ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้ จึงเงยหน้าและเคาะหัวหยุนชางเบาๆ พร้อมกล่าวว่า "หากว่าแค่ดูเช็กบัญชีข้าเองก็ไม่สนหรอก แต่ในวังนั้นคนที่เล่ห์เหลี่ยมเยอะมีมากจนเกินไป ตอนนี้ร่างกายของเจ้าไม่เหมือนเก่าข้ากลัวว่าข้าจะเผลอหลงกลคนอื่นเขา ฉะนั้นข้าจึงมิอยากให้เจ้าเข้าวังเท่าไหร่นัก ในวังนั้นมีหนิงเฉี่ยนอยู่ ตอนนี้มีเหล่าหลินโยวหรานและคนอื่นๆ คอยช่วยเจ้า ฉะนั้นหากว่าเจ้าวางมือลงได้ก็วางเถิด ถึงอย่างไรแล้วฮองเฮามิใช่คนที่น่าคบหาเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีศัตรูอีกมากมายที่เราไม่ทราบ ตอนนี้สิ่งที่ข้าเป็นห่วงมากที่สุดคือความปลอดภัยของเจ้า"
หยุนชางรู้สึกอบอุ่น นางยิ้มแล้วเอนกายพิงไปที่อกของลั่วชิงเหยียน เสียงของนางอ่อนโยนกว่าเดิม " ข้าทราบแล้ว ข้าจะระวังให้มาก เมื่อจบเรื่องนี้แล้วข้าก็จะพักผ่อนอยู่ในบ้านอย่างสบายใจ ตอนนี้มีคนของเราอยู่ในวังมากขึ้น ข้าเองก็จะได้พักผ่อนเสียที"
ลั่วชิงเหยียนยิ้มเบาๆ เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาจูบลงที่หน้าผากของหยุนชาง "ดีมาก"
จู่ๆ หยุนชางก็เริ่มตื่นเต้นขึ้นมา นางพูดด้วยรอยยิ้มว่า "ท่านอ๋องอยากจะลองเดาดูหรือไม่ว่าครั้งนี้ ใครเป็นคนอยู่เบื้องหลัง"
ลั่วชิงเหยียนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า "จะเป็นใครได้อีก ก็คงเป็นฮองเฮากระมั้ง"
"ฮองเฮาหรือ?" หยุนชางเอียงศีรษะครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว "ข้าเดาว่าไม่ใช่ฮองเฮา เรามาพนันกันดีกว่า หากว่าใครแพ้ คนนั้นต้องยอมอีกฝ่ายหนึ่งเรื่อง"
ลั่วชิงเหยียนได้ยินเช่นนี้ก็หัวเราะขึ้นมา "ตกลง ข้ายอมรับการเดิมพันของเจ้า"
ด้วยเหตุที่นอนดึกมาก วันรุ่งขึ้นหยุนชางก็ตื่นสายเล็กน้อย นางเพิ่งจะลุกขึ้นและรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อย พ่อบ้านก็ส่งสมุดบัญชีมาให้ " สมุดบัญชีวันนี้เป็นบัญชีทรัพสินย์ที่นา บัญชีที่นานี้ก็ค้างมานานพอสมควรแล้วขอรับ นี่เป็นบัญชีทั้งหมดที่เรารับมาหลังจากที่มาถึงแคว้นเซี่ยขอรับ พระชายามิจำเป็นต้องเร่งตรวจหมดทั้งหมดภายในหนึ่งวันขอรับ"
หยุนชางพลิกดูไปมา แล้วพยักหน้า "ได้ ข้าเข้าใจแล้ว"
ทันทีที่เปิดสมุดบัญชีมา ก็เห็นเฉี่ยนหลิ่วเข้ามาและพูดว่า " พระชายาเพคะ คนเฝ้าประตูมารายงานว่า พระชายาอ๋องเจ็ดเสด็จเพคะ"
"อวี้ถง?" หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งแต่ครั้งนั้นที่อ๋องเจ็ดคุกเข่าในตำหนักไท่จี๋เป็นเวลานาน ฮวาอวี้ถงก็ไม่มาหานางอยู่หลายวันแล้ว สุดท้ายเรื่องของอ๋องเจ็ดก็เป็นไปตามสิ่งที่หยุนชางคาดคิดเอาไว้ เรื่องได้จบลงไปอย่างไม่มีการจัดการ
"เชิญพระชายาอ๋องเจ็ดเข้ามาด้านในเถิด" หยุนชางตอบด้วยรอยยิ้ม
เฉี่ยนหลิ่วตอบรับ จากนั้นก็เดินออกไป ไม่นานก็พาฮวาอวี้ถงเข้ามา
เมื่อหยุนชางเห็นว่าฮวาอวี้ถงเข้ามา หยุนชางก็ปิดบัญชีในมือแล้ววางไว้ข้าง ๆ นางยิ้มและยืนขึ้นกล่าวว่า " เจ้าคงรู้จักนิสัยของข้าจนหมดแล้ว ข้าเพิ่งจะตื่นนอนเจ้าก็มาถึงพอดี"
ฮวาอวี้ถงอมยิ้ม แต่กลับถอนหายใจเบา ๆ " จู่ๆ อากาศของวันนี้ก็เย็นลงอย่างมาก เมื่อสักครู่ขณะที่เดินทางมารู้สึกว่าลมที่พัดบนใบหน้านั้นเจ็บปวดราวกับโดนบาด"
