วีระลังเลอยู่พักหนึ่ง : “เห็นสถานกักกันทางนั้นส่งข่าวมา ว่าวาเลนไทน์ยื่นหลักฐานผลวินิจฉัยโรคว่าตัวเองเป็นโรคประสาท.....พวกเขาคงจะวางแผนที่จะเจาะเข้าทางช่องว่างของกฎหมายน่ะครับ”
วันวิวาห์หัวเราะเยาะออกมา : “พวกเขาคงเหลือเพียงแค่วิธีนี้แล้วล่ะ ตอนแรกก็เอาหลักฐานปลอมมาบอกว่าฉันเป็นโรคประสาท ต้องการจำกำจัดฉันไป ตอนนี้ก็เอาหลักฐานโรคประสาทปลอมออกมาอีกหนึ่งฉบับ อยากจะช่วยวาเลนไทน์หลีกเลี่ยงจากการตกนรกทั้งเป็น......”
แท้ที่จริงแล้วไม่ใช่ลูกแท้ๆของตัวเอง ก็จะไม่ได้รักและรู้สึกเจ็บปวดจริงๆสินะ
..........
กลับถึงบ้านฟ้าก็มืดแล้ว
หนูกะทิกำลังนั่งวาดรูปอยู่บนพรมขนปุยหนาอยู่ที่พื้น
เด็กน้อยเป็นพวกวาดศิลปะแบบไร้รูปลักษณ์ วาดได้อย่างไม่แน่วแน่ ใบหน้าเล็กๆที่จริงจังกำลังขุดอารมณ์ออกมา
วันวิวาห์ดูแล้วล่องลอย นึกถึงเด็กที่ไม่รู้ว่าเป็นตายร้ายดีคนนั้น
ถ้าหากมีชีวิตอยู่ โตขึ้นมาแล้ว จะเหมือนกับตัวเองที่พยายามตามหาแม่แท้ๆเหมือนกันหรือเปล่า?!
ถ้าหากมีคนมาดูถูกแม่แท้ๆของเธอ เธอจะโมโหและรู้สึกแย่เหมือนกับตัวเองไหม?!
ถ้าหากเธอเจอกับพ่อแม่บุญธรรมอย่างชูเกียรติและเทียนแขแบบนี้ เงื่อนไขในบ้านไม่ดีพอแล้ว พ่อแม่บุญธรรมก็เกิดความรู้สึกเกลียดชังในใจขึ้นมา ถ้าอย่างนั้นเธอ......
วันวิวาห์สั่นแล้วดึงสติกลับมา
ไม่หรอกไม่หรอก!
เด็กคนนั้น.....จะต้องไม่โชคร้ายเหมือนกับเธอแบบนี้อย่างแน่นอน!
เธอรีบหนีกลับเข้าไปในห้อง พยายามดิ้นรนอยู่ครั้งแล้วครั้งเล่า ในที่สุดก็โทรออกหาอาจารย์สะกดจิตมาร์ตินอีกครั้ง
“คุณหมอมาร์ติน ฉันเตรียมตัวเรียบร้อยแล้วนะคะ ครั้งนี้ ไม่ว่าระหว่างนั้นจะเกิดอะไรขึ้น ที่ผ่านมาจะโหดร้ายแค่ไหน ฉันกลัวมากแค่ไหน ฉันจะยืนหยัดต่อไป ถ้าหากเกิดเรื่องขึ้น ฉันยอมรับผลที่ตามมาทั้งหมดค่ะ!”
ตอนนี้เธอไม่มีญาติพี่น้องซักคนแล้ว
เธอจะไปหาลูกของตัวเอง ให้มั่นใจว่าลูกมีชีวิตอยู่ดีหรือเปล่า หลีกเลี่ยงว่าในอนาคตจะประสบกับความล้มเหลวแบบเธออีก
เธอเองก็อยากจะหาแม่แท้ๆให้เจอเช่นกัน.....ในฐานะที่เป็นแม่ เธอรู้สึกเป็นห่วงลูกของตัวเองขนาดนี้ แล้วแม่แท้ๆของเธอในช่วงหลายปีมานี้จะคิดถึงและเป็นห่วงเธออยู่เหมือนกันหรือเปล่า?
..........
ห้องวาดรูปโมโมะ
วันวิวาห์หยิบรูปถ่ายออกมาใบหนึ่ง : “โม ช่วยฉันสืบหาคนนึง ดูว่าในช่วงสิบยี่สิบปีมานี้ ในวงการบันเทิง และวงการแฟชั่นมีนักแสดงหรือศิลปินที่หน้าตาคล้ายกับคนๆนี้บ้างหรือเปล่า”
โมโมะรับมาดู : “นี่ไม่ใช่เธอเหรอ ยัยบ้า ล้อฉันเล่นใช่ไหม?”
วันวิวาห์ส่ายหน้า : “ไม่ใช่ฉัน”
รูปนี้เป็นรูปที่เธอเลียนแบบจากรูปใบนั้นที่เทียนแขให้เธอดู ใช้ใบหน้าตัวเองถ่ายในมุมเดียวกันและท่าทางที่เหมือนกัน
คนที่อยู่ในรูปนั้น เหมือนกับที่เห็นจากเทียนแขมาก
“เทียนแขบอกว่า เธอคือแม่แท้ๆของฉัน”
โมโมะเบิกตาขึ้นด้วยความตกตะลึง : “เฮ้ย ไม่ใช่มั้ง?”
