"อาจจะเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่าเพคะ?" เฉี่ยนจั๋วพูดขึ้นมา "บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าคุณหนูหลิ่วนั่นไม่อยากแต่งงานไปอยู่ที่จวนอ๋องเจ็ดก็เป็นได้ จึงสั่งให้คนไปแต่งงานแทน แต่ก็ไม่คิดว่าจะได้ไปเจอกับเหตุการณ์นี้เข้า"
"บังเอิญเหรอ?" หยุนชางครุ่นคิดอยู่นาน แล้วนางก็ส่ายหน้า "เรื่องนี้จริงๆแล้วไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เจ้าสั่งคนพาสายลับฝีมือดีไปนำตัวตัวผู้หญิงคนนั้นมา ข้าจะถามนางด้วยตัวเอง จะได้รู้ว่าเรื่องราวที่แท้จริงเป็นอย่างไร"
เฉี่ยนจั๋วรับคำ แล้วออกไปพร้อมกับสายลับ
หยุนชางหยิบหนังสือไปนั่งอ่านอยู่บนตั่ง ฉินยีเดินเข้ามาเห็นหยุนชางกำลังนั่งอยู่ก็ขมวดคิ้ว นางหยิบผ้าคลุมไหล่ที่ทำมาจากขนมาคลุมไหล่ให้หยุนชาง "แคว้นเซี่ยมีหิมะตกไม่มาก แต่ดูเหมือนว่าวันที่มีหิมะตกที่แคว้นเซี่ยจะหนาวกว่าที่แคว้นหนิงอีกนะเพคะ วันนี้สภาพอากาศไม่เลวเลย หากพระชายาทรงไม่มีกิจธุระอย่างอื่น ลองสวมฉลองพระองค์หนาๆ ให้คนนำเตาไปเก็บ แล้วเปิดหน้าต่างรับลม จะประทับอยู่ในห้องอย่างอุดอู้เช่นนี้นานๆไม่ค่อยดีเท่าไรนะเพคะ"
หยุนชางยิ้มและพยักหน้า นางลุกขึ้นมาสวมเสื้อที่ฉินยีนำมาให้ทับเข้าไปอีกชั้นหนึ่ง แล้วจึงสวมเสื้อคลุม ตามด้วยผ้าคลุมไหล่ที่ทำมาจากขน
ฉินยีเดินไปเปิดหน้าต่างบนหัวนอน สายลมด้านนอกพัดโชยเอากลิ่นหอมอ่อนๆของดอกเหมยเข้ามาด้านใน เมื่อหยุนชางได้กลิ่น ก็รู้สึกจิตใจสงบมากยิ่งขึ้น นางเดินไปสูดอากาศที่หน้าต่างด้วยความรู้สึกสดชื่น ตอนที่กั๋วกงฮูหยินสั่งให้คนไปเก็บดอกเหมยเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ดอกเหมยที่เก็บมาได้เป็นดอกตูมที่กำลังรอวันเบ่งบาน ในตอนนี้ดอกเหมยภายในเขตจวนก็คงจะพากันบานสะพรั่งแล้ว ดอกเหมยสีแดงสดชูช่องดงาม งามราวกับภาพวาดอันวิจิตร
"วันนี้อากาศดีเหลือเกิน ออกไปเดินเล่นข้างนอกกันดีกว่า" จู่ๆหยุนชางก็เกิดความสนใจที่จะออกไปเดินเล่น นางให้ฉินยีรวบผมให้ แล้วเดินไปยังโต๊ะเครื่องแป้ง หยุนชางหยิบปิ่นลายดอกเหมยขึ้นมาแล้วนำไปปักประดับบนศีรษะ จากนั้นจึงเดินออกมาข้างนอกพร้อมกับฉินยี
