“ปล่อยพวกเขาไปเถอะ” วันวิวาห์เอ่ยเสียงแผ่ว
จอมพลโบกมือโบกมือ
วีระพาคนถอยกลับออกไปทันที
จอมพลเดินไปข้างหน้าเตียงผู้ป่วย เขาวางฝ่ามือไว้บนศีรษะวันวิวาห์แล้วลูบเบาๆ “โง่หรือเปล่าเนี่ย นานหลายปีขนาดนี้ยังไม่สงสัยอีก”
การกระทำแสนอบอุ่น แต่คำพูดที่เปล่งออกมากลับไม่น่าฟังเลยสักนิด
วันวิวาห์บังคับให้มุมปากยกยิ้ม พูดอย่างงงงวย “ทีแรกคิดว่า เมื่อรู้ว่าฉันไม่ใช่ลูกของพวกเขาแล้วจะรู้สึกสบายใจขึ้น แต่ฉัน…”
คิ้วของจอมพลขมวดเข้าหากันอย่างอดสงสารไม่ได้
“พวกเขาไม่คู่ควรกับลูกแสนวิเศษอย่างคุณ ผมจะช่วยเธอตามหาพ่อแม่ที่แท้จริง แต่ก่อนอื่น คุณต้องพักผ่อน และดูแลร่างกายให้ดี”
ชายหนุ่มพูด พร้อมกับกดเธอกลับลงไปยังเตียงผู้ป่วย ยกผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้แล้วหันหลังเตรียมเดินจากไป ทว่ามือใหญ่กลับถูกมือเล็กๆ อันอ่อนนุ่มคว้าไว้เสียก่อน
เขาหันกลับมา
ดวงตาของวันวิวาห์แดงก่ำ กระซิบเบาๆ “จอมพล ขอบคุณนะคะ”
“แค่นี้?” ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
วันวิวาห์ชะงักไป ก่อนจะรีบพูดขึ้น “แน่นอนว่าไม่ใช่อยู่แล้ว ความรู้สึกขอบคุณของฉันบรรยายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้ เพียงแค่ตอนนี้ฉันยากจนและโดดเดี่ยว แม้แต่บ้านยังไม่มี คิดอะไรที่เป็นสาระสำคัญไม่ออก แต่ฉันเชื่อว่า คุณสามีผู้ฉลาดปราดเปรื่อง สง่าผ่าเผย หล่อเหล่า มีเสน่ห์ไม่มีที่สิ้นสุด และมีความสามารถโดดของฉันคนนี้ คงไม่คิดเล็กคิดน้อยกันฉันอย่างแน่นอน ตอนนั้นฉันคิดเพียงผิวเผินว่า คงถูกดึงดูดด้วยรูปลักษณ์อันแสนเท่ของคุณ ความรู้สึกของฉันที่มีต่อคุณ มันเริ่มต้นมาจากภายนอก และจบลงที่จิตใจข้างใน..”
ริมฝีปากอมชมพูของสาวน้อยกระตุกยิ้ม สรรเสริญเยินยอจนเกินพอดี
แม้รู้ว่ามีเพียงไม่กี่ประโยคที่เป็นความจริง แต่จอมพลผู้ถูกพูดเอาอกเอาใจกลับรำพึงใจ
เขายกยิ้มมุมปาก “อืม เห็นแก่ความจริงใจของคุณ รอให้คุณดีขึ้น ผมจะพาคุณไปเยี่ยมคุณท่านปรมะที่นั่น”
“ที่รัก คุณเป็นสามีที่ดีกับฉันที่สุดเลย!”
