“พูดพอรึยัง?”
แม้นไม่ได้คาดหวังอะไรจากพวกเขา แต่เมื่อได้ยินเช่นนั้น หัวใจของวันวิวาห์ราวกับตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็ง
เธอจ้องมองพวกเขาทั้งคู่ “คุณชูเกียรติ คุณเทียนแข สัตว์เดรัจฉานมันยังรู้จักปกป้องลูกตัวเอง แล้วพวกคุณล่ะ เป็นมนุษย์แท้ๆ มีบ้างไหม?”
สีหน้าท่าทางเอาอกเอาใจหายไปจากใบหน้าของเทียนแขทันควัน “วันวิวาห์ เราเป็นพ่อแม่ลูกนะ ทำไมลูกพูดแบบนี้?”
“พ่อแม่ที่ใจเอนเอียงเป็นมหาแปซิฟิกแบบนั้น งั้นก็อย่าเป็น!”
“วันวิวาห์!”
วันวิวาห์โศกเศร้าเสียจนพรรณนาความรู้สึกออกมาไม่ได้ “เวลานี้ ฉันก็ทำใจลำบากที่ต้องคิดว่าตัวเองก็เป็นลูกสาวของพวกคุณเหมือนกัน ไม่คิดว่ามันตลกไปหน่อยเหรอ ถ้าสามีของฉันไปช่วยไว้ไม่ทัน ลูกสาวที่อยู่ตรงหน้าคุณตอนนี้ อาจกลายเป็นดินโคลนหรือกองขี้เถ้าไปแล้วก็ได้”
เธอเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พวกคุณไปเถอะ ฉันจะไม่เมตตาวาเลนไทน์ เธอทำผิดกฎหมาย คุกคือการดัดนิสัยที่ดีที่สุดสำหรับเธอ”
เมื่อการพูดโน้มน้าวใจเปล่าประโยชน์ เทียนแขจึงเปลี่ยนวิธีการทันที หล่อนกัดฟัน แล้วคุกเข่าลงเสียงดัง “ตุ๊บ!”
“วิวาห์ แม่รู้ว่าผิด เราเองที่ทำร้ายจิตใจลูก ลูกจะเกลียดเราก็ได้ แต่ปล่อยเลนไทน์ไปได้ไหม เราเลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาถึงขนาดนี้ ลูกยกโทษให้เธอเพียงครั้งเดียว แม่สัญญาว่าหลังจากนี้เธอจะอยู่เงียบๆ ไม่กล้ามายุ่งวุ่นวายกับลูกอีก แม่ขอร้อง”
หล่อนพูดกลั้วร้องไห้ ขณะพูดน้ำตาพลางหยด ‘ติ๋ง ติ๋ง ติ๋ง’ ลงมา
วันวิวาห์จ้องมองด้วยสายตาเยือกเย็น ราวกับมีคนเอามีดแหลมทิ่มแทงลงมาภายในใจ
ช่างน่าขำเสียนี่กระไร!
แม่ของเธอ เพื่อช่วยให้ลูกสาวอีกคนไม่ต้องถูกลงโทษ ถึงขนาดยอมคุกเข่าให้ลูกสาวตัวเองที่เพิ่งคลานกลับมาจากนรก[ เกือบตาย รอดชีวิตมาได้อย่างหวุดหวิด
]!
วันวิวาห์หลับตาลง เพื่อลดความฝืดเคืองและความเศร้าในดวงตา “ฉันให้พวกคุณเข้ามา ไม่ใช่เพราะว่าฉันใจอ่อน แต่ฉันอยากบอกพวกคุณว่า หยุดทำเรื่องไร้สาระพวกนี้สักที ฉันไม่ยกโทษให้วาเลนไทน์ และก็จะไม่ปล่อยเธอด้วย!”
ดวงตาของเทียนแขแดงก่ำ “แก!”
เมื่อเทียบกับความโกรธเกรี้ยวของเทียนแข ชูเกียรติดูสงบลงมาก
เขากดภรรยาผู้กำลังเดือดดาลเอาไว้ “เพียงแค่ลูกให้เส้นทางชีวิตแก่เลนไทน์ เราจะนำบริษัท หุ้น และเงินลงทุนที่ลูกเคยมีกรรมสิทธิ์ก่อนหน้านี้คืนให้ลูก ถ้าหากยังไม่พอใจ พ่อจะเพิ่มส่วนของพ่อและแม่ลูกลงไปให้ด้วย”
วันวิวาห์กำผ้าห่มแน่น
หากไม่มีการเปรียบเทียบ คุณจะไม่มีทางรู้ซึ้งว่าความเจ็บปวดนั้นบาดลึกแค่ไหน ทรมานมากเท่าไหร่!
ดวงตาเธอแดงก่ำ ทั้งโกรธทั้งเสียใจ “ฉันไม่ดีตรงไหน พวกคุณถึงลำเอียงแบบนี้ หรือเพราะว่าฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกคุณกันแน่!”