"ชาวแคว้นเซี่ยนิยมชมชอบดอกท้อ แต่ข้าไม่ค่อยชอบสีของมันเท่าไร ฉินยีเจ้ารู้หรือเปล่า จวนแห่งนี้เดิมทีเป็นจวนสำหรับองค์รัชทายาทแห่งแคว้นเซี่ย ตอนข้ามาที่จวนแห่งนี้ครั้งแรก ข้ารู้สึกตื่นตาตื่นใจกับหมู่มวลดอกท้อที่ปลูกอยู่ในเขตจวน ข้าว่าดอกท้อเป็นดอกไม้ที่ดูอ่อนละมุน แต่ที่แคว้นเซี่ย ดอกท้อถือเป็นดอกไม้ประจำแคว้น เมื่อนำมาปลูกเรียงรายภายในจวน บางทีก็ดูละลานตามากไป ดีที่จวนแห่งนี้ตกแต่งอย่างสง่างาม ดอกเหมยที่ปลูกแซมกันก็ทำให้เกิดเป็นภาพที่น่าชมมากยิ่งขึ้น" หยุนชางยิ้มในขณะที่กำลังเดินไปใต้ต้นดอกเหมย นางยื่นมือไปจับดอกเหมยที่อยู่ใกล้ที่สุด นางดมกลิ่นของดอกเหมยเบาๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างสุขใจ
ฉินยีมองดูดอกเหมยสีแดงสด นางยิ้มและเอ่ยขึ้นมาว่า "พระชายาและพระสนมมีสิ่งที่เหมือนกันหลายอย่างเลยเพคะ อย่างเช่นว่า ทรงโปรดดอกเหมยสีแดงสดเหมือนกันทั้งสองพระองค์เลย"
หยุนชางหันมาถอนหายใจเบาๆ "สิ่งที่ข้ารู้สึกเสียดายเป็นที่สุด ก็คือไม่ได้มีเวลาอยู่กับเสด็จแม่นานๆ สิ่งที่เสด็จแม่ทรงโปรด ข้ากลับไม่ค่อยรู้เท่าใดนัก ช่างเป็นลูกที่ไม่กตัญญูเอาเสียเลย"
เมื่อฉินยีได้ฟังก็มองไปที่หยุนชาง นางยิ้มให้หยุนชางด้วยความอ่อนโยน "พระชายาทรงเป็นความภาคภูมิใจของพระสนมนะเพคะ พระสนมเองก็ทรงเสียพระทัยเช่นเดียวกันที่ไม่ได้เลี้ยงดูพระชายามาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ ทำให้พระชายาต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย"
ในขณะที่ทั้งสองกำลังสนทนากันอยู่นั้น ก็มีเสียงเรียกของบ่าวไพร่ดังแว่วขึ้นมา "ท่านอ๋อง"
หยุนชางหันไปดูก็เห็นลั่วชิงเหยียนกำลังจะเดินเข้าไปด้านใน เมื่อลั่วชิงเหยียนได้พบกับหยุนชางก็ตกใจเล็กน้อย เขาเปลี่ยนใจไม่เดินเข้าไปด้านใน แต่กลับเดินยิ้มมาทางหยุนชางแทน
"ออกมาข้างนอกทำไมกัน?" ลั่วชิงเหยียนเอ่ยถามอย่างอ่อนโยน
หยุนชางส่งยิ้ม นางชี้ไปที่ดอกเหมยที่อยู่ตรงยอดไม้ "หม่อมฉันเห็นว่าดอกเหมยพวกนี้กำลังเบ่งบานได้ที่ ก็เลยออกมาสูดอากาศเสียหน่อยน่ะเพคะ"
ลั่วชิงเหยียนพยักหน้า เขาเข้ามาโอบไหล่ของหยุนชาง แล้วเงยหน้ามองดูดอกเหมย "ได้ออกมาเดินเล่นบ้างก็ดีเหมือนกันนะ ขลุกอยู่แต่ในห้องไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเท่าไร เมื่อครู่นี้ข้าเห็นในจวนมีกระดาษลวดลายสวยๆและกระดาษเขียนคำโคลงติดอยู่เต็มไปหมด โคมไฟสีแดงก็ถูกแขวนเอาไว้ ก็เลยนึกขึ้นได้ว่าอีกไม่กี่วันก็จะเป็นวันส่งท้ายปีเก่าแล้ว หลังวันส่งท้ายปีเก่า ในวังงดราชกิจ 3 วัน ข้าจะได้มีเวลามาเดินเล่นเป็นเพื่อนเจ้า"