วันวิวาห์คุ้นชินกันการชมเชยแบบนี้จนติดเป็นนิสัย “ไม่ได้เจอคุณปู่หลายวันแล้ว ไม่รู้ว่าท่านจะเป็นยังไงบ้าง”
จอมพลเรียกกวินทร์มาพบ
หัวใจของกวินทร์หยุดนิ่งไปชั่วขณะ
เห็นได้ชัดว่าพูดทางโทรศัพท์เอาก็ได้ คงแค่อยากหลอกให้เขามากินอาหารสุนัข[ กินอาหารสุนัข แปลว่า คนโสดที่ถูกคนมีคู่สวีทหวานใส่ต่อหน้าต่อหน้า
]!
และเขาผู้ไม่สามารถแสดงความคิดเห็นอะไรได้เลย
กวินทร์ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เรื่องที่พี่สะใภ้ได้รับบาดเจ็บ ผมสั่งให้คนปิดไว้เป็นความลับ ไม่กี่วันมานี้ คุณปู่มีชีวิตชีวาขึ้นมาก เวลาเข็นออกไปอาบแดดข้างนอกก็พูดคุยสัพเพเหระกับคุณหมอได้ ลุงสามของพี่สะใภ้มักไปที่บ้านพักคนชราบ่อยๆ ส่วนคนอื่นไม่ได้รับอนุญาตให้เข้า”
วันวิวาห์ยิ้มอย่างมีความสุข “คุณชายกวินทร์ ขอบคุณมากนะคะ สภาพฉันตอนนี้ ปล่อยให้คุณปู่รู้ไม่ได้เด็ดขาด จะพลอยทำให้ท่านตกใจกลัวไปด้วย รบกวนคุณช่วยปกปิดให้ฉันต่อไปด้วยนะคะ รอให้ฉันดีขึ้นสักหน่อยแล้วฉันจะไปเยี่ยมท่าน”
“คนกันเองทั้งนั้น พี่สะใภ้ไม่ต้องเกรง…”
กวินทร์พูดยังไม่ทันจบ พลันรับรู้ได้ถึงสายตาเย็นซู่ที่จ้องมองมา
“ผม… ผมจะพูดว่า ผมกับพี่พลเนี่ยเป็นคนกันเองทั้งนั้น พี่น้องบ้านเดียวกัน ผมช่วยพี่สะใภ้ ช่วยที่พล แบบนั้นก็… ก็เหมือนพี่พลเป็นคนช่วย!”
ฮือๆๆ… ความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของของพี่พลช่างน่าหวาดกลัว น่าหวาดกลัวเกินไปแล้ว!
ให้เขาตีสนิทกับพี่สะใภ้พูดจาเป็นกันเองหน่อยก็ไม่ได้!
……
เฝ้าดูอาการได้ไม่กี่วัน ในที่สุดวันวิวาห์ก็ได้ออกจากโรงพยาบาล
จอมพลส่งเอกสารในมือให้เธอด้วยสีเรียบเฉย “ยินดีด้วยกับการได้ออกจากโรงพยาบาล”
“อะไรคะ?”
วันวิวาห์รับเอกสารมา เมื่อเปิดออกดู ถึงกลับตื่นตกใจ
หญิงสาวตะลึงงัน “นี่คือ…”
“แผนซื้อกิจการทั้งหมดในเครือบริษัทโสธรณาลัยกรุป” จอมพลอธิบายเสียงเย็น
แน่นอนว่าวันวิวาห์มองออก
ในนี้ไม่ใช่เพียงแค่ในนามของบริษัทรอง แต่ยังรวมถึงบริษัทใหญ่และบริษัทสามอีกด้วย
เพียงแค่เธอไม่เข้าใจ ทำไมอยู่ดีๆ เขาจึงต้องการซื้อบริษัททั้งหมดในเครือของโสธรณาลัยกรุป
วันวิวาห์เงียบไปชั่วครู่ ปิดแฟ้มเอกสารแล้วส่งคืนให้เขา “ฉันรับไว้ไม่ได้”
จอมพลจับใบหน้าข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บของเธอ มุมปากยกยิ้มก่อนจะพูดขึ้นว่า “ตัวตนของผมไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือ คุณต้องจำไว้ว่าคุณเป็นใคร คุณเป็นภรรยาของผม จอมพลคนนี้ นอกจากผม ใครหน้าไหนก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้องคุณ!”
