ตำหนักชิงซินเป็นดังที่จักรพรรดิหนิงได้กล่าวไว้ ที่นี่ถูกทำความสะอาดทุกวันและไม่ได้มีอะไรแตกต่างจากก่อนที่หยุนชางจะแต่งงานออกไปเลย บางทีอาจเป็นเพราะตำหนักฉินเจิ้งส่งคนมาบอกเหล่านางกำนัลในตำหนักแล้ว เมื่อหยุนชางกลับมาที่ตำหนักชิงซิน พวกนางก็เตรียมน้ำร้อนกันไว้เรียบร้อยแล้ว หยุนชางรีบอาบน้ำชำระร่างกายและเข้านอนอย่างรวดเร็ว
ยามที่นางตื่นขึ้น นางกำนัลก็มาบอกนางว่าวังจิ่นซิ่วส่งคนมา ตอนนี้รออยู่ด้านนอกตำหนักบอกว่ากุ้ยเฟยเหนียงเหนียงกำลังรอรับประทานอาหารกับนางอยู่
โชคดีที่จิ่นกุ้ยเฟยไม่ได้ถามอะไร เพียงแค่รับประทานอาหารด้วยกันแล้วก็ปล่อยนางออกจากวังไป
ในขณะที่รถม้ากำลังวิ่งไปบนถนน หยุนชางก็ได้ยินเสียงซุบซิบจากภายนอกดังแว่วมา นางได้ยินชื่อของจิ่งเหวินหลานอยู่หลายครั้ง หยุนชางครุ่นคิดเล็กน้อย สถานที่เช่นจวนอัครมหาเสนาบดีนั้นมีคนมากมาย ต่างคนก็ต่างปาก เกรงว่าคงมีใครหลุดปากออกมาจึงทำให้ข่าวลือแพร่สะพัดไปทั่วเมือง
สิ่งที่หยุนชางได้ยินล้วนไม่ใช่คำที่น่าฟังนัก นางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงปิดม่านในรถม้าอย่างมิดชิด คิ้วของนางขมวดมุ่นอย่างไม่พอใจนัก
แต่เฉี่ยนอินกลับค่อนข้างสุขใจ "ดูจากนิสัยของจิ่งเหวินซีนั่นแล้ว ทั้งพ่อแม่พี่น้องของนางคงไม่ใช่คนดีอะไรนัก ผลกรรมตามทันอย่างรวดเร็วจริงๆ มีเรื่องอย่างครั้งนี้แล้วเกรงว่าจวนจิ่งคงจะฟื้นตัวกลับมาไม่ง่ายนัก"
หยุนชางหลับตาลงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน แต่ในใจนางกลับคิดว่าเรื่องคนทำดีไม่แพร่งพราย แต่คนทำชั่วกลับลือกระฉ่อนไกลถึงพันลี้ ไม่ว่าจะมีอำนาจมากมายเพียงใด หากก้าวพลาดไปเพียงก้าวเดียวแล้วทำให้ข่าวลือเสียหายถูกแพร่ไป แม้คิดจะเริ่มต้นอ้างความดีที่เคยทำมาแต่ครั้งก่อนใหม่ก็คงยากนัก ลมปากของผู้คนนั้นยากจะหยุดยั้ง หยุนชางขมวดคิ้ว
ยามนางกลับมาถึงจวน พ่อบ้านก็กำลังรอนางอยู่ที่ห้องโถงอย่างกระวนกระวาย เมื่อเขาเห็นว่าหยุนชางมาถึงแล้วก็รีบเดินเข้ามาหานางทันทีและยื่นจดหมายฉบับหนึ่งให้นาง "นี่คือของที่สายลับของพระชายากำชับข้ารับใช้ที่ออกไปซื้อของว่าต้องส่งให้ถึงมือของพระชายาขอรับ ข้ารับใช้ผู้นั้นเข้าไปที่เรือนไม่ได้ ทั้งแม่นางเฉี่ยนอินและพระชายาต่างก็ไม่อยู่ เขาจึงนำมาให้ข้าและกำชับข้าว่าให้รีบนำมันมอบให้กับพระชายา"
"หือ?" หยุนชางเลิกคิ้วเล็กน้อย เปิดซองจดหมายออกดู ด้านในมีรูปภาพหนึ่ง หยุนชางมองดูรูปนั้นก็รู้สึกคุ้นตา ตรงกลางของรูปนั้นมีอักษรจิ้ง(靖)เขียนอยู่ เพียงแต่นางคิดอยู่นานก็คิดไม่ออกว่านี่คือรูปอะไร นางครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วจึงยื่นให้พ่อบ้านดู "นี่เป็นสิ่งของอะไรของท่านอ๋องหรือไม่?"
