ขณะที่อากาศค่อยๆ เย็นลง หยุนชางก็เรียกช่างตัดเสื้อมาวัดตัวเพื่อทำเสื้อผ้าอีกสองสามชุด ขณะที่กำลังวัดตัวของหยุนชาง คนในห้องก็เงี่ยหูฟังเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น
หยุนชางขมวดคิ้วและฟังเสียงรอบข้างเบาๆ มีคนกำลังเข้ามาใกล้อย่างเงียบเชียบจากด้านนอก หยุนชางขยิบตาให้เฉี่ยนหลิ่วและเฉี่ยนจั๋ว สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน พวกนางเดินไปที่หน้าต่าง เปิดหน้าต่างออกแล้วพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ จากนั้นก็ได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างตกใจและคนที่มาเยือนก็ถูกจับได้
หยุนชางเดินไปที่หน้าต่างและมองออกไปก็เห็นหวังจิ้นฮวนในชุดสีแดงถูกสาวใช้สองคนกดไว้กับกำแพงในท่าทางที่บิดไปบิดมา
หยุนชางอดไม่ไหวจึงได้หลุดเสียงหัวเราะออกมา
"โอ๊ยๆๆ พระชายาน้อย ข้าหวังจิ้นฮวนไง หวังจิ้นฮวน ข้าไม่ใช่ขโมยเก็บดอกไม้*เสียหน่อย อีกอย่างดอกไม้ของเจ้าข้าก็ไม่กล้าขโมยหรอก ไม่เช่นนั้นลั่วชิงเหยียนคงได้หักกระดูกข้าเป็นท่อนๆ เจ้ารีบให้สาวใช้ของเจ้าปล่อยข้าได้แล้ว เป็นสาวน้อยอย่างนี้ไม่นุ่มนวลเอาเสียเลย อนาคตจะออกเรือนได้ยังไงกัน" ทันทีที่สิ้นเสียงเขาก็ร้องอุทานออกมาอีก "ข้าผิดไปแล้วๆ ข้าไม่พูดแล้วๆ พอใจหรือยัง?" (*คำเปรียบเปรยหมายถึงผู้ที่จะเข้ามาทำมิดีมิร้ายต่อหญิงสาว)
"ทางดีๆ เจ้าไม่เดิน ทำตัวลับๆ ล่อๆ แล้วยังจะโทษใครได้อีก?" หยุนชางกลอกตาและโบกมือให้สาวใช้ทั้งสองรามือ
หวังจิ้นฮวนยืดตัวตรงและโอดครวญอยู่นาน จากนั้นก็ถูแขนและกระโดดเข้ามาจากทางหน้าต่าง เขามองไปรอบๆ ห้อง "เอ๊ะ ลั่วชิงเหยียนไม่อยู่หรือ?"
หยุนชางเลิกคิ้ว "เขาอยู่ที่ลานประลองยุทธ์ ที่นั่นขาดหุ่นไม้ฝึกมืออยู่พอดี เจ้ารีบไปเถอะ"
หวังจิ้นฮวนก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็วและมองไปที่หยุนชางด้วยท่าทางเกินจริง "พระชายาน้อย เจ้าเริ่มนิสัยเสียเหมือนลั่วชิงเหยียนแล้ว แม้แต่คำพูดประหลาดของเขาเจ้าก็เรียนรู้มาด้วย เช่นนี้แย่แน่ๆ แย่แล้วแน่ๆ"
ขณะที่เขาก็ได้ยินเสียงมาจากนอกประตู "เจ้าว่าอะไรไม่ดี?" นั่นก็คือลั่วชิงเหยียนนั่นเอง...
