สีหน้าจอมพลมืดมน“โง่จริงๆ!เรื่องมันอธิบายได้ทำไมเธอถึงไม่พูดให้มันชัดเจน?”
กวินทร์พูดอย่างยากลำบากว่า“ มันก็ต้องดูด้วยว่าพี่ให้โอกาสเธอได้พูดหรือเปล่า ”
เขาถอนหายใจ“พูดตรงๆ พี่พล พี่ในตอนนั้น อย่าว่าแต่พี่สะใภ้เลย หากเป็นผม ผมก็ไม่กล้าปริปากพูดอะไร อันที่จริงพี่สะใภ้เธอก็เป็นห่วงกะทิอยู่ตลอด เมื่อคืนเธอก็แอบมาที่โรงพยาบาลเพื่อถามไถ่อาการ ดึกดื่นค่ำมืด ผู้หญิงตัวคนเดียว อันตรายจะตาย แต่เธอก็ไม่ได้สนใจ เมื่อกี้ก็……”
จอมพลเหลือบมองไปยังด้านข้าง การคุกคามแผ่กระจายไปทั่ว“ นี่แกกำลังโทษว่าฉันเป็นคนผิด ที่กล่าวโทษเธองั้นเหรอ?”
กวินทร์ถูกพลังบางอย่างของเขาข่มจนพูดไม่ออก
วีระเองก็แทบไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ
ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ
หนูกะทิที่อยู่ในห้องไม่รู้ว่าตื่นตั้งแต่เมื่อไร พูดพึมพำว่า“ ผิดก็คือผิด ยังคิดว่ามีเหตุผลอีกเหรอ ไม่รู้ไปเอาความมั่นใจนี้มาจากไหนกัน?”
กวินทร์กับวีระต่างพากันก้าวถอยหลังไปสองก้าวอย่างเงียบๆ
จอมพล“……”
เขาอดไม่ได้ที่จะนึกไปถึงในตอนที่วันวิวาห์พูดขอโทษ ทันใดนั้นก็ร้อนรนกระวนกระวายขึ้นในทันที
“ป่วยก็อยู่ส่วนป่วย พักผ่อนให้มากๆ เรื่องของผู้ใหญ่อย่ายุ่ง!”
“เผด็จการ!”หนูกะทิเค้นเสียงหึออกจากลำคอ และไม่พูดอะไรอีก
……
วันวิวาห์ย้ายไปอยู่หอในของมหาวิทยาลัย
ในวันแรกของการอยู่หอ เธอได้เจอกับผู้ช่วยสองคนที่ดร.คนางค์แนะนำมา
ผู้ชายชื่อปูเป็น และผู้หญิงชื่อเยลลี่
ทั้งคู่เป็นนักศึกษาประเภทหมกมุ่นกับงานและไม่พูดมากอะไร
วันวิวาห์พูดกับคนทั้งสองอย่างสุภาพ“ คำขอของฉันง่ายมาก สามารถเก็บความลับได้ เที่ยงตรง อะไรที่ซับซ้อนพวกเราไม่จำเป็นต้องทำ ฉันจะจัดการเอง พวกเรารับผิดชอบแค่งานพื้นฐานทั่วไปก็พอ หากไม่มีปัญหาอะไรก็เริ่มงานได้ทันที ”
ทั้งสองคนเป็นรุ่นน้องของเธอ เพราะชื่อเสียงของเธอจึงได้นำพาให้พวกเขามาอยู่ตรงนี้ และเพราะเลื่อมใสเธอ ไม่พูดพร่ำทำเพลง รับงานมาแล้วลงมือปฏิบัติทันที
วันวิวาห์ยกยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วเข้าไปในห้องทดลองทันที
ตอนที่โมโมะมา วันวิวาห์กำลังทำการทดลองอย่างหน้าดำคร่ำเครียด
เธอเดินออกจากห้องทดลองด้วยอาการมึนเบลอ“ทำไมสภาพแบบนี้ เกิดอะไรขึ้น ?”
โมโมะทั้งรู้สึกผิดและวิตกกังวล“ เพื่อนรัก ก่อนที่ฉันจะพูด เธอรับปากมาก่อนว่าจะไม่ทำอะไรฉัน”
วันวิวาห์เดาได้ทันทีว่าเธอจะพูดอะไร
“ดูสถานการณ์ก่อน”เธอตอบเสียงเรียบ
โมโมะร่างสั่นเพียงครู่ กัดฟันพูดว่า“จอมพลสามีคนเธอในตอนนี้ เขาไม่ใช่น้าเล็กของภาชิระ……แต่!”