เมื่อหยุนชางได้ยินดังนั้นแล้วก็รู้สึกดีใจเป็นที่สุด "ช่างวิเศษจริงๆเลยเพคะ"
ฉินยีที่ยืนอยู่ข้างๆก็พลอยยิ้มตามไปด้วย เมื่อนางเห็นหยุนชางหันมาหา นางก็รีบพูดขึ้นมาอย่างอารมณ์ดีว่า "แต่สามวันนี้นอกจากจะออกไปเยี่ยมญาติพี่น้องแล้ว ก็ไม่มีที่ไหนให้ไปเที่ยวได้อีกเลยนะเพคะ ร้านค้าแต่ละที่ก็พากันปิดร้าน แม้แต่พ่อค้าแม่ค้าที่ขายของตามร้านเล็กๆข้างทางก็คงจะไม่ออกมากันหรอกเพคะ ตามท้องถนนคงจะเงียบเชียบน่าดู แต่ถ้าหากท่านอ๋องและพระชายาสนพระทัย จะเสด็จไปวัดเพื่อจุดธูปขอพรปีใหม่ก็นับว่าไม่เลวเลยนะเพคะ"
เมื่อหยุนชางได้ฟังก็ต้องรู้สึกแปลกใจ ลั่วชิงเหยียนเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน "ไม่เปิดร้านกันเลยอย่างนั้นหรือ?"
ฉินยีพยักหน้า "เป็นเช่นนี้ประจำเพคะ"
เมื่อทั้งสองได้ฟังก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย ลั่วชิงเหยียนครุ่นคิดอะไรบางอย่าง แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า "ไปวัดก็ดีเหมือนกัน ข้าจะให้คนไปดูว่าแถวนี้มีวัดไหนที่มีวิวสวยๆ"
มีสถานที่ให้ได้ออกไปเดินเล่นก็ยังดีกว่าไม่มี หยุนชางได้ฟังแล้วก็พยักหน้า
ลั่วชิงเหยียนพาหยุนชางเดินเล่นภายในเขตจวน เมื่อกลับเข้ามาข้างใน หยุนชางก็ได้เล่าเรื่องที่หลิ่วฉูฉู่อาจจะยังไม่ตายให้ลั่วชิงเหยียนฟัง ลั่วชิงเหยียนไตร่ตรองอยู่สักพัก แล้วจึงพูดขึ้นมาว่า "ข้าก็พอได้รู้ความคืบหน้าของเรื่องนี้มาเหมือนกัน ผลการตรวจสอบระบุว่า คราบเลือดที่ปรากฏภายในห้อง หาใช่เลือดของคนไม่"
"ไม่ใช่เลือดคน?" หยุนชางตะลึง "แล้วคืออะไรหรือเพคะ?"
ชิวมามาที่เดินทางมาเมื่อวานได้ยืนอยู่ข้างๆ เมื่อฉินยีพูดจบแล้ว นางก็พูดขึ้นมาว่า "รอหลังจากที่ท่านอ๋องเสด็จกลับจากในวังแล้ว พระชายาตามเสด็จท่านอ๋องไปที่จวนกั๋วกงด้วยนะเพคะ ตามธรรมเนียมแล้ว วันก่อนวันส่งท้ายปีเก่า ผู้น้อยจะต้องไปคารวะเยี่ยมเยียนผู้อาวุโสเพคะ"
หยุนชางรับคำแล้วเดินเข้าไปในห้องสรงน้ำ เมื่อออกมาแล้วก็ให้ฉินยีช่วยแต่งตัวให้
ชิวมามาเปิดประตูเข้ามา "ช่วงปีใหม่นี้ เวลาที่พระชายาประทับอยู่ในวังหรืออยู่ข้างนอก หากมีหญิงสาวมาขอลูบพระครรภ์ของพระชายาก็ไม่ต้องตกพระทัยนะเพคะ ให้นางลูบพระครรภ์ได้เลย"
"เอ๋?" หยุนชางหันไปมองชิวมามาด้วยความฉงน "ทำไมล่ะ ทำไมต้องให้คนอื่นมาลูบท้องด้วย?"