คำพูดเอาแต่ใจจอมเผด็จการ ทว่ากลับทำให้เธอประทับใจ
ดวงตาสุกสกาวของวันวิวาห์โค้งเป็นสระอิ หญิงสาวเขย่งปลายเท้าขึ้นจุ๊บมุมปากชายหนุ่มเบาๆ “คุณจอมพล คุณภรรยาจะจำไว้ขึ้นใจเลยค่ะ”
ริมฝีปากของจอมพลยกยิ้ม
……
วันวิวาห์สวมหน้ากากเพื่อปกปิดบาดแผลบนใบหน้า และเดินทางไปยังบ้านพักคนชราพร้อมกวินทร์
ทันทีที่ก้าวออกจากลิฟต์ พลันเห็นทีมกู้ชีพกำลังเร่งช่วยชีวิตผู้ป่วยวิ่งผ่านหน้าทั้งสองคนสวนเข้ามา
“หัวใจหยุดเต้น… อะดรีนาลีน 1 mg…”
ทั้งสองรีบหลบให้ทางถอยไปข้างๆ
ทีมกู้ชีพผ่านหน้าพวกเขาไปด้วยความอลหม่าน
จู่ๆ เปลือกตาของวันวิวาห์ก็กระตุกขึ้นมา
กวินทร์จ้องมองอย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร “ผู้ป่วยจำนวนมากที่ป่วยหนักๆ ดูแลรักษาตัวอยู่ที่บ้านไม่ได้และคิดว่าสภาพแวดล้อมของโรงพยาบาลไม่ค่อยดี จะถูกย้ายมาที่นี่ เป็นเรื่องปกติ พี่อย่ามอง…”
พูดยังไม่ทันจบ บุคลากรทางการแพทย์คนหนึ่งก็วิ่งหน้าตั้งเข้ามา เมื่อเห็นคนทั้งสองจึงรีบร้อนพูดขึ้น “คุณกวินทร์ คุณวันวิวาห์ คุณท่านปรมะล้มป่วยกะทันหัน เพิ่งนำส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉินไปเมื่อครู่ ทำไมพวกคุณยังรีบไม่ตามไป?”
วันวิวาห์และกวินทร์หันหลังกลับทันควัน ทีมกู้ชีพเมื่อครู่หายเข้าไปในลิฟต์เรียบร้อยแล้ว
ทั้งคู่จึงรีบวิ่งตามไป
ด้านนอกห้องฉุกเฉิน วันวิวาห์รู้สึกว่าเวลาผ่านไปเชื่องช้าเสียเกินไป หนึ่งวันราวกับนานนับเป็นปี เธอตำหนิตัวเองเกลียดตัวเองจนนึกอยากตัวตาย
ยังดีที่เพียงไม่นานประตูห้องฉุกเฉินก็เปิดออก
คุณหมอเดินออกมา แล้วพูดขึ้นว่า “ยื้อชีวิตไว้ได้เพียงสักพัก อาเจียนเป็นเลือด ยังอยู่ในอาการโคม่า”
วันวิวาห์เป็นกังวลจนอยู่ไม่สุข "ไม่กี่วันที่ผ่านมาเพิ่งบอกว่าอาการดีขึ้นไม่ใช่เหรอคะ ทำไมจู่ๆ อาการทรุดลงอีกแล้วล่ะ”
นายแพทย์ผู้ดูแลชายชรากล่าวว่า “ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้านี้ คุณชูเกียรติเข้ามา ทั้งคู่อยู่ในห้องผู้ป่วยกันตามลำพัง อาจเป็นเพราะว่าคุณชูเกียรติพูดอะไรบางอย่าง จึงไปกระตุ้นคุณท่านเข้า”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