เมื่อหยุนชางได้ยินเช่นนี้ ก็มองดูฮวาอวี้ถงดีๆ จากนั้นก็เกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาในใจ ฮวาอวี้ถงแต่งงานได้ไม่ถึงเดือน แต่กลับดูแตกต่างไปจากก่อนแต่งงานเยอะมาก ผ่านไปเพียงไม่กี่วัน แววตาของนางก็เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
"หนาวไปอีกสักเดือนกว่าก็จะเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิแล้ว ได้ยินมาว่าฤดูที่งามที่สุดของแคว้นเซี่ยก็คือฤดูฤดูใบไม้ผลิ ดอกท้อทั้งหมดเบ่งบานพร้อมกัน ราวกับสวรรค์บนพื้นดิน ปีที่แล้วที่ข้าเดินทางมาแคว้นเซี่ยข้าพลาดไปพอดี ปีนี้จะต้องชมให้ได้" หยุนชางดึงฮวาอวี้ถงนั่งลงและกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เฝิงหมิง? หยุนชางสั่นสะท้าน ข้อมูลเกี่ยวกับเหล่าขุนนางของแคว้นเซี่ยที่นางเคยอ่านมาก่อนก็แวบเข้ามาในหัว และนางนึกถึงเรื่องราวที่เกี่ยวกับเฝิงหมิงขึ้นมาอย่างลับๆ แต่สีหน้าของนางยังคงสงบนิ่ง "อ๋องเจ็ดไม่เป็นกระไรก็ดี เจ้าเองก็มิต้องเป็นห่วงมากเกินไป"
ฮวาอวี้ถงเหม่อลอย แล้วจึงพยักหน้า
ทั้งสองคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง ฮวาอวี้ถงจึงจะยืนขึ้นแล้วขอลา เมื่อสั่งให้สาวใช้ไปส่งฮวาอวี้ถงออกจากจวนแล้ว หยุนชางจึงเงยหน้ามองไปที่เฉี่ยนหลิ่วและกล่าวว่า "เจ้าไปหยิบหนังสือที่วางอยู่บนชั้นหนังสือชั้นที่สามเล่มที่สามของข้ามาให้หน่อย"
เฉี่ยนหลิ่วตอบกลับ แล้วหยิบหนังสือยื่นให้หยุนชาง หยุนชางเปิดหนังสือ หลับตาและครุ่นคิด แล้วจึงเปิดหนังสือขึ้นมา เปิดไปที่หนึ่งหน้า แล้วเลื่อนนิ้วลงมาเรื่อยๆ และหยุดอยู่ที่ชื่อของคนคนหนึ่ง เฝิงหมิง"
หลังจากนั้นไม่นาน หยุนชางก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย " เฝิงหมิงถูกเซี่ยหวนอวี่ส่งตัวไปดูแลเมืองที่ไม่ไกลจากเมืองคังหยาง หลังจากที่เสร็จสิ้นการรบเมืองคังหยาง ช่วงนี้ข้ามิได้ยินข่าวว่าเซี่ยหวนอวี่เรียกตัวเขานี่นา แม่ทัพกองทหารรักษาการณ์ชายแดนไม่สามารถกลับมาที่เมืองจิ่นได้หากมิได้มีพระราชโองการ แล้วเหตุใดเขาจึงปรากฏตัวอยู่ที่เมืองจิ่น อีกทั้งยังอยู่ในจวนอ๋องเจ็ดอีกด้วย หรือว่าอ๋องเจ็ดมีการเคลื่อนไหวอะไรอีกแล้ว?"
"หรือว่าพระชายาอ๋องเจ็ดจำผิดไป?" เฉี่ยนจั๋วยืนฟังหยุนชางพึมพำอยู่ข้างๆ แล้วกล่าวด้วยเสียงเบาๆ
หยุนชางหันไปมองเฉี่ยนจั๋ว " เมื่อสักครู่ข้าได้ยินอวี้ถงกล่าวเช่นนั้น ทำให้ข้ารู้สึกว่าวันนี้ที่นางมาที่จวนก็คงเพราะเรื่องนี้ ฉะนั้นนางจึงเหม่อลอยตลอด แม้ว่าข้าไม่ทราบว่าเหตุใดนางจึงนำเรื่องนี้มาบอกข้า แต่ทว่า ในเมื่อนางเดินทางมาเพื่อการนี้เป็นพิเศษ ฉะนั้นก็คงมั่นใจอย่างมาก
หยุนชางครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดกับเฉี่ยนจั๋วว่า "มารดาของเฝิงหมิงอาศัยอยู่ที่เมืองจิ่น เจ้าส่งสายลับไปจับตาดูเอาไว้ เฝิงหมิงเป็นลูกกตัญญู หากว่าเฝิงหมิงกลับมาที่เมืองจิ่นจริงๆ เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ไปเยี่ยมมารดาของเขา หากว่าเกิดการเคลื่อนไหวใดๆ ให้สายลับกลับมารายงาย"
เฉี่ยนจั๋วตอบอย่างรวดเร็วแล้วถอยออกไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: ฟีนิกซ์นิพพาน-การแก้แค้นของเจ้าหญิง
ทำไมถึงอ่านบทที่ 18 และอื่นๆต่อไปไม่ได้...