ชิวมามาหัวเราะ "หญิงบางคนอยากจะตั้งครรภ์แต่ไม่ประสบความสำเร็จ หากได้ลูบท้องของหญิงตั้งครรภ์ เชื่อกันว่าจะสามารถทำให้พวกนางตั้งครรภ์ได้ง่ายมากขึ้น แต่ก็เป็นเพียงคำบอกเล่าที่พูดต่อๆกันมาเท่านั้นเพคะ แต่เรื่องนี้ส่วนใหญ่ก็จะมีเฉพาะผู้ที่รู้จักกันจึงจะมาขอลูบครรภ์ของผู้อื่นได้ ผู้ที่สนิทสนมคุ้นเคยกัน ให้พวกนางได้ลูบพระครรภ์ดูก็ไม่เป็นไรหรอกเพคะ"
"อ๋อ" หยุนชางพยักหน้าทำความเข้าใจเรื่องราวใหม่ๆ ทันใดนั้น นางก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ "จริงสิ วันนี้เป็นวันก่อนวันส่งท้ายปีเก่า จะมีคนมาเยี่ยมหาข้า แล้วข้าจะต้องไปเยี่ยมเยียนพวกเขาถึงบ้านด้วยหรือไม่?"
"พระชายาแค่เสด็จไปที่จวนกั๋วกงก็พอแล้วเพคะ การเยี่ยมเยียนกันในช่วงปีใหม่นั้น ผู้น้อยจะต้องเป็นฝ่ายไปพบผู้อาวุโสหรือผู้ที่สูงศักดิ์กว่าตน พระชายารุ่ยอ๋องถือว่าเป็นผู้มีพระยศสูง มีเพียงผู้ใหญ่ในจวนกั๋วกงเท่านั้นที่ถือว่าเป็นผู้ที่พระชายาควรเสด็จไปคารวะ นอกเหนือจากนั้นก็จะเป็นเจ้านายในวังเพคะ" ชิวมามาอธิบายพร้อมกับส่งยิ้ม
หยุนชางเข้าใจอย่างชัดเจน
หลังจากแต่งตัวและเสวยมื้อเช้าเสร็จ ก็มีคนเข้ามารายงานว่าพระชายาอ๋องเจ็ดเสด็จมาถึงแล้ว
หยุนชางนิ่งไปสักพัก แล้วจึงสั่งให้คนพาฮวาอวี้ถงเข้ามา เมื่อฮวาอวี้ถงเข้ามาด้านในแล้ว นางยิ้มแล้วพูดขึ้นมาว่า "จวนของชางเอ๋อร์ตกแต่งได้งดงามเหลือเกิน"
หยุนชางรู้ดีว่าชีวิตของฮวาอวี้ถงในปีที่ผ่านมาไม่ค่อยจะราบรื่นเท่าใดนัก หลังจากที่อภิเษกเข้ามาอยู่ในจวนอ๋องเจ็ดได้ไม่นาน ก็ต้องมาพบเจอกับเรื่องของหลิ่วฉูฉู่ ในจวนมีแต่เรื่องวุ่นวาย จะไปมีกะจิตกะใจเฉลิมฉลองได้อย่างไร หยุนชางได้เอ่ยกับฮวาอวี้ถงขึ้นมาว่า "ปีนี้ท่านคงจะลำบากไม่น้อย หากมีอะไรให้ข้าช่วยเหลือ ก็ขอให้บอกข้ามาได้เลยนะ"
ฮวาอวี้ถงพยักหน้าแล้วถอนหอยใจออกมาเบาๆ "ข้าชินแล้วล่ะ ถึงอย่างไรข้าก็คงไม่มีความสำคัญต่อท่านอ๋องเจ็ด ทุกวันนี้ข้าได้แต่ใช้ชีวิตไปวันๆ นอกจากไม่มีอะไรให้ข้าทำแล้ว ก็ไม่มีเรื่องใดที่จะลำบากมากไปกว่านี้แล้วล่ะ"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...