เธอรีบอธิบายอย่างเอาตัวรอด“ตอนนั้นจอมพลอยู่ในที่เกิดเหตุจริงๆ ตอนนั้นแม่ของฉันก็พูด ฉันน่าจะเข้าใจผิด……แต่จะโทษฉันก็ไม่ได้ ตอนนั้นจอมพลก็ไปที่นั่นจริงๆ เห็นชัดว่าเขาเป็นตัวเอก ฉันก็ไม่ได้สนใจดูคนรอบข้าง!”
“ดังนั้น?”
“ดังนั้นไหนๆ……เธอก็แต่งงานแล้ว จอมพลก็ไม่ได้ขี้เหร่ และดูเหมือนว่า เขาจะเป็นคนมีฐานะด้วย และประเด็นสำคัญคือ เขาก็ดีกับเธอ แบบนี้แล้ว ผู้ชายคนนี้ก็ไม่ได้แย่ไปกว่าน้าเล็กของภาชิระเลย หรือไม่ เธอก็หยวนๆหน่อยแล้วกัน?!”
“โมโมะ!”
วันวิวาห์กัดฟันกร่อน
โมโมะรีบเอามือกุมศีรษะ “ไอ๊หยา เธออย่าโกรธเลยนะ ฉันผิดไปแล้ว ผิดไปแล้วจริงๆ ฉันจะเลี้ยงข้าวเธอ อาหารมื้อใหญ่ ถือว่าเป็นการไถ่โทษตกลงไหม?”
เจ้างั่งนี่!
วันวิวาห์โกรธจนไม่รู้จะพูดอะไรแล้ว
เรื่องได้เกิดขึ้นแล้ว โมโหไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร แต่จะยอมยกโทษให้ง่ายๆคงไม่ได้
หลังจากที่อาการป่วยของหนูกะทิคงที่ ในที่สุดจอมพลก็ปลีกเวลาไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บ้านได้
ทันทีที่เปิดประตู เขาก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
สายตาจอมพลกวาดมองไปยังตู้รองเท้า ที่ที่วันวิวาห์เคยเก็บรองเท้านั้นว่างเปล่า
บริเวณตะกร้าวางกุญแจที่เธอชอบใส่ของจุกจิกก็หายไปด้วยเช่นกัน
หัวใจจอมพลวูบโหวงขึ้นในทันที
เขาเดินเข้าบ้าน
บ้านที่ว่างเปล่าถูกทิ้งร้าง สะอาดและเป็นระเบียบจนเกินไป
บนเสื่อทาทามิในห้องหนังสือ มีผ้าห่มที่ถูกพับเก็บเอาไว้อย่างเป็นระเบียบไว้ที่ปลายเตียง หมอนและผ้าปูที่นอนเรียบตึงไม่มีแม้แต่รอยยับ
ราวกับที่ตรงนี้ไม่เคยมีใครอาศัยอยู่มาก่อน
ตู้หนังสือที่เว้นที่ว่างให้โดยเฉพาะก็ว่างเปล่า หนังสือวิชาการที่มักจะวางไว้อยู่ด้านบนก็ไม่รู้ว่าหายไปไหน
จอมพลเปิดบานประตูของตู้หนังสือด้านข้าง กระเป๋าเดินทางที่เก็บเอาไว้ด้านในก็หายไป
ใจของเขาหล่นวูบไปชั่วขณะ เดินวนไปรอบห้องอย่างไร้จุดหมาย พอเดินไปที่ห้องนั่งเล่น สายตาก็ถูกโน้ตและบัตรเครดิตบนโต๊ะกาแฟดึงดูด
【เรื่องที่เกิดขึ้นกับกะทิ ฉันรู้สึกเสียใจจริงๆ หากมีโอกาส ฉันจะชดเชยให้เธอแน่นอน——วันวิวาห์】
มือของจอมพลกำบัตรเครดิตแน่น“ผู้หญิงคนนี้!”
ปกติเธอหน้าด้านมากไม่ใช่เหรอ ?
แต่ทำไมครั้งนี้เขาไล่เธอไปเธอก็ถึงได้ไปง่ายๆแบบนี้?!
จอมพลโกรธมาก รู้สึกเพียงบ้านหลังนี้ทั้งเงียบและวังเวง ทำเอาแทบทนอยู่ต่อไปไม่ได้
เขาไม่มีความคิดที่จะอยากอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าอีก หันหลังแล้วออกจากบ้านไปในทันที
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