หวังจิ้นฮวนรีบกระแอมสองสามที เขาหัวเราะแหะๆ และเดินเข้าไปหาลั่วชิงเหยียนที่แหวกม่านประตูเดินเข้ามา เขาอ้าแขนออกกอดลั่วชิงเหยียน "โอ๊ะ รุ่ยอ๋องนี่เอง หลายวันมานี้ข้าอยู่ด้านนอกคอยทำง่ายให้ท่านเหน็ดเหนื่อยยิ่งนัก ทุกวันได้นอนเพียงสองถึงสามชั่วยามเท่านั้นเอง ก่อนหน้านี้ยังอากาศร้อนอยู่ ข้าถูกยุงกัดไปทั้งตัว ดูสิ ช่วงนี้ข้าต้องกรำแดดทนฝน ผิวของข้าเสียหมดแล้วใช่หรือไม่?"
ลั่วชิงเหยียนแค่นเสียงเฮอะ "งั้นหรือ? เหตุใดข้าจึงได้ยินสายลับรายงานว่าเจ้าเอาแต่เที่ยวเตร่ในถนนดอกไม้ตรอกต้นหลิ่ว*จนลืมเรื่องที่ต้องทำไปเสียจนหมดเล่า แล้วยังบอกอีกว่ายามพวกเขาเกลี้ยกล่อมเจ้า เจ้ายังคุยโวอีกว่าข้าไม่กล้าทำอะไรเจ้าด้วย จะทำอะไรก็ให้สายลับทำก็พอแล้ว" (*หมายถึง แหล่งบันเทิงต่างๆ เช่น หอคณิกา)
หวังจิ้นฮวนก้าวถอยหลังไปเล็กน้อย เขากระแอมและเอ่ยว่า "ท่านอ๋อง องค์หญิงใหญ่เข้าเมืองจิ่นมาแล้ว"
หยุนชางยิ้มพลางฟังมุกตลกของหวังจิ้นฮวน แต่เมื่อได้ยินเขาเอ่ยเช่นนี้อย่างกะทันหันก็อดไม่ได้ที่จะนิ่งอึ้งไป "องค์หญิงใหญ่?"
ลั่วชิงเหยียนหันไปมองหยุนชางและพยักหน้า "ก่อนหน้านี้ข้าเคยได้ยินเจ้าบอกว่าที่หนิงเชียนเข้าวังเป็นเพราะองค์หญิงใหญ่เป็นผู้แนะนำ ข้าก็รู้สึกได้ว่านางไม่ธรรมดา ข้าจึงขอให้หวังจิ้นฮวนคอยตามนางดูว่านางต้องการจะทำอะไรกันแน่"
หยุนชางนิ่งไป ลั่วชิงเหยียนคิดเหมือนกับที่นางคิด หวังจิ้นฮวนก็พูดต่อ "พระชายาน้อยก็ดูจะสนใจองค์หญิงมากเช่นกันนี่ ข้าเห็นสายลับของท่านด้วย"
"อืม ไม่กี่วันก่อนหน้านี้หนิงเชียนบอกว่าองค์หญิงใหญ่จะกลับมาที่จวนแล้ว ข้าจึงส่งคนไปตามดูนาง แต่ก็ไม่พบอะไรเลย" หยุนชางพูดอย่างเรียบเฉย "นางเอาแต่ไหว้พระขอพร คงไม่มีจุดอ่อนอะไรให้จับได้"
"อธิษฐานขอพร?" หวังจิ้นฮวนเยาะเย้ย "องค์หญิงใหญ่ผู้นั้นหน้าเนื้อใจเสือแท้ๆ ต่อหน้านางทำเป็นสวดมนต์ขอพร แต่พอตกกลางคืนแล้ว ทุกคืนก็จะมีพระในวัดเข้าไปในเรือนรับแขกอย่างเงียบเชียบเพื่อร่วมเสพสุขกับนาง อีกทั้งยังเปลี่ยนคนไปทุกคืนเสียด้วย นางอยู่ในวัยสี่สิบห้าสิบแล้ว ชิ ยังจะเสเพลเช่นนี้อีก ข้าแทบอยากจะควักลูกตาตนเองออกมาเสียด้วยซ้ำ"
"ควักสิ" ลั่วชิงเหยียนพูดเสียงเย็น "หลายวันมานี้เจ้าเห็นแค่นี้หรือ?"
