซ่อนตัวไปยังมุมทางเดิน
ไม่กี่วินาทีกวินทร์นำทีมอาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญวิ่งผ่านหน้าเธอไป ตรงเข้าไปในห้องคนป่วยทันที
หมอไม่ออกมากันสักที วันวิวาห์รออยู่ด้านนอกอย่างร้อนใจและเป็นกังวล
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน อาจารย์หมอผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารแพทย์ต่างก็ทยอยกันออกมา
เธอรีบตามไป แล้วขวางหนึ่งในนั้นเอาไว้ “ หมอค่ะ ขอถามหน่อย เด็กเป็นยังไงบ้าง ?”
จอมพลอึ้งเล็กน้อย หน้านิ่ง“ช่างกล้านะ โทษใครล่ะ?”
พ่อลูกจ้องมองสบตากัน ไม่มีใครยอมใคร
สุขภาพหนูกะทิยังไม่สู้ดี จึงจ้องได้ไม่นาน จากนั้นก็หลับไปพร้อมกับความโกรธ
จอมพลเดินออกจากห้องผู้ป่วยอย่างเงียบเชียบ กดโทรหาวีระ“ไปเช็กกล้องวงจรปิดในร้านอาหารของวันที่วันวิวาห์พากะทิไปที ดูสิว่าเกิดอะไรขึ้นในวันนั้น”
คลิปวิดีโอถูกส่งมายังห้องผู้ป่วยอย่างรวดเร็ว
หน่วยความจำมีขนาดใหญ่เกินไป วีระก็จึงได้นำเอาคอมพิวเตอร์มาด้วย
จอมพลนั่งอยู่ในส่วนห้องพักด้านนอกห้องผู้ป่วย เปิดวิดีโอดู
บังเอิญกับที่กวินทร์มาดูเด็กน้อยพอดี ก็จึงดูไปพร้อมกัน
ภาพเริ่มตั้งแต่วันวิวาห์พาหนูกะทิเข้ามาในร้าน
เด็กน้อยหลุดพ้นจากการควบคุมของคนเป็นพ่อ กินดื่มอย่างอิสระ พอเข้ามาถึงก็สั่งหม้อไฟที่มีรสชาติเผ็ดที่สุด
วันวิวาห์ทั้งกล่อมทั้งพูดหลอก สุดท้ายก็จึงเลือกน้ำซุปเผ็ดน้อยและซุปมะเขือเทศน้ำใส
ในระหว่างที่กิน ตะเกียบของหนูกะทิก็คอยแต่จะยื่นไปในน้ำซุปสีแดง
การกินอาหารมื้อนี้ของวันวิวาห์นั้นเต็มไปด้วยความกดดัน สายตาคอยจับจ้องมองไปที่ตะเกียบของหนูกะทิอยู่ตลอด
เพื่อไม่เปิดโอกาสให้เด็กน้อย เธอค่อยดูแลเด็กน้อยอยู่ตลอด ต้มผักแล้วคีบให้ จนตัวเองก็แทบไม่ได้กินอะไรเลย
เหตุการณ์เกิดขึ้นในตอนที่ภาชิระปรากฏตัว
เขาพาวันวิวาห์ออกไป
เด็กน้อยฉวยโอกาสนี้ แอบเอาผักจุ่มไปในน้ำซุปสีแดง…… จนมันแดงแจ๋ก็จึงใส่เข้าปากไปในทันที
วันวิวาห์ออกไปแค่เพียงครู่เดียว หนูกะทิก็กินพริกไปเพียงแค่ไม่กี่คำ พอเห็นคนเดินกลับเข้ามา ก็แกล้งทำเป็นเชื่อฟังเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
วันวิวาห์ก็ย่อมไม่สังเกตเห็นความผิดปรกติ
……
หลังวิดีโอจบลง ภายในห้องก็เงียบงัน
เสียง“จิ๊”ของกวินทร์ดังขึ้น “พูดตามตรง การกระทำของเจ้าตัวเล็กอย่าว่าแต่วันวิวาห์เลย เป็นใครก็ถูกหลอกเอาได้ง่ายๆ”
อีกความหมายก็คือ หากพี่พลดูลูกเอง ก็คงจะเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