เมื่อพ่อบ้านรับมาดูก็มีสีหน้าเปลี่ยนไป "พระชายา นี่เป็นป้ายหยกที่ท่านอ๋องพกติดตัวตลอดเวลาขอรับ"
ป้ายหยกของท่านอ๋อง หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วจึงนึกออก ตอนที่องค์รัชทายาทของแคว้นเย้หลางตาย ได้ยินมาว่าในมือของเขากำป้ายหยกของท่านอ๋องอยู่ ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าจิ้งอ๋องเป็นผู้สังหารเขา
หยุนชางรีบถามต่อ "เขาได้บอกหรือไม่ว่าได้พบที่ที่ใด?"
พ่อบ้านส่ายหัว "ข้ารับใช้ผู้นั้นเพียงบอกว่าจดหมายนี้สำคัญมาก ต้องส่งให้ถึงมือพระชายา ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกขอรับ"
หยุนชางเงียบไปเล็กน้อยแล้วฉีกซองจดหมายออกอย่างแรง นางพบว่าด้านในของซองจดหมายมีอักษรขนาดเล็กเท่ายุงเขียนอยู่ หยุนชางอ่านอย่างละเอียดแล้วจึงขมวดคิ้วขึ้นอีก "ป้ายหยกในมือของชางเจียคังหนิงเป็นของปลอม"
"ของปลอม?" พ่อบ้านและเฉี่ยนอินต่างก็ตกใจ พ่อบ้านขมวดคิ้วแล้วจึงเอ่ยว่า "ไม่น่าเป็นไปได้ ป้ายหยกนั้นเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทพระราชทานให้แก่ท่านอ๋องด้วยตนเอง หลังจากที่ชางเจียคังหนิงตาย ได้ยินมาว่าป้ายหยกนั้นถูกส่งไปให้องค์จักรพรรดิทอดพระเนตรด้วยตนเอง หากเป็นของปลอม ฝ่าบาทจะดูไม่ออกได้อย่างไร?"