หวังจิ้นฮวนถอนหายใจ "ก็ไม่ เกรงว่าองค์หญิงใหญ่ผู้นั้นจะมีใจคิดอยากได้บัลลังก์ ข้าพบว่าคนที่เข้าไปพบนางในช่วงนี้มีสถานะพิเศษบางอย่างจึงได้ให้คนไปตรวจสอบ มีทั้งขุนนางฝ่ายบุ๋นฝ่ายบู๊ แม้แต่ที่ปรึกษาในจวนของท่านอ๋องเจ็ดและข้ายังพบข้ารับใช้ของจวนรุ่ยอ๋องด้วย นอกจากนี้ข้ายังพบว่ามีนางให้คนลอบซ่องสุมฝึกกำลังทหารในหุบเขาที่ไม่ไกลจากวัดนัก ที่นั่นมีกำลังพลประมาณสามหมื่นคน ไม่เพียงแต่ทหารเท่านั้น ยังมีอาวุธอีกด้วย
ดวงตาของหยุนชางฉายแววประหลาดใจ "อยากได้บัลลังก์หรือ?"
ก่อนหน้านี้หยุนชางรู้สึกว่าที่องค์หญิงใหญ่แนะนำสตรีให้แก่เซี่ยหวนอวี่ย่อมมีจุดประสงค์ที่ไม่ธรรมดา แต่นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะต้องการตำแหน่งนั้น
หยุนชางส่ายหัว "ไม่ใช่เพคะ เพียงแต่รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย ฝ่าบาททรงเลือกฮวาอวี้ถงให้เป็นชายาเอกของท่านอ๋องเจ็ด หลิ่วฉูฉู่เป็นชายารองของเขา คนที่มาจากสามตระกูลใหญ่ไม่มีใครถูกเลือกเข้าวังหลังเลยเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้นก็เปิดรายชื่ออ่านดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยว่า "ไม่รู้ว่าท่านในวังผู้นั้นวางแผนอะไรอยู่อีก เดิมจวนหลิ่วกับอ๋องเจ็ดก็สนิทชิดเชื้อกันอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เขามีอำนาจมากขึ้นเรื่อยๆ จนแทบมองไม่เห็นความสำคัญของจวนหลิ่วแล้ว คราวนี้ที่จวนหลิ่วลำบากลำบนเพื่อส่งหลิ่วฉูฉู่เข้าไปในวังโดยคิดว่าหากนางเป็นที่โปรดปราน จวนหลิ่วจะได้มีที่ยืนต่ออ๋องเจ็ดมากขึ้น แต่ทว่าฝ่าบาทกลับเลือกนางให้กลับอ๋องเจ็ดและเขาย่อมจะไม่แตะต้องนางอย่างแน่นอน หลิ่วฉู่ฉู่ก็จะกลายเป็นหมากที่ถูกทิ้ง แต่ฮวาอวี้ถงเป็นคนในจวนฮวากั๋วกง ในราชสำนักต่างก็ขีดเส้นแบ่งไว้ว่าจวนสกุลฮวาอยู่ข้างข้า เมื่อฮวาอวี้ถงกลายเป็นพระชายาของอ๋องเจ็ด เกรงว่าเขาคงจะต้องระวังตัวอย่างมาก ไม่มีใครได้ประโยชน์ หึ น่าสนใจนัก"