วันวิวาห์เม้มปากไม่ได้พูดออกมา
โมโมะเก็บรูปเอาไว้ แล้วตีลงที่หน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน : “วางใจเถอะ ฉันจะต้องช่วยเธอสืบมาให้ได้”
“โม ขอบคุณนะ เรื่องฐานะของฉัน คนที่รู้มีไม่เยอะนัก เพราะฉะนั้นเรื่องนี้จะต้องดำเนินการอย่างลับๆ”
เลี่ยงการเกิดปัญหาใหม่ขึ้นมา
โมโมะทำท่าโอเค : “วางใจได้ ฉันเข้าใจน่า”
.........
ตอนกลางคืน
จอมพลเลิกงานกลับมาบ้าน เพิ่งจะเข้าประตูมานั้น ตรงหน้าดูลายตา แล้ววันวิวาห์ก็พุ่งเข้ามาปิดตาของเขาเอาไว้
“มีเซอร์ไพรส์ให้คุณค่ะ”
มุมปากจอมพลยกขึ้น : “เซอร์ไพรส์ของคุณผมสามารถเชื่อได้ไหม?”
วันวิวาห์ยิ้มโดยไม่ได้เอ่ยพูดออกมา จูงมือของเขาเอาไว้ แล้วดึงผ้าปิดจมูกบนหน้าตัวเองลงมา
จอมพลเลิกคิ้วขึ้นมาเล็กน้อย
จอมพลแทบจะไม่ได้สนใจที่จะโมโหแล้ว คิ้วขมวดเข้าหากัน แล้วรีบอุ้มเธอขึ้นมาส่งกลับเข้าไปในห้อง
วันวิวาห์จับเสื้อของจอมพลเอาไว้แน่นเอ่ยขึ้นด้วยน้ำตานองหน้า : “ฉัน....ฉันนึกขึ้นมาได้นิดนึงแล้ว.....”
จอมพลรู้สึกอึ้งไปเล็กน้อย : “นึกอะไรครับ?”
เรื่องที่เกิดขึ้นในปีนั้นที่เธอสูญเสียความทรงจำไป ทางกวินทร์ก็ไม่ได้ผลลัพธ์มาโดยตลอด
น้ำตายังคงไหลออกมาไม่หยุดจากดวงตาที่มีความหวาดกลัวของวันวิวาห์ : “ใช้กำลัง....ปี....ปีนั้น ฉันถูกคนใช้กำลังบีบบังคับ......”
เธอกำลังสั่นเทา : “ผู้ชายคนนั้น....เหมือนกับสัตว์ที่ดุร้าย น่ากลัวมาก....เขา....เขาคงจะกินยาเข้าไป ไม่เหมือนกับคนปกติ....ไม่มีความรู้สึก ไม่มี......”
เธอพูดต่อไปไม่ได้แล้ว
ดวงตาที่เย็นชาของจอมพลมีพายุหมุนวนอยู่ เขาโอบเธอเข้ามาในอ้อมกอดด้วยความสงสารจับใจ กอดเธอเอาไว้แน่น : “ผ่านไปแล้ว ผมอยู่นี่ ไม่เป็นไรนะ!”
วันวิวาห์ก็ยังคงกำลังสั่นอยู่ น้ำตาเปียกชื้นบนเสื้อตรงหน้าอกของจอมพล : “.......หลังจากเหตุการณ์นั้น มีคนบอกฉันว่า จะต้อง....จะต้องตั้งครรภ์ลูก....เพียง....เพียงแค่ฉันคลอดลูกออกมา....เขาก็จะปล่อยฉัน......”
ดวงตาของจอมพลหดลงในทันที หลังจากที่ปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนแล้ว ก็นำอย่างระมัดระวัง : “ยังมีอะไรอีก?”
“ฉัน.....ฉันจำไม่ได้แล้ว.....”
“ยังจำว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไรได้บ้างไหม?”
วันวิวาห์ส่ายหน้า : “ฉันจำไม่ได้ค่ะ.....จำหน้าตาของเขาไม่ได้.....และก็ไม่รู้สถานะของเขาด้วย....”
เธอจับผมตัวเองอย่างเจ็บปวดทรมาน : “ฉันเองก็นึกไม่ออกด้วยว่าสรุปแล้วเคยคลอดลูกออกมาหรือเปล่า......ฉันนึกไม่ออก.....”
จอมพลเอาผมที่อยู่ในมือของเธอนั้นออกมา บรรจงจูบลงบนหน้าผากเป็นการปลอบประโลม : “นึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึก เรื่องเหล่านั้นผ่านไปแล้ว ไม่สำคัญ ถ้าหากรู้สึกเจ็บปวดทรมาน ผมจะพาคุณไปสะกดจิต ลืมเรื่องพวกนั้นไปให้หมด”
มาร์ตินเคยบอกเขา ว่าการสะกดจิตสามารถฟื้นฟูความทรงจำได้บ้าง และก็สามารถทำให้คนลืมสิ่งที่ไม่อยากจำได้อีกด้วย
“ไม่....ไม่ได้ผ่านไปค่ะ”
วันวิวาห์ถอยออกมาจากอ้อมกอดของเขา ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าเล็กๆถูกน้ำตาเปียกชุ่มไปหมดทั้งหน้า น่าสงสารเหลือเกิน
“ไม่ได้ผ่านไปค่ะ ก่อนหน้านี้ไม่นานที่ฉันตรวจสุขภาพ คุณหมอบอกว่ามดลูกของฉันยังมีแผลเก่า นั่นคือเกิดจากที่เคยคลอดลูกเอาไว้.....จอมพล ฉันอาจจะเคยคลอดลูกมาคนนึงแล้วจริงๆ......”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: เสพรักร้อน กลางใจตัวพ่อ