หยุนชางยิ้มเย็น "ผู้ร้ายตัวจริงคงจะทุ่มเงินลงไปอย่างมาก ป้ายหยกนี้เป็นของที่หลี่เชียนปรมาจารย์จอมเลียนแบบทำขึ้นจึงไม่ต่างกับของจริงมากนัก เมื่อคืนเขาเสียชีวิตแล้วที่วัดเก่าๆ ในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งที่ห่างออกไปสิบลี้
"ฆ่าปิดปาก?" เฉี่ยนอินขมวดคิ้ว
ปริศนาต่างๆ ที่ค่อยๆ ประดังประเดเข้ามาทำให้หยุนชางรู้สึกวิงเวียน นางถอนหายใจออกมาแล้วเอ่ยเสียงเบาว่า "ข้าปวดหัวนิดหน่อย ข้าจะไปนั่งรับลมที่ศาลา เจ้าไม่ต้องคอยอยู่รับใช้ข้าหรอก ไปทำอย่างอื่นเถอะ" นางพูดพลางมุ่งหน้าไปยังศาลาริมน้ำ
ในขณะที่นางเดินไปนั่งลงกลางศาลาแล้ว ในใจก็ยังคงถูกเรื่องต่างๆ รายล้อมจนรู้สึกมึนงง สายตาของนางทอดลงที่ทางเดินฝั่งตรงข้าม ที่ทางเดินนั้นมีข้ารับใช้กำลังทำความสะอาดอยู่ หยุนชางเห็นว่าข้ารับใช้ผู้นั้นราวกับกำลังแอบอู้งานอยู่ เขาปัดกวาดอย่างลวกๆ แล้วจึงนั่งลงข้างระเบียนทางเดินนั้น หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อยและก็เห็นว่าอีกด้านของระเบียงทางเดินมีผู้ชายในชุดข้ารับใช้เดินเข้ามาหาเขา ทั้งสองพูดอะไรบางอย่างแล้วจึงลุกขึ้นจากไป แม้แต่ไม้กวาดก็ไม่ได้หยิบไปด้วย
หยุนชางถอนหายใจ เดิมทีนางก็ไม่ชอบยุ่งเรื่องในจวน เกรงว่าเหล่าข้ารับใช้ในจวนนี้จะอาศัยประโยชน์จากการที่ท่านอ๋องไปรบอยู่เสียแต่ที่ชายแดนจึงได้ละเลยต่อหน้าที่ แม้ว่าพ่อบ้านจะถือได้ว่าเป็นผู้ที่ใช้ได้แต่อย่างไรก็มีขีดจำกัด หยุนชางใคร่ครวญดูเล็กน้อย เมื่อเรื่องนี้คลี่คลายแล้ว นางจะให้เฉี่ยนอินไปช่วยพ่อบ้านอีกแรง แต่นางก็นึกขึ้นได้ว่าหากเรื่องนี้จบลงแล้ว จิ้งอ๋องก็คงต้องตามเซี่ยหวนอวี่กลับแคว้นเซี่ยไป
ความคิดก่อนหน้านี้ถูกข้ารับใช้อู้งานสองคนขัดขึ้น ในใจของหยุนชางจึงสงบลงมาก เพียงแต่สายลมอุ่นในฤดูใบไม้ผลิช่างสบายนัก ลมพัดมาจนทำให้หยุนชางเริ่มรู้สึกง่วงงุน นางอ้าปากหาวแล้วจึงเดินกลับไปที่ห้องเตรียมตัวนอน
เมื่อก้าวเท้าเข้าไปในห้อง เฉี่ยนอินยังไม่กลับมา หยุนชางไปหยิบผ้าห่มผืนบางมาวางบนเบาะนุ่มและคลายเสื้อผ้าตนเอง ปล่อยผมลงกำลังจะล้มตัวลงนอน นางก็เห็นเฉี่ยนอินพุ่งเข้ามาราวกับพายุ "พระชายาๆ เหล่าคนที่จับตามองเราด้านนอกจวนกำลังจะสลายตัวไปแล้วเพคะ ก่อนหน้านี้หม่อมฉันให้สายลับคอยจับตาดูพวกเขา เมื่อครู่มีสายลับมารายงานว่าเดิมทีมีคนกว่ายี่สิบคนคอยจับตามองพวกเรา แต่ตอนนี้กลับน้อยลงไปกว่าครึ่ง"
"ที่เหลืออีกสิบคนยังคนจับตาดูจวนอ๋องอยู่อีกหรือ?" หยุนชางมองเฉี่ยนอินและถามขึ้น
เฉี่ยนอินพยักหน้า "แล้วพวกที่หายไปอีกสิบกว่าคนไปทำอะไรหรือ?"
หยุนชางนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยว่า "ส่งสัญญาณให้แก่กองกำลังแฝงนอกจวน ให้พวกเขาไปจับตาดูคนอีกสิบกว่าคนที่จากไป ส่งคนไปเยอะหน่อย ต้องคอยเฝ้าติดตามอย่างใกล้ชิด"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...