หยุนชางได้ยินเช่นนั้นก็นิ่งเงียบไปอยู่นานแล้วจึงกล่าวว่า "ฝ่าบาททำเช่นนี้ไม่ใช่ว่าเป็นการทำเพื่อท่านหรือ แม้ว่าข้าจะเป็นองค์หญิงของแคว้นหนิง แต่สถานะของข้าในแคว้นเซี่ยกลับไม่มีประโยชน์อันใด อีกทั้งท่านอ๋องก็ยืนยันหนักแน่นว่าจะไม่รับชายารองและอนุเพิ่มอีกทำให้ตัดหนทางการแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์ไป ฝ่าบาททรงประทานหลิ่วฉู่ฉู่และฮวาอวี้ถงให้กับองค์ชายเจ็ดพร้อมกัน ทำให้เขาไม่อาจได้รับผลประโยชน์ใดจากทางครอบครัวฝ่ายหญิง เช่นนี้ก็เท่ากับการ ตัดหนทางไม่ให้เขาใช้ประโยชน์จากตำแหน่งพระชายาเอกเป็นเหยื่อล่อเชื่อมไมตรีกับขุนนางคนอื่นๆ ในราชสำนัก เพราะอย่างไรผู้ที่มีปากมีเสียงในราชสำนักได้ย่อมไม่ยินยอมพร้อมใจให้บุตรสาวของตนไปเป็นอนุของผู้อื่น"
เมื่อลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนั้น ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเอ่ยขึ้นว่า "อาจจะเป็นเช่นนั้น"
หยุนชางรู้ว่าในใจเขายังคงปฏิเสธเซี่ยหวนอวี่อยู่ นางจึงไม่กล่าวเรื่องนี้ต่อไป เพียงยิ้มและเปลี่ยนเรื่องไป "การคัดเลือกสตรีเพื่อเข้าวังจบลงแล้วและผลลัพธ์ก็ยังเป็นที่น่าพอใจ พอดีกับที่ช่วงนี้พวกเราก็ว่าง ไม่สู้พวกเราหาเวลาเหมาะสมจัดงานแต่งงานให้ลั่วอี้กับเฉี่ยนอินเสีย ลั่วอี้ติดตามท่านมานานแล้ว เฉี่ยนอินก็เป็นเช่นนี้เพราะข้า งานแต่งงานนี้จะต้องยิ่งใหญ่เสียหน่อย"
ลั่วชิงเหยียนยิ้มบางๆ พลางจับไหล่หยุนชางแล้วพูดว่า "เจ้าตัดสินใจเถอะ ตั้งแต่ที่พวกเราแต่งงานกันมา ในจวนเราจัดงานมงคลเช่นนี้เป็นครั้งแรก ก็ดี ช่วงนี้พวกเราหดหู่นัก มีงานมงคลเสียหน่อยก็ดีเหมือนกัน"
ในขณะที่ทั้งสองกำลังคุยกัน พ่อบ้านก็เดินเข้ามายืนอยู่ที่ประตู
ลั่วชิงเหยียนเหลือบมองเขาเล็กน้อยแล้วจึงหุบยิ้ม "มีอะไรหรือ?"
พ่อบ้านโค้งคำนับแล้วตอบว่า "องค์หญิงใหญ่ส่งเทียบเชิญมาและรถม้าก็มาถึงหน้าจวนแล้วขอรับ ข้าน้อยบอกว่าท่านอ๋องกำลังถูกกักบริเวณ ไม่ทราบว่าจะรับแขกได้หรือไม่จึงได้มาถามท่านอ๋องก่อน ท่านอ๋องเห็นว่าอย่างไรขอรับ?"
"องค์หญิงใหญ่?" ลั่วชิงเหยียนสบตากับหยุนชาง สายตาฉายแววประหลาดใจ นางรีบร้อนขนาดนี้เชียวหรือ?
ลั่วชิงเหยียนใคร่ครวญอยู่ชั่วครู่แล้วจึงตอบพ่อบ้าน "ในเมื่อมาแล้วก็เชิญให้ไปที่ศาลาเถอะ ให้นางนั่งรอสักครู่แล้วข้ากับพระชายาจะตามไป"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...