ใบหน้าของชูเกียรติและเทียนแขแข็งทื่อ ทันทีที่คำพูดนั้นเปล่งออกมา ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดออก น้ำเสียงหน่ายแหนงพูดแทรกขึ้นมา
“ไม่ใช่”
ทั้งสามภายในห้องผู้ป่วยหันขวับพร้อมกัน
จอมพลจ้องมองไปที่วันวิวาห์ “คุณกับพวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ใดๆ กันทางสายเลือด”
ชูเกียรติและเทียนแขตื่นตระหนกทันใด “วิวาห์ ลูกอย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่เขาพูด”
“สำหรับพวกคุณมันคือคำพูดไร้สาระงั้นเหรอ เหอะ ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะ”
จอมพลพ่นลมหายใจออกมา ยื่นเอกสารที่อยู่ในมือให้วันวิวาห์
วันวิวาห์ชำเลืองมอง ก่อนจะหันมองชูเกียรติและเทียนแขอีกครั้ง แล้วรับเอกสารมา
เป็นเอกสารวินิจฉัยความเป็นบิดามารดา
ของเธอกับชูเกียรติและเทียนแข
ผลสรุป : ฝ่าฝืนกฎทางพันธุกรรม ไม่ใช่ผู้ให้กำเนิด
วันวิวาห์ชะงักงัน
จอมพลมองลงไปยังชูเกียรติและภรรยาอย่างหยามเหยียด “ผมเคยเห็นผู้คนมามากมาย แต่เพิ่งเคยเห็นพวกคุณเป็นคนแรก พ่อแม่ที่ปฏิบัติต่อลูกสาวตัวเองแบบนี้ ตอนแรกก็แค่สงสัย จึงให้คนไปวินิจฉัยเรื่องนี้มาเป็นการเฉพาะ”
มือของวันวิวาห์ที่กำลังจับเอกสารสั่นเทา
ใบหน้าของเทียนแขซีดขาวราวกับกระดาษ รีบร้อนพูดขึ้น “วิวาห์ อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระที่เขาพูด ผลวินิจฉัยนี่เป็นเท็จ เขาพยายามยุแยงความสัมพันธ์ระหว่างลูกกับเรา”
ชูเกียรติกระโชกโฮกฮากขึ้นมา “นายกำลังละเมิดความเป็นส่วนตัวของเรา ฉันจะฟ้องนาย!”
ชูเกียรติอ้าปากร้องด้วยความหวาดกลัว พร้อมลูกตาที่กลอกกลิ้งไปมา
ไม่กี่วินาทีต่อมา ใบหน้าของเขากลายเป็นสีตับหมู เส้นเลือดที่หน้าผากเต้นตุบๆ อาการหายใจไม่ออกทำให้ร่างกายเขาปั่นป่วนอย่างควบคุมไม่อยู่
เทียนแขหวาดผวาจนแข้งขาอ่อนแรง หากไม่ได้บอดี้การ์ดที่ช่วยยึดเอาไว้ คงล้มลงไปกองอยู่บนพื้น
เมื่อเห็นว่าพอสมควรแล้ว วีระออกคำสั่งผ่านสายตา
บอดี้การ์ดที่กดชูเกียรติไว้ปล่อยมือจากเขาทันที
ชูเกียรติหอบหายใจเอาอากาศเข้าปอด ใบหูถูกใครบางคนเอาของบางอย่างมาอุดเอาไว้
วีระก้าวไปข้างหน้า ดึงเศษผ้าออกจากปากเทียนแข “คุณเทียนแข เจ้านายเราใจดี ให้โอกาสคุณยังมีชีวิตอยู่ ที่เพิ่งพูดไป คิดให้ดีก่อนตอบ ถ้าตอบไม่ดี สถานการณ์ของคุณชูเกียรติในตอนนี้เป็นแบบทดสอบของคุณ”
“ฉันบอก ฉันบอกทุกอย่าง เพียงแต่ฉันไม่รู้จริงๆ ว่าพวกเขาเป็นใคร”
ใบหน้าของวีระเอาจริงเอาจัง
เทียนแขหวาดกลัว ตัวสั่นราวกับโดนเขย่า “วันวิวาห์ตาเฒ่าเป็นคนพาเธอกลับมา นอกจากคนในครอบครัวเราสองสามีภรรยา ก็มีเพียงตาเฒ่าที่รู้เรื่องนี้ เขาไม่ได้บอกเราว่าไปเอาเด็กมาจากไหน…”
“เราจะเชื่อได้ยังไง?”
เทียนแขพูดรัวราวกับเทถั่ว “ก่อนที่ตาเฒ่าจะพาตัวเธอมา เขาสั่งให้ฉันซ่อนตัว เมื่อออกไปข้างนอกก็ให้แกล้งว่าท้อง จนกระทั่งเขาอุ้มเด็กกลับมา เราจึงพาเธอไปที่บ้าน ตี๋ต่างว่าเราเป็นผู้ให้กำเนิด”
หล่อนร้องไห้ออกมา “ฉันไม่ได้โกหกจริงๆ …”
วีระออกคำสั่งกับบอดี้การ์ดผ่านสายตา
บอดี้การ์ดลากตัวเทียนแขออกไปข้างๆ จากนั้นอุดปากหล่อนไว้เช่นเดิม
วีระดึงที่อุดหูชูเกียรติออก แล้วถามคำถามเดิมอีกครั้ง
ชูเกียรติกลัวตาย คราวนี้จึงไม่กล้าขัดขืน เล่าไปตามตรง “ฉันไม่รู้ว่าพ่อแม่ของเธอเป็นใคร ตาเฒ่าให้คฤหาสน์ส่วนตัวกับเงินอีกสิบล้าน เพื่อให้เราเก็บความลับนี้ไว้ตลอดไป ให้เลี้ยงเธอไว้เป็นลูกสาวของเรา แค่โกหกเด็กน้อยคนหนึ่ง และเรื่องใหญ่ไปกว่านั้นคือการวางสินสอดทองหมั้นในอนาคตข้างหน้า บ้านหนึ่งหลังและเงินอีกสิบล้านก็เพียงพอแล้ว เราจึงรับปากตกลง…”
เมื่อสองสามีภรรยาสารภาพจากปากตัวเอง ภายในห้องผู้ป่วยพลันเงียบสงัดลง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